Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Medicine and Health Sciences Commons

Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Dentistry

1997

Institution
Keyword
Publication
Publication Type

Articles 1 - 30 of 59

Full-Text Articles in Medicine and Health Sciences

The Effect Of Systemic Doxycycline On Alveolar Bone Loss Following Periradicular Surgery, G. Reed Cummings Dec 1997

The Effect Of Systemic Doxycycline On Alveolar Bone Loss Following Periradicular Surgery, G. Reed Cummings

Loma Linda University Electronic Theses, Dissertations & Projects

Studies have shown an average of 0.5 mm to over 1.0 mm of bone loss following full thickness flap reflection. Recent investigations have revealed that the tetracycline family of antibiotics can prevent bone loss. The purpose of this study was to determine the effect of systemic Doxycycline on crestal alveolar bone loss following periradicular surgery in Beagle dogs.

The experiment was divided into two phases. The first phase served as the control (Non-Doxycycline), the second phase as the experiment (Doxycycline). Full thickness flaps were reflected in the mandibular left or right quadrant (control side) of five Beagle dogs. Using a …


The Effect Of Root End Demineralization On Cementogenesis : A Long Term Investigation, Hamid R. Abedi Dec 1997

The Effect Of Root End Demineralization On Cementogenesis : A Long Term Investigation, Hamid R. Abedi

Loma Linda University Electronic Theses, Dissertations & Projects

Craig and Harrison12 examined the effect of demineralization of resected root ends on wound healing following periradicular surgery. Based on its microscopic evaluations from 4-45 days, it was proposed that demineralization of resected root ends enhances cementogenesis. The purpose of this study was to investigate the longer term effects of demineralization on cementogenesis using Mineral Trioxide Aggregate (MTA) or amalgam as root end filling materials. After completion of root canal therapy and endodontic surgery on seventy-two roots of mandibular second, third and fourth premolars of six beagle dogs, 32/72 of the root ends at random were etched with 50% …


Entrapped Lip Following Sport Injury, W.C. Ngeow, L. Kon Sep 1997

Entrapped Lip Following Sport Injury, W.C. Ngeow, L. Kon

Wei Cheong Ngeow

A case is presented of a patient whose lip became entrapped onto his orthodontic bracket following a blow to his face during a contact sport. The entrapped mucosa had to be released surgically.


ขนาดของฟันหลัง ความกว้าง และความลึกของ เพดานปาก/ขากรรไกรล่าง ในคนไทสี่กลุ่ม : การศึกษาเบื้องต้น, สุนทร ระพิสุวรรณ, ชัยวัฒน์ ปิ่นน้อย Sep 1997

ขนาดของฟันหลัง ความกว้าง และความลึกของ เพดานปาก/ขากรรไกรล่าง ในคนไทสี่กลุ่ม : การศึกษาเบื้องต้น, สุนทร ระพิสุวรรณ, ชัยวัฒน์ ปิ่นน้อย

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ ของการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบ (1) ขนาดของฟันหลัง (2) ความกว้างและความลึกของเพดาน ปากและขากรรไกรล่าง ของคนไทสี่เชื้อสาย ได้แก่ ผู้ไท มลายู เขมร และจีน วัสดุและวิธีการ ประชากรศึกษาได้แก่ คนไท 90 คน จากสี่เชื้อสาย ได้แก่ มลายู 19 คน เขมร 25 คน ผู้ไท 25 คน และ จีน 21 คน มีการสบฟันปกติและได้รับการสุ่มตัวอย่างมาแล้วดําเนินการพิมพ์ปากด้วยผงพิมพ์ปากและเทปูน ชนิดแข็งและวัดแบบฟันด้วยดีไวเดอร์ชนิดวัดได้ละเอียด 0.1 มม. บริเวณความกว้างและความหนาของฟัน รวมทั้งความ กว้างและความลึกของขากรรไกรบนและล่าง ผลการศึกษา ค่าเฉลี่ยขนาดของฟันหลังคนไทเชื้อสายผู้ไทจะมีความกว้างและความหนาน้อยกว่าของกลุ่มคนไท เชื้อสายเขมรและมลายูอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติแต่เมื่อเทียบกับกลุ่มจีนแล้วแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ไม่แตกต่างกัน ทางสถิติ ขณะเดียวกันความลึกของเพดานปากของคนไทจะสั้นกว่าของคนเขมรและมลายูอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ และความกว้างของเพดานปากและขากรรไกรล่างตรงตําแหน่งฟันซี่ที่ห้าและหกในคนผู้ไทจะขยายมากกว่ากลุ่มอื่น อย่างเห็นได้ชัด สรุป ขนาดของฟันหลังคนไทเชื้อสายผู้ไทจะมีขนาดเล็กกว่าฟันของคนไทเชื้อสายเขมร มลายู และจีน ทํานองเดียวกัน ความลึกของเพดานปากก็จะสั้นกว่าด้วย แต่ความกว้างของเพดานปากและขากรรไกรบริเวณฟันกรามน้อยซี่ที่สอง และฟันกรามซี่แรกจะมีเปอร์เซ็นต์การขยายมากกว่า ทําให้รูปเพดานปากของผู้ไทจะเป็นรูปเกือกม้าค่อนข้างชัดเจน


ผลของเกล็ดไฮดรอกซีอาปาไทต์ต่อเซลล์สร้าง เส้นใยจากเหงือกและเอ็นยึดปริทันต์, ทัศนีย์ ดรงค์สุวรรณ, ประสิทธิ์ ภวสันต์ Sep 1997

ผลของเกล็ดไฮดรอกซีอาปาไทต์ต่อเซลล์สร้าง เส้นใยจากเหงือกและเอ็นยึดปริทันต์, ทัศนีย์ ดรงค์สุวรรณ, ประสิทธิ์ ภวสันต์

Chulalongkorn University Dental Journal

เราได้ศึกษาถึงผลของเกล็ดไฮดรอกซีอาปาไทต์ที่มีต่อเซลล์เพาะเลี้ยงจากเหงือกและจากเอ็นยึดปริทันต์ ผลจากการทดลองพบว่าเซลล์ทั้งสองชนิดสามารถตอบสนองต่อเกล็ดไฮดรอกซีอาปาไทต์โดยเปลี่ยนแปลงรูปแบบของโปรตีนที่เซลล์สร้างขึ้น เมื่อวิเคราะห์ด้วยเทคนิคอิเล็กโตรโฟเรซิส เซลล์ที่สัมผัสกับเกล็ดไฮดรอกซีอาปาไทต์จะสร้างโปรตีนใหม่ที่มีน้ําหนักโมเลกุลราว 52 - 55 กิโลดาลตัน ซึ่งไม่พบในกลุ่มควบคุม และยังพบการสร้างโปรตีนที่มีน้ำหนักโมเลกุลมากกว่า 200 กิโลดาลตันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนด้วย เมื่อทําการศึกษาเพิ่มเติมด้วยเทคนิคเวสเทอร์นอนาไลซิสพบว่า หนึ่งในโปรตีนที่เซลล์สร้างเพิ่มขึ้นคือ ไฟโบรเนกทิน การเพิ่มขึ้นของโปรตีนทั้งสองชนิดนี้สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ที่ได้จากการศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่านซึ่งแสดงว่าเซลล์ที่เลี้ยงบนเกล็ดไฮดรอกซีอาปาไทต์จะมีการสะสมของเมทริกซ์นอกเซลล์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าเซลล์เพาะเลี้ยงสามารถตอบรับต่อ สัญญาณจากไฮดรอกซีอาปาไทต์ และตอบสนองโดยการเพิ่มการสร้างไฟโบรเนกทินเพื่อช่วยในการยึดเกาะของเซลล์กับเกล็ดไฮดรอกซีอาปาไทต์


ความรู้สึกกลัวและกังวลใจต่อการใช้บริการ ทันตกรรมของคนกรุงเทพฯ เฉพาะกลุ่ม, สุนทร ระพิสุวรรณ, ภฑิตา ภูริเดช, ศุลีพร ธีรเจตกูล Sep 1997

ความรู้สึกกลัวและกังวลใจต่อการใช้บริการ ทันตกรรมของคนกรุงเทพฯ เฉพาะกลุ่ม, สุนทร ระพิสุวรรณ, ภฑิตา ภูริเดช, ศุลีพร ธีรเจตกูล

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. ต้องการศึกษาระดับความกลัวและกังวลใจต่อการใช้บริการทันตกรรมของคนไทย กลุ่มที่มารับบริการทันตกรรมที่คลินิกนอกเวลาของคณะทันแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2. ศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกกลัวและกังวลใจ วัสดุและวิธีการ ประชากรศึกษาที่นํามาวิเคราะห์มีจํานวน 650 คน มีอายุตั้งแต่ 15 ปี จนถึง 76 ปี ซึ่งได้มาใช้ บริการทันตกรรมที่คลินิกนอกเวลาและถูกสุ่มอย่างเป็นระบบ ได้รับการแจกแบบสอบถามที่ประกอบด้วยคําถามด้านประชากรศาสตร์และคําถามของ The Corah's Dental Anxiety Scale ผลการศึกษา พบว่า 10.6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรศึกษาไม่แสดงความกลัวและกังวลใจต่อการมาใช้บริการทันตกรรม, 30.7 เปอร์เซ็นต์ กลัวปานกลาง และ 8.8 เปอร์เซ็นต์ กลัวมากจนถึงมากที่สุด ค่าเฉลี่ยของคะแนนความกลัว และ กังวลใจต่อการใช้บริการทันตกรรม (DAS) เท่ากับ 8.30 13.24 เพศหญิงมีความกลัวและกังวลใจมากกว่าเพศ ชาย คนหนุ่มสาวและวัยรุ่นมีความกลัวมากกว่าผู้สูงอายุ ความเจ็บปวดจากการได้เคยใช้บริการทันตกรรมครั้งแรก จะมีผลต่อความรู้สึกกลัวและกังวลใจ (p<0.001) สรุป 1. ระดับความกลัวและกังวลใจของประชากรศึกษากลุ่มนี้เท่ากับ 8.3043.24 2. อายุ, เพศ,ประสบการณ์ความเจ็บปวดจากการรับบริการทันตกรรมครั้งแรกมีผลต่อความกลัวและกังวลใจ อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ


การเลือกสีฟันโดยใช้แหล่งกําเนิดแสงชนิดต่าง ๆ, สุภิดา อนุสสรนิติสาร, กสิน ลิมปิสุต, สมผล วชิรยนเสถียร Sep 1997

การเลือกสีฟันโดยใช้แหล่งกําเนิดแสงชนิดต่าง ๆ, สุภิดา อนุสสรนิติสาร, กสิน ลิมปิสุต, สมผล วชิรยนเสถียร

Chulalongkorn University Dental Journal

การใช้แสงที่ได้มาจากแหล่งกําเนิดแสงชนิดต่าง ๆ กันอาจทําให้ได้ผลการเลือกสีฟันที่แตกต่างกัน การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแสงจากแหล่งกําเนิดแสงชนิดต่าง ๆ วัตถุประสงค์ ได้แก่ แสงธรรมชาติเวลากลางวัน แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ และแสงจากหลอดไฟเทียบสีฟัน เพื่อดูว่าแหล่ง กําเนิดแสงชนิดใดเหมาะที่จะใช้เลือกสีฟันสําหรับคลินิกทันตกรรม นอกจากนี้ยังศึกษาถึงการรับรู้เกี่ยวกับสีฟันของ นิสิตทันตแพทย์ชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นชายหญิงอยู่ในช่วงอายุ 19-21 ปี วิธีการศึกษา การทดสอบทําโดยเลือกนิสิตจํานวน 50 คน จัดเป็นคู่ และให้ในแต่ละคู่สลับกันทําการเทียบสีฟัน โดยใช้แผงเทียบสีฟันจํานวน 2 ชุด คือชุดที่ใช้ทดสอบและชุดที่ใช้เป็นตัวเทียบ ทําการเทียบสีฟันภายใต้แสงจากแหล่ง กําเนิดแสงชนิดต่าง ๆ ได้แก่ แสงธรรมชาติเวลากลางวัน แสงฟลูออเรสเซนต์ และแสงจากหลอดไฟเทียบสีฟันบันทึกผล การเทียบสีฟันของนิสิตแต่ละคน จากนั้นนํามาให้คะแนนและรวบรวมคะแนนเพื่อนํามาวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีสถิติชนิด แพร์ที่เทสต์ ผลการทดลองและสรุป ผลการทดสอบปรากฏว่าที่ระดับนัยสําคัญ 0.05 แสงฟลูออเรสเซนต์ให้ผลการเทียบสีฟัน ไม่แตกต่างกับแสงธรรมชาติ แต่แสงจากหลอดไฟเทียบสีฟันให้ผลในการเทียบสีฟันแตกต่างกับแสงธรรมชาติ และแสงฟลูออเรสเซนต์ให้ผลในการเทียบสีฟันแตกต่างกับแสงจากหลอดไฟเทียบสีฟัน ส่วนประสิทธิภาพการรับรู้สีฟันของ นิสิต ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง (ร้อยละ 50-70) ไม่ว่าจะทําการเทียบสีฟันภายใต้แหล่งกําเนิดแสงชนิดใด แต่ถ้าใช้แสงไฟประดิษฐ์แทนแสงธรรมชาติแล้วพบว่า นิสิตกลุ่มที่มีการรับรู้สีฟันต่ําจะมีการรับรู้สีฟันดีขึ้น ส่วนนิสิต กลุ่มที่มีการรับรู้สีฟันอยู่ในขั้นที่จะมีการรับรู้สีฟันต่ําลงเมื่อใช้แสงไฟประดิษฐ์แทนแสงธรรมชาติ ในการเลือกสีฟัน


การกระตุ้นการสร้างเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเทสในเซลล์สร้างเส้นใยจากโพรงฟันของมนุษย์ โดย 1,25 ไดไฮดรอกซีไวตามินดี 3 และทรานส์ฟอร์มมิงโกร๊ทแฟกเตอร์เบตา, ประสิทธิ์ ภวสันต์, ปิยมาศ สำเร็จกาญจนกิจ Sep 1997

การกระตุ้นการสร้างเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเทสในเซลล์สร้างเส้นใยจากโพรงฟันของมนุษย์ โดย 1,25 ไดไฮดรอกซีไวตามินดี 3 และทรานส์ฟอร์มมิงโกร๊ทแฟกเตอร์เบตา, ประสิทธิ์ ภวสันต์, ปิยมาศ สำเร็จกาญจนกิจ

Chulalongkorn University Dental Journal

ในการศึกษาครั้งนี้ เราพบว่าเซลล์สร้างเส้นใยที่เพาะเลี้ยงจากเนื้อเยื่อของโพรงฟันสามารถสร้างเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเทส ซึ่งแสดงถึงความสามารถของเซลล์เหล่านี้ในการเปลี่ยนสภาพไปเป็นเซลล์คล้ายเซลล์สร้างเนื้อฟันได้หากได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสม นอกจากนี้ เรายังพบว่าเซลล์สร้างเส้นใยจากโพรงฟัน สามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นด้วย 1,25 ไดไฮดรอกซีไวตามินดี 3 โดยการเพิ่มค่าการทํางานของเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเทศถึง 2 เท่าภายในเวลา 2 วัน แสดงให้เห็นว่า สารตัวนี้น่าที่จะมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสภาพไปทําหน้าที่เฉพาะอย่างของเซลล์จากโพรงฟัน และเมื่อเราทําการกระตุ้นเซลล์ชนิดนี้ด้วย 1,25 ไดไฮดรอกซีไวตามินดี 3 และทรานส์ฟอร์มมิ่งโกรทแฟกเตอร์เบตาพร้อม ๆ กัน ผลปรากฏว่าค่าการทํางานของเอนไซม์นี้ยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นถึง 10 เท่าในเวลา 3 วัน โดยที่การกระตุ้นเซลล์ด้วยทรานส์ฟอร์มมิงโกรทแฟกเตอร์เบตาเพียงอย่างเดียวไม่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเทสแต่อย่างไร ซึ่งจากผลการทดลองทั้งหมดนี้ ได้บ่งชี้ถึงคความเป็นไปได้ในการที่สารทั้งสองตัวนี้จะมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการสร้างเนื้อฟันโดยการควบคุมการเปลี่ยนสภาพไปทําหน้าที่เฉพาะอย่างของเซลล์สร้างเส้นใยในโพรงฟัน


การรักษาคลองรากฟันของฟันกรามล่างซี่ที่สองซึ่งมีคลองราก และรูเปิดคลองรากรูปอักษร C, วนิดา เรืองไพโรจน์ Sep 1997

การรักษาคลองรากฟันของฟันกรามล่างซี่ที่สองซึ่งมีคลองราก และรูเปิดคลองรากรูปอักษร C, วนิดา เรืองไพโรจน์

Chulalongkorn University Dental Journal

คลองราก และรูเปิดคลองรากรูปอักษร C ในฟันกรามล่างเป็นหนึ่งในความแปรปรวนจากลักษณะกายวิภาคปกติของคลองรากฟัน ซึ่งทําให้ขั้นตอนในการรักษาคลองรากฟันมีความยากลําบากในการทําความสะอาดคลองรากขยายคลองราก และอุดคลองรากฟัน บทความนี้เป็นการนําเสนอรูปแบบและขั้นตอนการรักษาคลองรากฟันกรามล่างซี่ที่สองซึ่งมีคลองรากและรูเปิดคลองรากรูปอักษร C ในผู้ป่วย 2 ราย โดยใช้แคลเซียมไฮดรอกไซด์ เป็นยาใส่ในคลองรากฟัน และอุดคลองรากฟันด้วยกัตตาเปอร์ชา โดยวิธีแลเทอรัลคอนเดนเซชั่น ติดตามผลการรักษาในเวลา 2 ปี


ผลของการฉีดยาชาเฉพาะที่สกัดเส้นประสาทอินฟีเรียอัลวีโอลาต่อตําแหน่งในศูนย์ของขากรรไกรล่าง, วันทนี มุทิรางกูร, ฮาญารี ดาราฉาย, วรรณฤดี ลิ้มศรีเจริญ Sep 1997

ผลของการฉีดยาชาเฉพาะที่สกัดเส้นประสาทอินฟีเรียอัลวีโอลาต่อตําแหน่งในศูนย์ของขากรรไกรล่าง, วันทนี มุทิรางกูร, ฮาญารี ดาราฉาย, วรรณฤดี ลิ้มศรีเจริญ

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการฉีดยาชาเฉพาะที่สกัดเส้นประสาทอินฟีเรียอัลวีโอลา ข้างหนึ่งต่อตําแหน่งในศูนย์ของขากรรไกรล่าง วัสดุและวิธีการ ศึกษาในหนุ่มสาวที่มีสุขภาพดี 10 คน โดยการสังเกตจุดสบฟันในศูนย์บนเครื่องมือระนาบการ สบฟันที่มีการกรอปรับแต่งให้มีความเข้มของจุดสบฟันที่เท่ากันตลอดขากรรไกร ก่อนและขณะตัวอย่างมีความรู้สึกขา ผลการทดลอง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ สําหรับจุดสบตําแหน่งสบถอยหลังของตัวอย่างทั้งหมด แต่มีการเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นสําหรับจุดสบฟันเร็วในศูนย์ขณะรู้สึกชา ตัวอย่าง 6 คนมีจุดสบฟันเร็วในศูนย์เข้าใกล้จุดสบตําแหน่งสบถอยหลัง และตัวอย่างอีก 4 คนมีจุดสบฟันในศูนย์ที่ไม่คงที่ สรุป การฉีดยาชาเฉพาะที่สกัดเส้นประสาทอินฟีเรียอัลวีโอลาข้างหนึ่งมีผลต่อการสบฟันเร็วในศูนย์ แต่ไม่มีผลต่อการสบฟันในตําแหน่งถอยหลัง


ลักษณะทางกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนของเหงือกบวมโต เนื่องจากยาไดแลนติน, นพดล ศุภพิพัฒน์, นวลฉวี หงษ์ประสงค์, สมพร สวัสดิสรรพ์ Sep 1997

ลักษณะทางกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนของเหงือกบวมโต เนื่องจากยาไดแลนติน, นพดล ศุภพิพัฒน์, นวลฉวี หงษ์ประสงค์, สมพร สวัสดิสรรพ์

Chulalongkorn University Dental Journal

ไดแลนตินเป็นยาที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการป้องกันและรักษาอาการชักในผู้ป่วยด้วยโรคลมชัก ผลข้างเคียงที่สําคัญอันหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่ใช้ยานี้คือ ทําให้เกิดการบวมโตของเหงือก งานวิจัยนี้เป็นการศึกษา ลักษณะโดยละเอียดของเหงือกบวมโตในผู้ป่วยที่ใช้ยาไดแลนตินเปรียบเทียบกับเนื้อเยื่อเหงือกปกติโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดทรานสมิชชั่น ผลการศึกษาพบว่าเนื้อเยื่อทั้งสองชนิดประกอบไปด้วยเซลล์ไฟโบรบลาสท์และเส้นใย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเส้นใยคอลลาเจนจํานวนมาก องค์ประกอบทั้งสองนี้ในเหงือกบวมโตมีลักษณะคล้ายกับที่พบในเหงือก ปกติ แต่พบว่าปริมาณและความหนาแน่นของเส้นใยคอลลาเจนในเหงือกบวมโตมีมากกว่าในเหงือกปกติ


Current Thinking On Post And Core System And Other Options For Restoration Of The Endodontically Treated Tooth, Leevairoj Chalermpol Sep 1997

Current Thinking On Post And Core System And Other Options For Restoration Of The Endodontically Treated Tooth, Leevairoj Chalermpol

Chulalongkorn University Dental Journal

In the past few decades, there are the controversies in the proper treatment of the teeth after receiving endodontic treatment. The solutions seem to be concluded. This review of literature summarized the current thinking on post and core system, also the options for restoration of the endodontically treated teeth. Many concepts have been collected from the articles published by 1997. Many ideas have been given and may be useful for the reader to choose the proper techniques and materials when restoring the endodontically treated teeth.


A Pilot Study On The Short Term Effects Of The Herbst Appliance On The Glenoid Fossa, David A. Bennion Aug 1997

A Pilot Study On The Short Term Effects Of The Herbst Appliance On The Glenoid Fossa, David A. Bennion

Loma Linda University Electronic Theses, Dissertations & Projects

The purpose of this pilot study was to evaluate the initial effects of the Herbst appliance and determine through the use of common cephalometric radiographs that were optically enhanced and then digitally reproduced, if fossa migration is taking place. Fourteen, (6 male, 8 female), growing patients were treated by the same clinician for the correction of a Class II malocclusion using a modified Herbst appliance. Pretreatment (T1) standard lateral cephalometric radiographs and post Herbst treatment (TH) optically enhanced lateral cephalometric radiographs were taken. All radiographs were digitally captured and reproduced so 6 linear and 1 area …


A Cephalometric Study Of The Class Ii Correction Effects Of The Eureka Spring, Ernest L. Stromeyer Aug 1997

A Cephalometric Study Of The Class Ii Correction Effects Of The Eureka Spring, Ernest L. Stromeyer

Loma Linda University Electronic Theses, Dissertations & Projects

The effect of the Eureka Spring appliance, was investigated on 37 consecutively treated, non compliant, bilateral Class II malocclusions, requiring at least 3 mm or more of additional molar correction. The mean pretreatment age of this sample was 13.9 years. All patients were treated by a single clinician utilizing the Eureka Spring. Lateral cephalographs were taken at start of orthodontic treatment (T1), at insertion of Eureka Springs (T2), and at removal of the Eureka Springs (T3). The average treatment interval between T2 and T3 was 4 months. Class II correction occurred almost entirely by dentoalveolar movement, 33% in the maxilla …


Oral Health Assessment Of Renal Transplant Recipients Undergoing Immunosuppressant Therapy, Coral Diaz Jul 1997

Oral Health Assessment Of Renal Transplant Recipients Undergoing Immunosuppressant Therapy, Coral Diaz

Dental Hygiene Theses & Dissertations

The purpose of this investigation was to assess the oral health, prevalence of intraoral manifestations/infections. and periodontal disease status of renal transplant recipients undergoing immunosuppressive therapy to determine their oral health needs. A purposive sample was selected via the Renal Transplant Center. Sentara Norfolk General Hospital. and Nephrology Associates of Tidewater LTD from which 22 renal transplant recipients who agreed to participate were examined. Three subgroups of the population were studied: individuals with a renal transplant for less than one year. individuals with a renal transplant for one to three years and individuals with a renal transplant for more than …


Commencement Program 1997, Loma Linda University Jun 1997

Commencement Program 1997, Loma Linda University

Commencement Programs

CONTENTS

2 | 1997 Events of Commencement

3 | The Academic Procession

4 | The Speakers

9 | The Honorees

23 | The Zapara Award

Order of Programs

  • School of Medicine, 25
  • School of Dentistry, 33
  • Graduate School, 41
  • School of Nursing, 48
  • School of Allied Health Professions (Physical Therapy), 53
  • School of Allied Health Professions, 59
  • School of Public Health, 66


The Use Of Gutta-Percha Point To Locate The Origin Of Facial Sinus, W.C. Ngeow Jun 1997

The Use Of Gutta-Percha Point To Locate The Origin Of Facial Sinus, W.C. Ngeow

Wei Cheong Ngeow

Infection from the wisdom teeth usually causes severe swelling at the region of the angle and body of the mandible. Occasionally, it tracts outward to form a cervicofacial sinus. This paper demonstrates the use of gutta-percha point to locate the origin of a cervicofacial sinus due to an asymptomatic impacted wisdom tooth. The advantage of using gutta-percha point is discussed.


The Relationship Of Tooth Size And Arch Form To Arch Depth, Harold C. Avila Jun 1997

The Relationship Of Tooth Size And Arch Form To Arch Depth, Harold C. Avila

Loma Linda University Electronic Theses, Dissertations & Projects

The purpose of this study was to determine the relationship of arch form and tooth size to arch depth measurements of study models (Casts) and their respective lateral cephalometric radiographs (Radiographs) in a population of patients treated to an acceptable occlusion without extraction. One hundred and twenty casts were divided into three tooth size classes within each of four arch form categories. Results showed there was a statistically significant change in the arch depth measurement when tooth size was varied. There was no statistically significant change in the arch depth measurement when arch form was varied. The results showed greater …


A Comparative Study Of The Permanent Deformation Of Aesthetic Polymer Brackets, Samar Bou Assi Jun 1997

A Comparative Study Of The Permanent Deformation Of Aesthetic Polymer Brackets, Samar Bou Assi

Loma Linda University Electronic Theses, Dissertations & Projects

The purpose of this study was to Investigate and compare the plastic or permanent deformation of different commercially available aesthetic polymer brackets (American, Ormco, GAC and RMO). It also examined the effect of tying the bracket wings with a wire ligature as well as the effect of thermocycling on the permanent deformation of these brackets.

Seven brackets of each type were tested In each of the three following conditions; group 1; tied with a wire ligature and loaded, group 2; thermocycled and loaded, and group 3: loaded only, with a total of 84 brackets tested. Each bracket was bonded to …


A Study Of Craniofacial Growth In Infant Heart Transplant Recipients Receiving Cyclosporine, David G. Niles Jun 1997

A Study Of Craniofacial Growth In Infant Heart Transplant Recipients Receiving Cyclosporine, David G. Niles

Loma Linda University Electronic Theses, Dissertations & Projects

Cyclosporine is an effective immunosuppressive drug that has found widespread application in organ transplantation. However, a few studies have implicated cyclosporine as adversely affecting craniofacial growth in the pediatric population. The purpose of this study was to evaluate the possible untoward effects of cyclosporine long-term on craniofacial growth in a group of infant heart transplantation recipients. A prospective group (n=28) of eighteen Caucasian children (9 female and 9 male, ages 4-10 years) and ten Hispanic children (3 female and 7 male, ages 4-10 years) were evaluated. None of the subjects had undergone orthodontic therapy. All subjects had heart transplantation before …


An Investigation Of The Divine Proportion In Varying Facial Types, Gender And Age Groups, Chris A. Coleman Jun 1997

An Investigation Of The Divine Proportion In Varying Facial Types, Gender And Age Groups, Chris A. Coleman

Loma Linda University Electronic Theses, Dissertations & Projects

This retrospective study evaluated the 26 cephalometric measurements which comprise 13 ratios that were purposed by Robert M. Ricketts to be Divine Proportions. The hypothesis that was tested in this study was one that stated that these 13 ratios were not only Divine Proportions, but were constant in all facial types, in both genders and in all stages of growth. In an effort to test this hypothesis, cephalographs were chosen at random from the files of Dr. Ruel Bench, which are currently housed in the Ricketts Research Library at Loma Linda University. Each film tracing was reviewed for accuracy and …


Ua66/4/2 Ceremony Of Capping & Pinning, Wku Dental Hygiene May 1997

Ua66/4/2 Ceremony Of Capping & Pinning, Wku Dental Hygiene

WKU Archives Records

Program from capping & pinning ceremony.


Effect Of Thermocycling On The Fracture Toughness Of Composites, Noor Hayaty Abu Kasim Abu Kasim N.H. May 1997

Effect Of Thermocycling On The Fracture Toughness Of Composites, Noor Hayaty Abu Kasim Abu Kasim N.H.

Noor Hayaty Abu Kasim Abu Kasim N.H.

Fracture toughness has been recognised to be one of the most important mechanical property for retorative materials. It is the aim of this study to investigate the effect of thermocycling an fracture toughness of a range of dental composites; P50(P)1 , Silux Plus(S)2, Heliomolar(H)3, Clearfil Photo Posterior-light activated(CLA)4 and Clearfil Posterior-chemically activated(CC)3. 110 rectangular pre-notched specimens was prepared for each material utilising a stainless steel mould. The specimens were divided into 11 groups of 10 each. Test groups 1-6 were subjected to 0, 250, 500, 750, 1000 and 10,000 thermal cycles respectively. All specimens were subjected to a 3 point …


คุณภาพชีวิตของนิสิตทันตแพทย์จุฬาฯ, สุนทร ระพิสุวรรณ, ศุลีพร ธีระเจตกูล, ภฑิตา ภูริเดช May 1997

คุณภาพชีวิตของนิสิตทันตแพทย์จุฬาฯ, สุนทร ระพิสุวรรณ, ศุลีพร ธีระเจตกูล, ภฑิตา ภูริเดช

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ การศึกษานี้ต้องการศึกษาถึงคุณภาพชีวิตของนิสิตทันตแพทย์จุฬาฯ และปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อความวิตกกังวลและเครียดระหว่างที่ศึกษาเล่าเรียน วัสดุและวิธีการ ใช้แบบสอบถามซึ่งประกอบด้วยคําถามยี่สิบข้อที่สร้างขึ้นและนําไปทดสอบแล้วส่งให้นิสิตทันตแพทย์ จุฬาฯ จํานวน 497 คน ตอบ สาระของคําถามจะประกอบด้วยคําถามทางด้านประชากรศาสตร์ คําถามเกี่ยวกับ ระดับอารมณ์ความเครียดและกังวลใจและสภาวะของสุขภาพ สาเหตุที่ทําให้นิสิตมีอารมณ์เครียดวิตกกังวล ผลการศึกษา คุณภาพชีวิตของนิสิตทันตแพทย์อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ค่อยมีความสุข 62.9 เปอร์เซ็นต์มีอารมณ์ที่ เบื่อหน่ายการเรียนและการฝึกปฏิบัติงานในคลินิกและแลบ 64.2 เปอร์เซ็นต์มีความวิตกกังวล ยิ่งศึกษาในชั้นปีที่สูง ขึ้นความวิตกกังวลมีมากขึ้น สาเหตุของความวิตกกังวลและเครียดของนิสิตมาจาก 1) การเรียนที่หนักและขาดเวลา พักผ่อน 2) บรรยากาศการเข้าหาอาจารย์และท่าทีที่แสดงออกของอาจารย์ 3) ปริมาณงานที่ได้รับและต้องทําให้ ครบเกณฑ์ 4) การสอบและเกรด นิสิตที่เรียนและเล่นกีฬาจะมีอารมณ์เครียดน้อยกว่านิสิตที่เรียนอย่างเดียวโดยไม่เล่นกีฬา (P=0.000)สรุป นิสิตทันตแพทย์มีความเครียดและวิตกกังวลค่อนข้างมาก กว่าครึ่งหนึ่งของนิสิตมีความรู้สึกที่เบื่อหน่ายการเรียน ฉะนั้นการจัดการเรียนการสอนควรจะต้องมีการวางแผนและบริหารจัดการให้ดี ควรมีการจัดการเรื่องการให้คําปรึกษา ช่วยเหลือนิสิตในยามที่มีปัญหาด้านการเรียนทฤษฎีและปฏิบัติ


กลาสไอโอโนเมอร์ซีเมนต์และเรซินซีเมนต์ ในงานทันตกรรมประดิษฐ์, ประพิณ เปี่ยมพริ้ง, รำไพ โรจนกิจ, แมนสรวง อักษรนุกิจ May 1997

กลาสไอโอโนเมอร์ซีเมนต์และเรซินซีเมนต์ ในงานทันตกรรมประดิษฐ์, ประพิณ เปี่ยมพริ้ง, รำไพ โรจนกิจ, แมนสรวง อักษรนุกิจ

Chulalongkorn University Dental Journal

บทความนี้จะได้กล่าวถึงลูกทิ่งเอเจนต์ สองชนิดที่ใช้ในงานทันตกรรมประดิษฐ์ ได้แก่ กลาสไอโอโนเมอร์ ซีเมนต์ และเรซินซีเมนต์ ที่มีการนํามาใช้สําหรับวัตถุประสงค์ทั่วไปคือ ใช้ยึดครอบและสะพานฟันแบบเดิม แทนซิงค์ฟอสเฟตซีเมนต์ และสําหรับเฉพาะงานได้แก่ การใช้ยึดพอร์ซเลนและคอมโพสิตเรซินที่บ่มตัวนอกปากในการบูรณะฟัน การทําฟันปลอมติดแน่นที่ใช้เรซินยึดโดยพิจารณาถึงคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ ของซีเมนต์ทั้งสองชนิดนี้ ได้แก่ คุณสมบัติทางชีวภาพความแข็งแรงของซีเมนต์ ความหนาของชั้นซีเมนต์ การยึดอยู่กับโครงสร้างของฟัน โลหะที่ใช้ในทางทันตกรรม คอมโพสิทเรซิน และพอร์ซเลน คําแนะนําและข้อควรระวังในการใช้การพิจารณาเลือกใช้ ซึ่งโดยมากมักอ้างอิงถึงซิงค์ฟอสเฟตซีเมนต์


การเปรียบเทียบแรงยึดเกาะของฐานฟันปลอมอะคริลิก ที่ระดับความคอดต่าง ๆ กันของฟันและแรงยึดเกาะของตะขอลวดดัด, นิยม ธำรงค์อนันต์สกุล, ปิยะวัฒน์ พันธุ์โกศล, รพีพรรณ คงพิทักษ์สกุล, สุธาสินี เปรมอิสระกูล May 1997

การเปรียบเทียบแรงยึดเกาะของฐานฟันปลอมอะคริลิก ที่ระดับความคอดต่าง ๆ กันของฟันและแรงยึดเกาะของตะขอลวดดัด, นิยม ธำรงค์อนันต์สกุล, ปิยะวัฒน์ พันธุ์โกศล, รพีพรรณ คงพิทักษ์สกุล, สุธาสินี เปรมอิสระกูล

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแรงยึดเกาะของฐานฟันปลอมอะคริลิกที่ระดับความคอดต่าง ๆ กันของฟัน และแรงยึดเกาะของตะขอลวดดัด วัสดุและวิธีการ โดยนําฟันกรามน้อยบนที่ 2 และฟันกรามใหญ่บนที่ 1 ฝังลงในแบบจําลองปลาสเตอร์สโตน ทําการพิมพ์ซ้ํา โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ หาแรงยึดเกาะที่ระดับความคอด 0.03 นิ้ว 0.02 นิ้ว 0.01 นิ้วและ ระดับเส้นสํารวจ ส่วนกลุ่มที่ 4 หาแรงยึดเกาะของตะขอลวดดัด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตร ที่ระดับความ คอด 0.02 นิ้ว ของฟันกรามใหญ่ชี้ที่ 1 ทดสอบหาค่าแรงยึดเกาะโดยใช้ เครื่องลอยด์ยูนิเวอร์ซัลเทสติ้ง รุ่น แอลอาร์ 10 เค (Lloyd Universal Testing Machine Model LR 10 K) ผลการทดลองและสรุป เมื่อวิเคราะห์ค่าแรงยึดเกาะทางสถิติโดยวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวที่ระดับความ เชื่อมั่น 0.05 และวิธีดันแคนนิวมัลติเพิลเรนจ์ ที่ระดับความเชื่อมั่น 0.05 พบว่าในฟันซี่เดียวกันแรงยึดเกาะที่ระดับความคอดต่าง ๆ กันจะมีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญ โดยที่ระดับความคอด 0.03 นิ้ว ให้แรงยึดเกาะสูงสุดรองลง มาคือที่ระดับส่วนคอด 0.02 นิ้ว 0.01 นิ้วและที่เส้นสํารวจตามลําดับ และที่ระดับความคอดเดียวกันในฟันต่าง ๆ กัน แรงยึดเกาะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ โดยฐานฟันปลอมที่ครอบคลุมทั้งฟันกรามน้อยซี่ที่ 2 และฟันกรามใหญ่ ที่ 1 ให้แรงยึดเกาะสูงสุด รองลงมาคือฐานฟันปลอมที่ครอบคลุมฟันกรามใหญ่ที่ 1 และฐานฟันปลอมที่ครอบคลุม ฟันกรามน้อยที่ 2 ตามลําดับ ส่วนที่ระดับเส้นสํารวจไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในฟันกรามน้อยที่ 2 และ ฟันกรามใหญ่ที่ 1 แต่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญในกลุ่มที่ครอบคลุมฟันทั้ง 2 ซี่ ส่วนกลุ่มตะขอลวดดัด ให้แรงยึดเกาะของฐานฟันปลอมน้อยกว่าแรงยึดเกาะของฐานฟันปลอมที่ได้จากระดับความคอด 0.03 นิ้ว 0.02 นิ้ว และ …


โรคพิษสารตะกั่วเรื้อรัง, อรนุช บุญรังสิมันตุ์ May 1997

โรคพิษสารตะกั่วเรื้อรัง, อรนุช บุญรังสิมันตุ์

Chulalongkorn University Dental Journal

การวินิจฉัยโรคพิษสารตะกั่วเรื้อรัง ในคนงานหญิงที่ทํางานในโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยเส้นตะกั่วโดยพบที่เหงือก ผู้ป่วยมิได้มีลักษณะอาการที่แสดงให้เห็นว่าอยู่ในภาวะที่เป็นพิษ สารตะกั่วเป็นพิษได้ถูกทบทวนขึ้นมาจากจุดหนึ่งของระบาดวิทยา สรีระพยาธิวิทยา ลักษณะอาการในช่องปาก อาการทางคลินิก และ วิธีการวินิจฉัย ทันตแพทย์ ควรได้ตระหนักถึง การเพิ่มอุบัติการที่จะเกิดจากสารตะกั่วเป็นพิษในผู้ป่วยเหล่านี้ การวินิจฉัยต้องแยกออกจากโรคเหงือกอักเสบ เม็ดสี และ การเปลี่ยนสีเนื่องจากอมัลกัม การวินิจฉัยที่แน่นอนได้จากการซักประวัติการใช้ยา และการวิเคราะห์


การตรวจหาไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่ผลิตจากเชื้อจุลินทรีย์ชนิดเดี่ยว ๆ ที่มีอยู่ในช่องปากจํานวน 33 ชนิด โดยวิธีเฮชทูเอสบรอท เฮชซีเอ็ม, จินตกร คูวัฒนสุชาติ May 1997

การตรวจหาไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่ผลิตจากเชื้อจุลินทรีย์ชนิดเดี่ยว ๆ ที่มีอยู่ในช่องปากจํานวน 33 ชนิด โดยวิธีเฮชทูเอสบรอท เฮชซีเอ็ม, จินตกร คูวัฒนสุชาติ

Chulalongkorn University Dental Journal

วิธี H2S-broth-HCM เป็นวิธีที่ใช้สําหรับตรวจหาไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่ผลิตจากเชื้อจุลินทรีย์ในช่องปากพวกที่ไม่ต้องการออกซิเจนในการเจริญเติบโตได้ดีวิธีหนึ่ง เป็นวิธีที่ง่ายและไม่สิ้นเปลือง เหมาะสําหรับการทดสอบที่ไม่รีบด่วน ต้องการทราบผลทันทีว่าเชื้อผลิตไฮโดรเจนซัลไฟด์ออกมาได้หรือไม่ เพราะการตรวจหาไฮโดรเจนซัลไฟด์โดยวิธีนี้ จะทราบผลการผลิตไฮโดรเจนซัลไฟด์ของเชื้อได้ภายหลังจากได้ถ่ายเชื้อที่ต้องการทดสอบลงไปใน H2S- broth-HCM ผ่านไปแล้ว 10 วัน ซึ่งเชื้อที่ผลิตไฮโดรเจนซัลไฟด์ออกมาได้น้อยจะทําให้หลอด H2S-broth-HCM เปลี่ยนเป็นสีน้ําตาลอ่อน ๆ ส่วนเชื้อที่ผลิตไฮโดรเจนซัลไฟด์ออกมาจํานวนมาก หลอด H2S-broth-HCM จะเปลี่ยนเป็นสีดําทั่วทั้งหลอด)


ปริมาณฟลูออไรด์ที่หลุดออกจากกลาสไอโอโนเมอร์ซิเมนต์ชนิดดัดแปรด้วยเรซิน และคอมโพสิตเรซินชนิดดัดแปรด้วยกรดพอลิ, ชัยรัตน์ วิวัฒน์วรพันธ์, โบว์ พุกกะเวส, ปาริชาต ชินพงสานนท์, มะลิ พลานุเวช May 1997

ปริมาณฟลูออไรด์ที่หลุดออกจากกลาสไอโอโนเมอร์ซิเมนต์ชนิดดัดแปรด้วยเรซิน และคอมโพสิตเรซินชนิดดัดแปรด้วยกรดพอลิ, ชัยรัตน์ วิวัฒน์วรพันธ์, โบว์ พุกกะเวส, ปาริชาต ชินพงสานนท์, มะลิ พลานุเวช

Chulalongkorn University Dental Journal

วัตถุประสงค์ : การวิจัยนี้มุ่งศึกษาเปรียบเทียบปริมาณฟลูออไรด์ที่หลุดออกจากกลาสไอโอโมเมอร์ซิเมนต์ชนิด ดัดแปรด้วยเรซิน (Fuji II LC, GC. International Corp., Japan) และคอมโพสิตเรซินชนิดดัดแปรด้วยกรด พอล (Dyract, De Trey Dentsply, Germany) ในเวลาต่าง ๆ กัน วัสดุและวิธีการ : ใช้แผ่นตัวอย่างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ม.ม. ความสูง 2 ม.ม. แช่ในน้ำปราศจากไอออน ปริมาตร 5 ม.ล. เป็นเวลา 1 3 7 14 2 และ 30 วัน หลังจากนั้นนําน้ำที่ได้มาวัดปริมาณฟลูออไรด์โดยใช้เครื่อง pH/ISE meter ปรากฏว่าค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของปริมาณฟลูออไรต์ที่ปลดปล่อยออกจากวัสดุอุด Fuji II LC มีค่า 4.34 ±1.15 7.01±0.44 9.29±1.72 15.57±3.04 22.16±1.95 และ 26.31±1.78 ส่วนใน ล้านส่วน ตามลําดับ ส่วนค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของปริมาณฟลูออไรต์ที่ปลดปล่อยออกจากวัสดุอุด Dyract มีค่า 2.61±0.81 3.91±1.18 4.08±1.14 5.91±1.65 8.21±3.00 และ 8.94±3.21 ส่วนในล้านส่วนตาม ลําดับ นําผลที่ได้มาวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของปริมาณฟลูออไรด์ที่ปลดปล่อยออกจาก วัสดุอุด Fuji II LC และ Dyract ในระยะเวลาต่าง ๆ ภายใน 30 วัน ด้วยสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนทาง เดียว (ANOVA) ทวี (Tukey) และค่าที (t-test) ที่ระดับนัยสําคัญ p < 0.05 ผล : ปริมาณฟลูออไรด์ที่ปลดปล่อยออกจากวัสดุ Fuji II LC ในแต่ละช่วงที่วัดมีความแตกต่างกันอย่างมีนัย สําคัญทางสถิติ (p < 0.05) และปริมาณฟลูออไรด์ที่ปลดปล่อยออกจากวัสดุ Fuji II LC มีค่ามากกว่าปริมาณ ฟลูออไรด์ที่ปลดปล่อยออกจากวัสดุ Dyract ในช่วงเวลาที่เดียวกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p < 0.05) นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราการหลุดออกของฟลูออไรด์จากวัสดุทั้ง 2 ชนิดจะลดลงอย่างรวดเร็วใน 3 วันแรก หลังจากนั้นอัตราการปล่อยฟลูออไรด์จะช้าลงอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น สรุป : กลาสไอโอโนเมอร์ซีเมนต์ชนิดดัดแปรด้วยเรซินปลดปล่อยฟลูออไรด์ปริมาณมากกว่าคอมโพสิตเรซิน ชนิดติดแปรด้วยกรดโพลิอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p < 0.05)


คุณประโยชน์ของเครื่องเฟซโบว์ในงานทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์, สิทธิเดช นิลเจริญ, ศุภบูรณ์ บุรณเวช May 1997

คุณประโยชน์ของเครื่องเฟซโบว์ในงานทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์, สิทธิเดช นิลเจริญ, ศุภบูรณ์ บุรณเวช

Chulalongkorn University Dental Journal

ทันตแพทย์ส่วนใหญ่เมื่อสําเร็จการศึกษาไปแล้วมักจะไม่ค่อยได้ใช้เครื่องเฟซโบว์ในการทํางานด้านทันตกรรมประดิษฐ์ เพราะไม่ได้เข้าใจและเห็นถึงคุณประโยชน์ที่แท้จริงของเครื่องมือนี้ วัตถุประสงค์ของบทความฟื้นวิชานี้เพื่อจะอธิบายถึงเหตุผลและความจําเป็นในการใช้เครื่องเฟซโบว์อย่างถูกต้อง เพื่อช่วยให้ชิ้นงานทันตกรรมประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นมามีความถูกต้องใกล้เคียงกับสภาพการใช้งานของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการแก้ไขชิ้นงานทันตกรรมประดิษฐ์ในช่องปากให้น้อยลง เนื้อหาของบทความฟื้นวิชานี้จะกล่าวถึงประวัติและความเป็นมาของการใช้เครื่องมือนี้ในการทํางานทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์ ชนิดของเครื่องเฟซโบว์ การใช้ตําแหน่งของจุดและระนาบอ้างอิงต่าง ๆ ในการบันทึก รวมไปถึงการชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของการใช้เครื่องมือนี้ในการทํางานทันตกรรมประดิษฐ์ เมื่อได้อ่านบทความชื้นวิชานี้แล้วทันตแพทย์ทั่วไปสามารถเข้าใจถึงเหตุผลและความจําเป็นในการใช้เครื่องเฟซโบว์ในการทํางานทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์ และสามารถนําไปปฏิบัติหรือดัดแปลงได้อย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้ต่อไป