Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Medicine and Health Sciences Commons

Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Journal

2004

Discipline
Institution
Keyword
Publication

Articles 1 - 30 of 37

Full-Text Articles in Medicine and Health Sciences

Interdisciplinary Program Designed To Prepare Student Health Professionals For The Cultural Aspects Affecting Medical Service Develivery In Rural Areas, Denise G. Bender, Brett R. Braziel Oct 2004

Interdisciplinary Program Designed To Prepare Student Health Professionals For The Cultural Aspects Affecting Medical Service Develivery In Rural Areas, Denise G. Bender, Brett R. Braziel

Internet Journal of Allied Health Sciences and Practice

Minorities are significantly underrepresented in the medical professions as compared to the US population as a whole. This discrepancy highlights the need to prepare students to practice in a culturally competent manner. This is especially true for those students who plan to practice in rural areas. Rural practice requires not only the skill of cultural competence, but also the ability to work with other disciplines as part of a team, due to the shortage of health professionals. This article outlines a month-long clinical rotation developed by the health professions programs in Oklahoma and funded through a grant to Oklahoma’s Area …


The Road To Universal Health Coverage In Massachusetts: A Story In Three Parts, John E. Mcdonough Sep 2004

The Road To Universal Health Coverage In Massachusetts: A Story In Three Parts, John E. Mcdonough

New England Journal of Public Policy

In 1988, the Massachusetts Legislature passed a new law, a “play or pay” employer mandate, requiring all employers with six or more workers to provide health insurance coverage for their employees. A few years later, with Medicaid identified as a “Budget Buster,” the Weld administration sought deregulation as the way to cut costs and expand access by establishing MassHealth, which dropped the employer mandate and expanded Medicaid, and eventually distinguished Massachusetts as the state with the greatest percent of covered citizens. But MassHealth enrollment has declined as premium costs have risen, and the Uncompensated Care Pool is once again faced …


Comparison Of Ultimate Tensile Strength Between Torch Soldering Joints And Laser Welding Joints In Au-Pd, Ni-Cr, And Co-Cr Alloys, Pravej Serichetaphongse Sep 2004

Comparison Of Ultimate Tensile Strength Between Torch Soldering Joints And Laser Welding Joints In Au-Pd, Ni-Cr, And Co-Cr Alloys, Pravej Serichetaphongse

Chulalongkorn University Dental Journal

Objective To compare the ultimate tensile strength of the soldering joint from conventional torch technique and the welding joint from laser technology in three types of alloy, gold-palladium (Au-Pd) alloy, nickel-chrome (Ni-Cr) alloy and cobalt-chrome (Co-Cr) alloy using the ISO standard model. Materials and methods Fifty four specimens were prepared in accordance with ISO 6892 from three different alloys, Au-Pd alloy, Ni-Cr alloy and Co-Cr alloy. Six specimens of each alloy were cut and either soldered with gas propane-oxygen torch or welded with laser. The control group was six specimens without cutting (as cast specimens) of each alloy. All specimens …


ทันตกรรมบูรณะด้านความสวยงามเชิงอนุรักษ์ในฟันไมโครดอนเทียของผู้ป่วยวัยรุ่น: รายงานผู้ป่วย 1 ราย, มลิวรรณ วงศ์สิทธาจารย์ Sep 2004

ทันตกรรมบูรณะด้านความสวยงามเชิงอนุรักษ์ในฟันไมโครดอนเทียของผู้ป่วยวัยรุ่น: รายงานผู้ป่วย 1 ราย, มลิวรรณ วงศ์สิทธาจารย์

Chulalongkorn University Dental Journal

ฟันรูปหมุดเป็นความผิดปกติขนาดของฟัน โดยฟันมีขนาดเล็กกว่ามาตรฐาน ส่วนมากจะเกิดกับฟันหน้า ตัดบนข้างทําให้เกิดช่องห่างระหว่างฟันหน้าบน เป็นปัญหาต่อความสวยงามและการออกเสียง รายงานผู้ป่วยรายนี้ อธิบายถึงการวางแผนการรักษา การรักษาโดยบูรณะให้ผู้ป่วยที่มีฟันรูปหมุดได้มีฟันที่มีขนาดและสัดส่วนมาตรฐาน และปิดช่องห่างระหว่างฟัน นํามาซึ่งความสวยงามของใบหน้าและการมีบุคลิกภาพที่ดี ตลอดจนต้องทําการอธิบายสร้างความเข้าใจให้กับผู้ป่วยเพื่อให้บรรลุถึงความต้องการของผู้ป่วย โดยคํานึงถึงการรักษาเชิงอนุรักษ์เป็นสําคัญ


เปรียบเทียบความแข็งแรงพันธะเฉือนระหว่างโลหะผสมสองชนิดกับอะคริลิกเรซินชนิดบ่มด้วยตัวเองภายหลังการปรับสภาพผิวโลหะผสมด้วยวิธีการต่างๆ, อรพินท์ แก้วปลั่ง, ปณิตา เชี่ยวชาญ, ผลิกา เหลืองเรืองรอง Sep 2004

เปรียบเทียบความแข็งแรงพันธะเฉือนระหว่างโลหะผสมสองชนิดกับอะคริลิกเรซินชนิดบ่มด้วยตัวเองภายหลังการปรับสภาพผิวโลหะผสมด้วยวิธีการต่างๆ, อรพินท์ แก้วปลั่ง, ปณิตา เชี่ยวชาญ, ผลิกา เหลืองเรืองรอง

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบความแข็งแรงพันธะเฉือนระหว่างโลหะผสม 2 ชนิด เมื่อทําการยึดติดกับอะคริลิก เรซินชนิดบ่มด้วยตัวเองโดยใช้วิธีการปรับสภาพผิวโลหะผสมลักษณะต่าง ๆ เพื่อนําไปประยุกต์ในการซ่อมแซมฟันปลอมบางส่วนถอดได้ชนิดโครงโลหะ วัสดุและวิธีการ นําโลหะผสมโครบอลต์-โครเมียม (Co-Cr) และโลหะผสมไททาเนียม (Ti-6A1-7Nb) มา เหวี่ยงเป็นชิ้นตัวอย่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 11 มม. หนา 2.5 มม. แบ่งแต่ละชนิดออกเป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ตัวอย่าง: ไม่ได้ทําการปรับสภาพผิว(C), กรดกัด(E), เป่าทราย(S), กรด+เป่าทราย(ES), กรด+เป่าทราย+alloy primer[ESA], เป่าทราย alloy primer [SA] และ เป่าทราย + alloy primer + Panavin FSAP) จากนั้น ยึดด้วยอะครีลิกเรซินชนิดบ่มด้วยตัวเองทรงกระบอกเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 มม. สูง 3 มม. รอ 30 นาที จนอะคริลิก เรซินแข็งเต็มที่ นําขึ้นตัวอย่างทั้งหมดไปแช่น้ําที่อุณหภูมิ 37°C นาน 24 ชม. บันทึกค่าความแข็งแรงพันธะเฉือน โดยใช้เครื่อง Lloyd@ Universal Testing ที่ความเร็วหัวทดสอบ 10 มม./นาที วิเคราะห์ผลทางสถิติโดยใช้ One-way ANOVA us: Independent Samples T-Test ผลการศึกษา ค่าเฉลี่ยของความแข็งแรงพันธะเฉือนสูงสุดในกลุ่มโลหะผสมโครบอลต์-ใครเมียมคือ กลุ่ม ESA (295.61 ±8.67N) และในกลุ่มโลหะผสม Ti-6A1-7Nb คือกลุ่ม SA (299.53 ± 5.14N) สรุป จากการ กษาแนะนําว่าวิธีที่เหมาะสมสําหรับการปรับสภาพผิวโลหะผสมก่อนทําการยึดกับอะครีลิกเรซินชนิดบ่มด้วยตัวเองในการซ่อมแซมฟันปลอมบางส่วนถอดได้ชนิดโครงโลหะในโลหะผสม ใครบอลต์ โครเมียมคือ การ ใช้กรดกัด ร่วมกับการเป่าทรายและการทา alloy primer และในโลหะผสม …


การรักษาทางทันตกรรมในผู้ป่วยโรคโพลีชัยฮีเมีย เวอร่า : รายงานผู้ป่วย, พรมิตร ส่งไพศาล, สุมาลี ส่งไพศาล Sep 2004

การรักษาทางทันตกรรมในผู้ป่วยโรคโพลีชัยฮีเมีย เวอร่า : รายงานผู้ป่วย, พรมิตร ส่งไพศาล, สุมาลี ส่งไพศาล

Chulalongkorn University Dental Journal

โรคโพลีชัยซีเมีย เวอร่า เป็นโรคหนึ่งในกลุ่มของโรคไขกระดูกชนิดที่มีการสร้างเซลล์เพิ่มมากขึ้น อย่างผิดปกติ ทําให้มีเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด เส้นเลือดอุดตัน ผู้ป่วยอาจได้รับยากันเลือดแข็งตัว การรักษาผู้ป่วยด้านทันตกรรมจําเป็นต้องประเมินสภาวะ ของโรคก่อนทําการรักษา และวางแผนการรักษาร่วมกับปรึกษาแพทย์ทางโลหิตวิทยาเพื่อป้องกันการเกิดภาวะ แทรกซ้อน บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อรายงานการรักษาทางทันตกรรมในผู้ป่วยโรคโพลีชัยซีเมีย เวอร่า โดยไม่เกิด ภาวะแทรกซ้อน


แนวทางการแก้ไขภาวะสบเปิดด้วยการจัดฟัน, ดวงกมล อัชทวีวรรณ, วัชระ เพชรคุปต์ Sep 2004

แนวทางการแก้ไขภาวะสบเปิดด้วยการจัดฟัน, ดวงกมล อัชทวีวรรณ, วัชระ เพชรคุปต์

Chulalongkorn University Dental Journal

บทความปริทัศน์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมเนื้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะสูบเปิด ได้แก่ การปรับแต่งการเจริญเติบโตของขากรรไกรด้วยเครื่องมือต่าง ๆ เช่น ไฮพูดเฮดเกียร์ เฝือกสบฟันบน ไบท์บล็อก เครื่องมือจัดฟันชนิดฟังชั่นนอล เวอร์ติคัลชิ้นแคป เป็นต้น การใช้เทคนิคต่าง ๆ ร่วมกับเครื่องมือทางทันตกรรม จัดฟันชนิดติดแน่น ได้แก่ เทคนิคเดียว และการใช้กระดูกเป็นหลักยึดในการกดฟันกราม รวมทั้งได้กล่าวถึงปัจจัย ที่มีผลต่อเสถียรภาพ และข้อแนะนําในการเพิ่มเสถียรภาพของการสบฟันภายหลังการรักษา


Measurement Of Scattered Radiation From Dental Implants In Dry Human Jaw During Radiotherapy, Pravej Serichetaphongse, Pimnara Sitthikhunkitt, Sunantha Srisubat-Ploysongsang Sep 2004

Measurement Of Scattered Radiation From Dental Implants In Dry Human Jaw During Radiotherapy, Pravej Serichetaphongse, Pimnara Sitthikhunkitt, Sunantha Srisubat-Ploysongsang

Chulalongkorn University Dental Journal

Objective To investigate the scattered radiation at bone-implant interfaces irradiated with a therapeutic radiation dose from three different dental implant surfaces in human bone model. Materials and methods Dry human mandible was used to measure the dose enhancement caused by scattered radiation from the three different implant surfaces [machined surface, titanium -coated (TiUnite) surface, hydroxyapatite (HA) -coated surface]. Radiation dose enhancement at distance of 0, 1, 2, and 3 mm from bone-implant interface was determined by thermoluminescent dosimetry using lithium fluoride single crystal chips as a radiation absorber. The absorbed radiation doses in the lithium fluoride chips at mesial, distal, …


การฟื้นฟูสภาพฟันสึกด้านใกล้แก้มด้วยเรซินคอมโพสิต : รายงานผู้ป่วย 1 ราย, สุชาดา วัฒนบุรานนท์ Sep 2004

การฟื้นฟูสภาพฟันสึกด้านใกล้แก้มด้วยเรซินคอมโพสิต : รายงานผู้ป่วย 1 ราย, สุชาดา วัฒนบุรานนท์

Chulalongkorn University Dental Journal

ปัญหาฟันสึกพบมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและผู้สูงอายุ ดังรายงานผู้ป่วยสูงอายุหญิง ที่มีฟันสึกและเสียวฟันมาก การจัดการทําได้โดยหาสาเหตุ ควบคุมป้องกันการสึก พร้อมทั้งประเมินเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม หลีกเลี่ยง วิธีการที่ยุ่งยากซับซ้อน การบูรณะด้วยวัสดุเรซินคอมโพสิตสามารถทําได้ในกรณีของการบูรณะทางด้านใกล้แก้ม เป็นทางเลือกแบบอนุรักษ์ในลักษณะวัสดุบูรณะกึ่งถาวร ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ผู้ป่วยสามารถยิ้มและเคี้ยวอาหารได้ปกติ


แนวโน้มของหลักสูตรและการจัดการศึกษา หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างปี พ.ศ. 2545 2554, พรพรรณ อัศวาณิชย์, นิตยา ภัสสรศิริ, จุมพล พูลภัทรชีวิน, รัตน์ เสรีนิราช Sep 2004

แนวโน้มของหลักสูตรและการจัดการศึกษา หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างปี พ.ศ. 2545 2554, พรพรรณ อัศวาณิชย์, นิตยา ภัสสรศิริ, จุมพล พูลภัทรชีวิน, รัตน์ เสรีนิราช

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มของหลักสูตรและการจัดการศึกษาหลักสูตร ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะมีความเหมาะสมสําหรับบริบทของประเทศไทยในระหว่างปี พ.ศ.2545-2564 วัสดุและวิธีการ การวิจัยครั้งนี้ใช้กระบวนการวิจัยเชิงพรรณนา ประเภทการวิจัยเชิงอนาคตปริทัศน์ แบบเอ็ดในกราฟฟิคเดลฟาย จากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจํานวน 26 ท่าน นําคําสัมภาษณ์มาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อจัดทําแบบสอบถามเลยหายสําหรับ สอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจํานวน 25 ท่าน การวิเคราะห์ผลทางสถิติใช้โปรแกรมสําเร็จรูป SPSS เพื่อหาค่าร้อยละ มัธยฐาน ฐานนิยม ความแตกต่างระหว่างฐานนิยมกับมัธยฐาน และพิสัยระหว่างควยไทล์ ผลการศึกษา การวิจัยครั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นว่าในอนาคตหลักสูตรต้องตอบสนองนโยบายปฏิรูประบบสุขภาพ สามารถผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ความสามารถที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของสังคม คิดเป็น ทําเป็น พูดเป็น สามารถเป็นที่พึ่งพา ของสังคม การจัดหลักสูตรจะมีการบูรณาการองค์ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ การจัดการเรียนการสอนจะมีการฝึกปฏิบัติงานร่วมกับ วิทยาศาสตร์สุขภาพสาขาอื่น การวัดและประเมินผลจะใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการเรียน อีกทั้งเปิดโอกาสให้นิสิตประเมินตนเอง การบริหารการศึกษาจะใช้แนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วม โดยยึดหลักธรรมาภิบาล และเศรษฐกิจพอเพียงการมีส่วนร่วมของคณาจารย์และภาวะผู้นําของคณบดีจะมีส่วนสําคัญในความสําเร็จของการพัฒนาหลักสูตร อย่างไรก็ดีการจัดหลักสูตรในอนาคตยังมีข้อจํากัดในการเสริมสร้างและปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้บังเกิดแก่บัณฑิต สรุป ในการผลิตบัณฑิตให้มี “ความรู้คู่คุณธรรม” นั้น การจัดการศึกษาในอนาคตควรคํานึงถึงการพัฒนาคนให้สอดคล้องกับ กระบวนทัศน์ของ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่มุ่งเน้นการสร้างคนที่มีคุณธรรม จริยธรรม เพื่อการพัฒนาที่มีดุลยภาพระหว่าง เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งแนวคิดด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพต้องอยู่บนฐานของ "กระบวนทัศน์สุขภาพแบบองค์รวม” ซึ่ง มุ่งเน้นการเสริมสร้างสุขภาวะทั้งมิติของกาย ใจ สังคมและจิตวิญญาณ


Changing Attitudes - Health Sciences Students Working Together., Elizabeth A. Taylor, David Cook, Rosemarie Cunnigham, Sharla King, Jan Pimlott Jul 2004

Changing Attitudes - Health Sciences Students Working Together., Elizabeth A. Taylor, David Cook, Rosemarie Cunnigham, Sharla King, Jan Pimlott

Internet Journal of Allied Health Sciences and Practice

Is it possible to alter limiting stereotypic attitudes of health professionals toward each other? Perhaps a first step might be an undergraduate interdisciplinary course that brings students from different faculties together to work on scenarios of common interest? The Inter-professional Health Development, Education & Activities Group (IHDEA) at the University of Alberta believe that their innovative INTD 410 course addresses the goal of changing attitudes. Over a five-week period, more than 700 students attend this required course. They are supported by some fifty facilitators who are drawn from the community and from six different university faculties. Students interact in small …


ประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาในการแนะนํา สุขภาพช่องปากต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ในการเลิกสูบบุหรี่ของผู้ป่วยในคลินิกทันตกรรม 654 สํานักอนามัย กรุงเทพมหานคร, ลาวัณย์ บุณยมานนท์ May 2004

ประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาในการแนะนํา สุขภาพช่องปากต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ในการเลิกสูบบุหรี่ของผู้ป่วยในคลินิกทันตกรรม 654 สํานักอนามัย กรุงเทพมหานคร, ลาวัณย์ บุณยมานนท์

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ การศึกษานี้เป็นการวิจัยแบบทดลองที่มีวัตถุประสงค์ทดสอบประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาเรื่องคําแนะนําของทันตแพทย์ต่อการลดเลิกสูบบุหรี่ของผู้ที่ตั้งใจจะเลิกสูบบุหรี่ และมารับบริการทางทันตกรรมที่คลินิก ทันตกรรม 654 กองทันตสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร วัสดุและวิธีการ ผู้สูบบุหรี่ 90 คนถูกจัดเป็นกลุ่มทดลอง 46 คน กลุ่มควบคุม 44 คน กลุ่มทดลองจะได้รับความรู้ และคําแนะนําจากทันตแพทย์เกี่ยวกับผลเสียของการสูบบุหรี่ต่อร่างกาย และอวัยวะในช่องปาก ส่วนกลุ่มควบคุม ไม่ได้รับความรู้เกี่ยวกับอันตรายจากการสูบบุหรี่เมื่อเริ่มต้นการศึกษาแต่จะได้รับความรู้ดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดการศึกษาทั้งสองกลุ่มจะได้รับการสอนวิธีควบคุมแผ่นคราบจุลินทรีย์ และการทําความสะอาดฟันเมื่อเริ่มต้นการศึกษา 1 สัปดาห์ หลังการกษา 1 เดือน และ 12 เดือน ผลการศึกษา ผลการศึกษาพบว่าจํานวนมวนที่สูบต่อวันมีความแตกต่างกันระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95 % (p<0.05) ตลอดระยะการติดตามผลที่ 1 สัปดาห์ (p=0,000) 1 เดือน (p=0.000) 3 เดือน (p=0.008) 6 เดือน (p=0.026) 9 เดือน (p=0.016) และ 12 เดือน (p=0.002) เมื่อสิ้นสุดการศึกษากลุ่มทดลองหยุดสูบบุหรี่ 32% ในขณะที่กลุ่มควบคุมหยุดสูบบุหรี่เพียง 7.4% กลุ่มทดลองและ กลุ่มควบคุมหยุดสูบบุหรี่มากกว่าหรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของจํานวนที่เคยสูบ 28 % และ 18.5 % ตามลําดับ ส่วนผู้ที่ สูบบุหรี่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจํานวนมวนที่เคยสูบในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีค่าเท่ากับ 28 % และ 18.5 % ตามลำดับ สรุป การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การแนะนําเรื่องผลเสียของการสูบบุหรี่ต่อร่างกายและอวัยวะในช่องปากจากทันตแพทย์มีผลต่อการลดเลิกสูบบุหรี่ของผู้สูบบุหรี่ที่มารับบริการทางทันตกรรม


ผลลัพธ์และเสถียรภาพของการขยายกระดูกขากรรไกร และส่วนโค้งแนวฟันในแนวทรานสเวอร์ส, ไพบูลย์ เตชะเลิศไพศาล May 2004

ผลลัพธ์และเสถียรภาพของการขยายกระดูกขากรรไกร และส่วนโค้งแนวฟันในแนวทรานสเวอร์ส, ไพบูลย์ เตชะเลิศไพศาล

Chulalongkorn University Dental Journal

ในบทความนี้จะนําเสนอการเจริญเติบโตตามปกติของกระดูกขากรรไกรและส่วนโค้งแนวฟันในแนวทรานสเวอร์ส ผลของการรักษาและเสถียรภาพของการขยายขากรรไกร ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลลัพธ์และเสถียรภาพของการรักษา คืออัตราเร็วในการขยายแบบช้าและเร็ว อายุผู้ป่วย ลักษณะของเครื่องมือที่ใช้การรักษาร่วมกับการผ่าตัดและ การคงสภาพเพื่อควบคุมเสถียรภาพภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงในแนวทรานสเวอร์ส


ความกว้างของขากรรไกรในโครงสร้างใบหน้าสั้นและใบหน้ายาว, ปิยารัตน์ อภิวัฒนกุล, วัชระ เพชรคุปต์, เกตุกัญญา สุวรรณประทีป, งามพร ธัญญะกิจไพศาล May 2004

ความกว้างของขากรรไกรในโครงสร้างใบหน้าสั้นและใบหน้ายาว, ปิยารัตน์ อภิวัฒนกุล, วัชระ เพชรคุปต์, เกตุกัญญา สุวรรณประทีป, งามพร ธัญญะกิจไพศาล

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาขนาดความกว้างของขากรรไกรในกลุ่มที่มีโครงสร้างใบหน้าสั้นและใบหน้ายาว พร้อมทั้งเปรียบเทียบขนาดความกว้างขากรรไกรที่ศึกษาได้จากโครงสร้างใบหน้าทั้งสองแบบ วัสดุและวิธีการ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจากภาพถ่ายรังสีกะโหลกศรีษะด้านข้างโดยใช้ค่าของมุมที่เกิดจากระนาบ กะโหลกศีรษะ (SN) กับระนาบขากรรไกรล่าง (MP) เป็นเกณฑ์ได้กลุ่มที่มีใบหน้าสั้น 38 คน หญิง 26 คน ชาย 12 คน) กลุ่มที่มีใบหน้ายาว 38 คน หญิง 23 คน ชาย 15 คน) สร้างแบบจําลองฟันของกลุ่มตัวอย่างนํามาวัดความ กว้างของขากรรไกรส่วนหน้าและส่วนหลังทั้งขากรรไกรบนและขากรรไกรล่าง ตามจุดอ้างอิงของ Korkhaus ด้วยดี ไวน์เตอร์ปลายแหลม ศึกษาค่าความกว้างต่ําสุด สูงสุด ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของขากรรไกรใน ใบหน้าแต่ละรูปแบบ และนําค่าเฉลี่ยมาเปรียบเทียบกัน การทดสอบทางสถิติใช้ t-test ผลการศึกษา ในกลุ่มใบหน้าสั้น มีค่าเฉลี่ยของขนาดความกว้างขากรรไกรบนส่วนหน้าและส่วนหลังเป็น 38,092 มม. และ 48.553 มม. ขากรรไกรล่าง ส่วนหน้าและส่วนหลังเป็น 37.750 มม. และ 48.803 มม. ในขณะที่กลุ่ม ใบหน้ายาวขากรรไกรบนส่วนหน้า และส่วนหลังมีค่าความกว้างเป็น 36,447 มม. และ 46.842 มม. ขากรรไกรล่าง ส่วนหน้าและส่วนหลังเป็น 36.137 มม. และ 47.263 มม. ตามลําดับ โดยค่าเฉลี่ยของขนาดขากรรไกรในใบหน้าทั้ง สองกลุ่มแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทุกค่า (P < 0.05) ยกเว้นเมื่อแยกพิจารณาตามเพศ ในเทศหญิงถึงแม้ ค่าความกว้างทุกค่าจะแตกต่างในลักษณะเดียวกัน แต่จะมีนัยสําคัญ (P < 0.05) เฉพาะความกว้างส่วนหน้าของ ขากรรไกรบนและขากรรไกรล่างเท่านั้น สรุป ขนาดความกว้างของขากรรไกรบนและล่างในคนที่มีโครงสร้างใบหน้าสั้นจะมีค่ามากกว่าคนที่มีโครงสร้าง ใบหน้ายาวทุกค่า


การเรียนการสอนในคลินิกปริทันตวิทยาของนิสิตปริญญาบัณฑิต, ชนินทร์ เตชะประเสริฐวิทยา, อรวรรณ จรัสกุลางกูล May 2004

การเรียนการสอนในคลินิกปริทันตวิทยาของนิสิตปริญญาบัณฑิต, ชนินทร์ เตชะประเสริฐวิทยา, อรวรรณ จรัสกุลางกูล

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาถึงการเรียนการสอนในคลินิกปริทันตวิทยาของนิสิตปริญญาบัณฑิต ใน เรื่องเกี่ยวกับด้านการบริหารจัดการในคลินิก ความร่วมมือของผู้ป่วย สมรรถนะของวิชาชีพที่นิสิตทําได้ และคุณภาพการเรียนการสอน วัสดุและวิธีการ ส่งแบบสอบถามประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับผู้ตอบแบบสอบถาม ข้อมูลเกี่ยวกับด้านการบริหารจัดการ ในคลินิก ความร่วมมือของผู้ป่วย สมรรถนะของวิชาชีพที่นิสิตทําได้ และคุณภาพการเรียนการสอน ให้กับทันตแพทย์ที่มีรหัส เลขประจําตัวนิสิต 40 จํานวน 100 คน และนิสิตทันตแพทย์ที่มีรหัสเลขประจําตัวนิสิต 41 จํานวน 102 คน ผู้ตอบแบบสอบถามทั้ง2 รุ่นได้ปฏิบัติงานของคลินิกรวม และสหคลินิก โดยเฉพาะคลินิกปริทันตวิทยาในลักษณะเดียวกันในการศึกษาปีที่ 4,5 และ 6- หลังจากได้แบบสอบถามกลับคืนมา ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา ด้วยการใช้ SPSS - PC software package ผลการศึกษา ได้รับแบบสอบถามกลับคืนจํานวน 156 ฉบับ พบปัญหามากและปัญหามากที่สุดในหัวข้อด้านการบริหารจัดการ ในคลินิก เรื่องการรักษาผู้ป่วยไม่เสร็จในการรักษาขั้นต้น และหัวขัดผงพิมพืชเสียง่าย ร้อยละ 36.46-40.38 สําหรับหัวข้อ ความร่วมมือของผู้ป่วย นิสิตปี 4 ปี 5 และปี 6 พบปัญหามากและปัญหามากที่สุดในเรื่องความไม่ร่วมมือในการแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟัน ร้อยละ 22.43, 42.95 และ 31.41 ตามลําดับ หลังจากจบการศึกษาปีที่ 4 ผู้ตอบแบบสอบถามมีสมรรถนะ ของวิชาชีพ คือสามารถจุดหินน้ําลายและเกลารากฟัน สามารถตรวจหาหินน้ําลาย และสามารถสอนและชักจูงผู้ป่วยให้ดูแล อนามัยช่องปาก ในรายที่มีร่องลึกปริทันต์ไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ได้มากและมากที่สุดรวมร้อยละ 30.13 ส่วนหัวข้อคุณภาพ การเรียนการสอน พบว่าร้อยละ 49.01 ของจํานวนอาจารย์ประจําที่ได้สอดแทรกคุณธรรม และจริยธรรมทางทันตแพทย์ ร้อยละ 71.17 ของจํานวนอาจารย์พิเศษที่ตอบข้อซักถามของนิสิตให้เข้าใจได้ง่าย ส่วนหัวข้ออาจารย์ที่ไม่อธิบายเหตุผลในการเช็ค งานผ่านไม่ผ่าน มีจํานวนอาจารย์ประจําและอาจารย์พิเศษถูกประเมินน้อยสุด คือ ร้อยละ 5.60 และ 3.92 ตามลําดับ สรุป …


Air-Rotor Stripping In Orthodontic Treatment - A Literature Review, Udom Thongudomporn May 2004

Air-Rotor Stripping In Orthodontic Treatment - A Literature Review, Udom Thongudomporn

Chulalongkorn University Dental Journal

Air-rotor stripping was first introduced as an alternative to extraction or expansion therapy in orthodontic treatment in 1985. Since then, the technique has been variously modified for the improvement of its efficiency and the ease of use. Air-rotor stripping has been claimed to be advantageous for the relief of mild to moderate crowding without sacrificing premolars or violating the original arch dimension. However, the opinions on the drawback of the procedure, such as demineralization of the stripped enamel, periodontal complication, and so on, have been varied. It is suggested that clinicians should take precautions whenever the technique is clinically applied.


การใช้บริการทันตกรรมตามประเภทของหลักประกันทันตสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยคลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ, ชาญชัย โห้สงวน, พนิตนาฎ ปาละ, ภาวินีย์ อินทร์หล่อ May 2004

การใช้บริการทันตกรรมตามประเภทของหลักประกันทันตสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยคลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ, ชาญชัย โห้สงวน, พนิตนาฎ ปาละ, ภาวินีย์ อินทร์หล่อ

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ ในปัจจุบันประเทศไทยมีหลักประกันทันตสุขภาพหลายประเภท ซึ่งมีรูปแบบการดําเนินงานแตกต่าง กัน การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงแบบแผนการใช้บริการทันตกรรมของผู้ป่วย และเพื่อประเมินผลกระทบ ของการมีหลักประกันทันตสุขภาพประเภทต่าง ๆ ต่อพฤติกรรมการใช้บริการทันตกรรม วัสดุและวิธีการ ท่าการเก็บข้อมูลโดยการแจกแบบสอบถามให้แก่ผู้ป่วย ณ คลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ คณะ ทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการทันตกรรมในรอบหนึ่งปีที่ ผ่านมา (ปี พ.ศ. 2544) ได้รับการตอบแบบสอบถามกลับคืนที่นํามาวิเคราะห์ได้จํานวน 416 รายผลการศึกษา ประมาณร้อยละ 62.3 ของผู้ป่วยมีหลักประกันทันตสุขภาพประเภทใดประเภทหนึ่ง โดยที่สวัสดิการ รักษาพยาบาลข้าราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด (ร้อยละ 46.9) รองลงมาคือประกันสังคม (ร้อยละ 10.1) ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 92.8) เคยใช้บริการทันตกรรมในรอบปีที่ผ่านมา ชนิดของบริการทันตกรรมที่ได้รับมาก ที่สุดได้แก่ การขูดหินน้ําลาย การอุดฟัน และการรักษารากฟัน คิดเป็นร้อยละ 66.0, 64.1 และ 36.1 ตามลําดับ พบว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสําคัญระหว่างประเภทของหลักประกันทันตสุขภาพกับความถี่ของการใช้บริการ ทันตกรรม (p = 0.024) ผู้ที่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ มีอัตราการใช้บริการทันตกรรมสูง กว่าผู้ป่วยประกันสังคมสรุป สรุปได้ว่า ประเภทของหลักประกันทันตสุขภาพมีผลกระทบต่อแบบแผนการใช้บริการทันตกรรมของผู้ป่วย หลักประกันทันตสุขภาพต่าง ๆ ที่มีชุดสิทธิประโยชน์เหลื่อมล้ํากัน อาจกระทบต่อความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงบริการทันตกรรมของประชาชน


การจัดคลินิกปริทันตวิทยาแบบช่วงเวลาและแบบตลอดปีของนิสิตปริญญาบัณฑิต, อรวรรณ จรัสกุลาชกูร, ชนินทร์ เตชะประเสริฐวิทยา May 2004

การจัดคลินิกปริทันตวิทยาแบบช่วงเวลาและแบบตลอดปีของนิสิตปริญญาบัณฑิต, อรวรรณ จรัสกุลาชกูร, ชนินทร์ เตชะประเสริฐวิทยา

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อเปรียบเทียบการจัดคลินิกปริทันตวิทยาของนิสิตปริญญาบัณฑิต ระหว่างแบบ ช่วงเวลาและแบบตลอดปี ในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการในคลินิก ความร่วมมือของผู้ป่วย สมรรถนะของวิชาชีพที่นิสิต ทําได้ และคุณภาพการเรียนการสอน วัสดุและวิธีการ ทําการศึกษาโดยใช้แบบสอบถามประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ข้อมูลเกี่ยวกับ การบริหารจัดการในคลินิก ความร่วมมือของผู้ป่วย สมรรถนะของวิชาชีพที่นิสิตทําได้ และคุณภาพการเรียนการสอน กลุ่ม ตัวอย่างจํานวน 195 คน มีผู้ตอบแบบสอบถามกลับคืนจํานวน 175 คน ประกอบด้วยนิสิตทันตแพทย์ที่มีรหัสเลขประจําตัวนิสิต 41 จํานวน 87 คน ปฏิบัติงานคลินิกปริทันตวิทยาแบบช่วงเวลา และนิสิตทันตแพทย์ที่มีรหัสเลขประจําตัวนิสิต 42 จํานวน 88 คน ปฏิบัติงานคลินิกปริทันตวิทยาแบบตลอดปี ในปีการศึกษาที่ 5 รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการใช้ SPSS- PC software package ผลการศึกษา ผลการวิเคราะห์พบมีความแตกต่างอย่างนัยสําคัญทางสถิติของการจัดคลินิกปริทันตวิทยาแบบช่วงเวลาและการ จัดคลินิกปริทันตวิทยาแบบตลอดปี ในหัวข้อนิสิตรักษาผู้ป่วยไม่เสร็จในการรักษาขั้นต้น (p-041) นิสิตของยูนิต ล่วงหน้า เพราะเลือกอาจารย์เช็คงาน (1,003) การทําเครื่องมือให้ไร้เชื้อไม่ทันเวลาทํางาน (p-003) และการนําความรู้ทางพรี คลีนิกไปประยุกต์ใช้ในคลินิก (p-01) ส่วนหัวข้ออื่น ๆ มีความแตกต่างอย่างไม่มีนัยสําคัญทางสถิติระหว่างการจัดคลินิกปริ ทันตวิทยาทั้ง 2 แบบ สรุป ผลสรุปจากคําถามปลายเปิดพบว่า การจัดคลินิกปริทันตวิทยาแบบช่วงเวลามีข้อดี คือนิสิตสามารถให้การรักษา ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง นิสิตสามารถบริหารจัดการในการรักษาผู้ป่วยเฉพาะ 2 ภาควิชาได้ง่าย และนิสิตทุ่มเทกับการปฏิบัติงานคลินิกเฉพาะวิชาอย่างเต็มที่ ข้อเสียของการจัดคลินิกปริทันตวิทยาแบบช่วงเวลา คือช่วงเวลา 12-13 สัปดาห์ไม่เหมาะสําหรับ การรักษาลักษณะองค์รวม ปัญหาที่เกิดขึ้นมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา และนิสิตมีความเครียดขณะทํางานที่มีเวลาจํากัด ส่วนข้อดีของการจัดคลินิกปริทันตวิทยาแบบตลอดปีเป็นการรักษาผู้ป่วยในลักษณะองค์รวมในทุกสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง และติดตามการรักษาในช่วงเวลาคงสภาพ นิสิตรู้จักตัดสินใจ วางแผนและการบริหารจัดการผู้ป่วย ส่วนข้อเสียของการจัดคลินิก ปริทันตวิทยาแบบตลอดปี คือจํานวนคาบเวลาทํางานต่อสัปดาห์ที่มีน้อยทําให้นิสิตนัดผู้ป่วยได้ยากขึ้น เป็นผลให้เกิด ความเครียดในการบริหารจัดการผู้ป่วย ข้อสุดท้ายคือ จํานวนคาบเวลาของนิสิตทั้ง 2 กลุ่มไม่เท่ากัน ถึงแม้ว่าจํานวนชั่วโมงที่ คลินิกจะเท่ากัน ผลจากการศึกษานี้อาจใช้เป็นแนวทางหนึ่ง ในการพิจารณากําหนดการจัดคลินิกโดยวิธีแบบช่วงเวลา หรือแบบตลอดปี และเป็นข้อมูลสําหรับบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการทําความเข้าใจกับระบบดังกล่าว


ไจแอนท์ เซลล์ ไฟโบรมาในช่องปาก : รายงานผู้ป่วย, ศิวพร สุขอร่าม, สมศรี โรจนวัฒน์ศิริเวช May 2004

ไจแอนท์ เซลล์ ไฟโบรมาในช่องปาก : รายงานผู้ป่วย, ศิวพร สุขอร่าม, สมศรี โรจนวัฒน์ศิริเวช

Chulalongkorn University Dental Journal

ไจแอนท์ เซลล์ ไฟโบรมา จัดเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงซึ่งพบได้น้อยในช่องปาก และโดยเฉพาะใน เด็กเล็ก บทความนี้เป็นรายงานผู้ป่วย 1 ราย ซึ่งเป็นเด็กหญิงไทยอายุ 5 ปี มารับการรักษาที่กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เนื่องจากมีก้อนเนื้อขนาดประมาณ 0.6x0.8x0.3 เซนติเมตร บริเวณเหงือกสามเหลี่ยมระหว่าง ฟันตัด กลางแท้ซ้ายล่างและฟันตัดข้างแท้ซ้ายล่าง เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี ไม่มีอาการใด ๆ ไม่มีเลือดออก โดยไม่พบความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรบริเวณนั้น ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยทางคลินิกเป็นพาพิลโลมา ให้การ รักษาโดยวิธีผ่าตัด ผลการตรวจทางจุลพยาธิวิทยาเป็น ไจแอนท์ เซลล์ ไฟโบรมา รายงานนี้แสดงถึงการตรวจทาง คลินิก การวินิจฉัยแยกโรคทางคลินิก และการวินิจฉัยทางจุลพยาธิวิทยา รวมทั้งเสนอแนะการดูแลอนามัยช่องปาก ที่ไม่ให้เกิดคราบจุลินทรีย์ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นรอยโรคในผู้ป่วยและจากการติดตามผลหลังการรักษาเป็นเวลา 2 ปี ไม่พบการกลับเป็นขึ้นใหม่


Confidentiality And Juvenile Mental Health Records In Dependency Proceedings, David R. Katner Feb 2004

Confidentiality And Juvenile Mental Health Records In Dependency Proceedings, David R. Katner

William & Mary Bill of Rights Journal

Providing children's disclosures to their mental health therapists greater protection in juvenile dependency cases recognizes the importance of privacy in therapeutic communications. Numerous children are required by juvenile courts to divulge the most intimate details of their lives to mental health experts only to have those disclosures revealed in court proceedings. Reversing the presumption that children's mental health records may be discussed openly in dependency litigation and requiring courts to perform in camera reviews affords children the dignity and respect adults take for granted. Ensuring greater confidentiality for children's mental health records is one step the legal system should take …


Virginia Dental Journal (Vol. 81, No. 2, 2004) Jan 2004

Virginia Dental Journal (Vol. 81, No. 2, 2004)

Virginia Dental Journal

No abstract provided.


Medicare At 40: A Mid-Life Crisis?, Nancy-Ann Deparle Jan 2004

Medicare At 40: A Mid-Life Crisis?, Nancy-Ann Deparle

Journal of Health Care Law and Policy

No abstract provided.


Medicate-To-Execute: Current Trends In Death Penalty Jurisprudence And The Perils Of Dual Loyalty, Daniel S. Shaivitz Jan 2004

Medicate-To-Execute: Current Trends In Death Penalty Jurisprudence And The Perils Of Dual Loyalty, Daniel S. Shaivitz

Journal of Health Care Law and Policy

No abstract provided.


Virginia Dental Journal (Vol. 81, No. 3, 2004) Jan 2004

Virginia Dental Journal (Vol. 81, No. 3, 2004)

Virginia Dental Journal

No abstract provided.


Virginia Dental Journal (Vol. 81, No. 4, 2004) Jan 2004

Virginia Dental Journal (Vol. 81, No. 4, 2004)

Virginia Dental Journal

No abstract provided.


Virginia Dental Journal (Vol. 81, No. 1, 2004) Jan 2004

Virginia Dental Journal (Vol. 81, No. 1, 2004)

Virginia Dental Journal

No abstract provided.


Financing Smoking Related Illness And Smoking Cessation In The United States: Can It Be Done?, Thomas G. Parish Jan 2004

Financing Smoking Related Illness And Smoking Cessation In The United States: Can It Be Done?, Thomas G. Parish

Internet Journal of Allied Health Sciences and Practice

A review of the literature was undertaken, exploring the tremendous economic burden that cigarette smoking places on the United States. The cost of medical care and lost productivity related to smoking is conservatively estimated to be $150 billion. These costs to smokers and non-smokers alike are funded at the state and national levels. The literature supports the idea that the single most important barrier to smoking cessation is the cost of medications and smoking cessation programs. In this article, it is proposed that millions of smokers could be assisted to quit by federal government intervention alone. A federal tax on …


Asymmetric Maxillary First Molar Distalization With The Transpalatal Arch, Serhat Eyüboğlu, Ali̇ Osman Bengi̇, Ari̇f Ümi̇t Gürton, Erol Akin Jan 2004

Asymmetric Maxillary First Molar Distalization With The Transpalatal Arch, Serhat Eyüboğlu, Ali̇ Osman Bengi̇, Ari̇f Ümi̇t Gürton, Erol Akin

Turkish Journal of Medical Sciences

The purpose of this study was to determine the dentoalveolar and skeletal effects of a Goshgarian transpalatal arch (TPA) in unilateral maxillary first molar distalization. The treatment group consisted of 15 patients (6 females and 9 males) between 10.8 and 12.1 years of age. The maxillary first molars, which were in a dental Class I relationship (anchorage molars), were the anchorage units, while the molars in Class II relationship (distalized molars) were distalized using a TPA with 150 g. of force. Lateral head films, study models and clinical photographs of all the patients were taken before and after distalization. The …


Evaluation Of Pulsed Electromagnetic Fields On Bone Healing After Implant Placement In The Rabbit Mandibular Model, Jüli̇de Özen, Arzu Atay, Selçuk Oruç, Mehmet Dalkiz, Bedri̇ Beydemi̇r, Sali̇h Develi̇ Jan 2004

Evaluation Of Pulsed Electromagnetic Fields On Bone Healing After Implant Placement In The Rabbit Mandibular Model, Jüli̇de Özen, Arzu Atay, Selçuk Oruç, Mehmet Dalkiz, Bedri̇ Beydemi̇r, Sali̇h Develi̇

Turkish Journal of Medical Sciences

Although bone healing around titanium implants has already been evaluated, the effect of pulsed electromagnetic fields (PEMF) during the period of bone maturation around titanium dental implants has not yet been investigated. The aim of this study was to evaluate the effects of PEMFs on bone formation following the insertion of titanium-dental implants in the rabbit mandibular model. Ti-6Al-4V (Sulzer Calcitek, California, USA) dental implants were inserted into the mandibulae of 28 New Zealand rabbits (6 weeks old). Fourteen were stimulated with PEMFs for 2 consecutive weeks, 4 h/day, at a magnetic intensity of 0.2 milli Tesla (mT), while the …


Reconstruction Of Localized Defects Of The Anterior Maxillary Ridge With Autogenous Bone Graft Before Insertion Of A Single Implant, Yilmaz Günaydin, Yavuz Si̇nan Aydintuğ, Keri̇m Ortakoğlu, Meti̇n Şençi̇men, Mehmet Dalkiz Jan 2004

Reconstruction Of Localized Defects Of The Anterior Maxillary Ridge With Autogenous Bone Graft Before Insertion Of A Single Implant, Yilmaz Günaydin, Yavuz Si̇nan Aydintuğ, Keri̇m Ortakoğlu, Meti̇n Şençi̇men, Mehmet Dalkiz

Turkish Journal of Medical Sciences

ÜNAYDIN^1, Yavuz Sinan AYDINTUĞ^1, Kerim ORTAKOĞLU^1, Metin ŞENÇİMEN^1, Mehmet DALKIZ^2 ^1Department of Oral and Maxillofacial Surgery, Gülhane Military Medical Academy, Ankara - Turkey ^2Department of Prosthetic Dentistry, Gülhane Military Medical Academy, Ankara - Turkey