Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Engineering Commons

Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

2021

Industrial Engineering

Chulalongkorn University

Articles 1 - 30 of 39

Full-Text Articles in Engineering

Analyzing Nypd Stop, Question, And Frisk With Machine Learning Techniques, Passiri Bodhidatta Jan 2021

Analyzing Nypd Stop, Question, And Frisk With Machine Learning Techniques, Passiri Bodhidatta

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Although stops from “Stop, Question, and Frisk” program have decreased dramatically after the New York Police Department (NYPD) reform in 2013, the unnecessary stops and weapon use against innocent citizens remain critical problems. This study analyzes the stops during 2014 – 2019, using three tree-based machine learning approaches: Decision Tree, Random Forest, and XGBoost. Models for predicting stops that resulted in a conviction and police’s level of force used are developed and driving factors are identified. Results show that XGBoost outperformed other models in both predictions. The performance of Guilty Prediction was at 65.9% F1 score and 84.0% accuracy. For …


Key Success Factors Identification For Logistics Outsourcing In Myanmar, Pyae Sone Htoon Jan 2021

Key Success Factors Identification For Logistics Outsourcing In Myanmar, Pyae Sone Htoon

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The purpose of this paper is to identify the key success factors that have a profound effect on the service quality of outsourced logistics functions in the import/export sector of trade business in Myanmar and rank them accordingly to their importance when outsourcing logistics functions. The paper states the critical elements required for logistics service providers to compete for high customer satisfaction in Yangon, Myanmar. Fuzzy TOPSIS methodology with triangular fuzzy numbers is used to identify the key success factors and rank them in order of their relative closeness to the ideal solution. The findings suggest that soft factors such …


Effective Traffic Signal Timing For Intersections In Bangkok, Kasidech Tantipanichaphan Jan 2021

Effective Traffic Signal Timing For Intersections In Bangkok, Kasidech Tantipanichaphan

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The increasing number of on-road vehicles in Bangkok, as well as the traffic flow conditions, are causing many problems for the citizens. To alleviate the problem, effective traffic signal management by optimizing traffic signal timing can be used. As a result, the goal of this research is to improve Bangkok's traffic signal system and management by establishing an effective green light time at intersections in order to increase the vehicle flow rate. The mathematical model is designed to maximize the number of vehicles leaving intersections. Six Bangkok intersections are selected for the experiments. According to the experimental results, the optimization …


Comparison Of Dashboard Development Between Waterfall Model And Agile Methodologies, Siribhop Yooyongchuen Jan 2021

Comparison Of Dashboard Development Between Waterfall Model And Agile Methodologies, Siribhop Yooyongchuen

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Agile Methodology is a concept that focus on communication between product developers and users. The objective is to make product be rapidly developed and effectively meets users’ needs. Objective of this study is to compare dashboard development method between agile methodology and waterfall model. There are 3 dimensions in comparison; speed of development, users’ satisfaction, and efficiency of dashboard. The study used descriptive and experimental research. The sample is dashboard users in Company L. The study is conducted by establishing timeline of dashboard development, semi-constructed interview, and survey applying Technology Acceptance Model and Theory of Planned Behavior. The result of …


การเพิ่มอัตราคุณภาพสินค้าดีของกระบวนการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ชนิดสั้น, เกวลี วรนันท์ Jan 2021

การเพิ่มอัตราคุณภาพสินค้าดีของกระบวนการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ชนิดสั้น, เกวลี วรนันท์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อปรับปรุงอัตราคุณภาพของเส้นใยสังเคราะห์ชนิดสั้น โดยมุ่งเน้นในการลดปริมาณสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ รวมทั้งของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ซึ่งเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึง ตุลาคม 2563 และแสดงปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตด้วยกราฟพาเรโต แล้วทำการระดมความคิดเพื่อวิเคราะห์หาปัจจัยที่มีผลต่ออัตราคุณภาพด้วยแผนผังเหตุ และผล จากนั้นทำการวิเคราะห์ข้อบกพร่องและผลกระทบปัญหาด้านคุณภาพเพื่อทำการประเมินความรุนแรงของการเกิดข้อบกพร่อง โอกาสในการเกิดข้อบกพร่อง และความสามารถในการตรวจจับข้อบกพร่อง เพื่อคำนวณหาค่าดัชนีความเสี่ยง โดยจะทำการเลือกปัญหาที่มีค่าดัชนีความเสี่ยงมากที่สุดได้แก่ 1) ลมเย็นออกไม่สม่ำเสมอ 2) การเคลื่อนที่ของถังใส่เส้นใยและลูกกลิ้งไม่สัมพันธ์กัน หลังจากทำการปรับปรุงปัญหาที่ส่งผลต่ออัตราคุณภาพ พบว่าอัตราคุณภาพสินค้าดีมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 92.97 เป็นร้อยละ 95.79 และอัตราคุณภาพสินค้าไม่ได้คุณภาพ และของเสียมีปริมาณลดลงจากเดิมร้อยละ 7.03 เป็นร้อยละ 4.21 ซึ่งคิดเป็นเงินจะมีกำไรเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 130,892.63 บาท เมื่อทำการผลิตที่ 93 ตันต่อวัน หลังจากนั้นทางบริษัทกรณีศึกษาจึงทำการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็น 96 ตันต่อวัน


การลดของเสียในกระบวนการบรรจุนมพาสเจอร์ไรซ์ชนิดถุง, เกษธนา ลือกิจนา Jan 2021

การลดของเสียในกระบวนการบรรจุนมพาสเจอร์ไรซ์ชนิดถุง, เกษธนา ลือกิจนา

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกระบวนการบรรจุนมพาสเจอร์ไรซ์โดยการลดสัดส่วนของเสียจากข้อบกพร่องประเภทซีลไม่ติดและปริมาตรไม่ถึงที่กำหนด ในการดำเนินงานได้ใช้หลักการซิกซ์ ซิกมาในการปรับปรุงกระบวนการเริ่มจากการศึกษาสภาพปัญหา จากนั้นทำการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาด้วยแผนผังก้างปลาและใช้การออกแบบการทดลองแบบพื้นผิวตอบสนองแบบบ็อกซ์-เบห์นเคน การออกแบบพื้นผิวผลตอบสนองแบบส่วนประสมกลางแบบ CCF และการวิเคราะห์การถดถอยในการหาความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนความสมบูรณ์ในการซีล ปริมาตรในการบรรจุและปัจจัยที่มีนัยสำคัญ ผู้วิจัยได้ศึกษาปัจจัยที่อาจทำให้เกิดข้อบกพร่องประเภทซีลไม่ติดพบว่า ปัจจัยที่มีนัยสำคัญได้แก่ ระดับความร้อนในการซีลแนวนอนและระดับเวลาในการซีล ซึ่งควรปรับตั้งที่ระดับ 5 และระดับ 4 ตามลำดับ และได้ศึกษาปัจจัยที่อาจทำให้เกิดข้อบกพร่องประเภทปริมาตรไม่ถึงที่กำหนด พบว่าปัจจัยที่มีนัยสำคัญได้แก่ เวลาในการบรรจุและองศาหัวจ่ายน้ำนม ซึ่งควรปรับตั้งที่ระดับ 39และ 126 องศาตามลำดับ โดยสามารถลดสัดส่วนของเสียจากข้อบกพร่องประเภทซีลไม่ติดลงจากร้อยละ 0.9 ของปริมาณการผลิตเหลือร้อยละ 0 และสัดส่วนของเสียจากข้อบกพร่องประเภทปริมาตรไม่ถึงที่กาหนดลดลงจากร้อยละ 0.63 ของปริมาณการผลิตเหลือร้อยละ 0.04


การพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญในการพยากรณ์สถานะปั๊มแบบมอเตอร์ปิดผนึก, คมกริช เถื่อนสุวรรณ Jan 2021

การพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญในการพยากรณ์สถานะปั๊มแบบมอเตอร์ปิดผนึก, คมกริช เถื่อนสุวรรณ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้นำเสนอการพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญในการทำนายสถานะปั๊มแบบมอเตอร์ปิดผนึกของโรงงานกรณีศึกษาโดยประยุกต์ใช้หลักการทำนายเชิงสถิติและอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่องร่วมกับความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ โรงงานกรณีศึกษาคือโรงงานในธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งใช้ปั๊มแบบมอเตอร์ปิดผนึก ในการส่งถ่ายของเหลวในกระบวนการผลิตภายในพื้นที่โรงงาน ซึ่งปัจจุบันการบำรุงรักษาปั๊มแบบมอเตอร์ปิดผนึกของโรงงานนั้น ได้ปรับปรุงกลยุทธ์จากการบำรุงรักษาตามสภาพเป็นการบำรุงรักษาเชิงทำนาย โดยการจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำนายนั้นอยู่ในระดับที่ต้องการได้จะต้องใช้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญปั๊มแบบมอเตอร์ปิดผนึกในการค้นหาสัญญาณความผิดปกติลักษณะต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยระบบผู้เชี่ยวชาญนี้มีส่วนช่วยในการลดภาระของผู้เชี่ยวชาญโดยการทดแทนด้วยระบบ งานวิจัยนี้ประกอบไปด้วยการระบุกรอบของงานวิจัยและระบบ ขั้นตอนการทดลองและทดสอบระบบ รวมถึงการเตรียมชุดข้อมูลและการทดสอบแบบจำลองที่ใช้ ซึ่งผลการทำวิจัยพบว่าแแบบจำลองการพยากรณ์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบบูรณาการอัตโนมัติ (Autoregressive integrated average model, ARIMA) สำหรับการพยากรณ์ และอัลกอริทึมแรนดอมฟอเรส (Random Forest, RF) สำหรับการระบุสถานะปัจจุบัน นั้นมีความเหมาะสมสำหรับระบบนี้ อันเนื่องมาจากผลของการประเมินประสิทธิภาพเชิงเปรียบเทียบระหว่างแบบจำลองที่ถูกเลือกมาประเมิน ยิ่งไปกว่านั้นระบบผู้ที่เชี่ยวชาญที่สร้างขึ้นจะเป็นต้นแบบในการนำไปใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ ในโรงงานในกรณีศึกษานี้ต่อไป


การลดระยะเวลาการแห้งตัวของงานพิมพ์ฉลาก, ณัฐพล บุญรักษา Jan 2021

การลดระยะเวลาการแห้งตัวของงานพิมพ์ฉลาก, ณัฐพล บุญรักษา

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

โรงพิมพ์กรณีศึกษาจำเป็นต้องลดระยะเวลาการผลิตงานพิมพ์ฉลากเพื่อให้ทันตามความต้องการของลูกค้า งานวิจัยนี้ พบขั้นตอนการรอให้งานพิมพ์ฉลากแห้งตัวใช้เวลามากที่สุดในการผลิต มีวัตถุประสงค์ต้องการลดระยะเวลาแห้งตัวของงานพิมพ์ฉลาก ผู้ศึกษาวิจัยพบว่าการรอแห้งตัวของงานพิมพ์ฉลาก ใช้เวลามากถึง 72 ชั่วโมง จากเวลาการผลิต 159.5 ชั่วโมงหรือคิดเป็น 45 % จึงตั้งคณะทำงานจำนวน 6 คนเพื่อระดมสมอง (Brainstorming) และหาปัจจัยที่จะส่งผลต่อการแห้งตัวของงานพิมพ์ฉลากโดยใช้แผนภาพก้างปลา (Fish bone) ในด้านต่างๆคือ คน (Man) เครื่องจักร (Machine) กระบวนการทำงาน (Method) วัตถุ (Material) และสิ่งแวดล้อม (Environment) พบปัจจัยทั้งหมด 15 ปัจจัยที่คาดว่าส่งผลต่อการแห้งตัวของงานพิมพ์ฉลาก นำปัจจัยให้คะแนนความสัมพันธ์ระหว่างเหตุผล (Cause & Effect Matrix) และใช้กฎพาเรโต (Pareto) กฎ 80/20 ในการเรียงลำดับคะแนนความสำคัญ ซึ่งได้ 6 ปัจจัยคือ 1.ปริมาณของเม็ดสีในหมึกพิมพ์ 2.ปริมาณการปล่อยสารเคลือบ 3.ปริมาณการปล่อยหมึกพิมพ์ 4. อุณหภูมิห้องปิด 5.ปริมาณสารเร่งแห้งในหมึก 6. ปริมาณสารเร่งแห้งในสารเคลือบและออกแบบการทดลองเพื่อหาปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการแห้งตัวโดยเลือกการทดลองแบบฮาฟแฟคทอเรียล (Half-Factorial Design) หลังการทดลองพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการแห้งตัวของงานพิมพ์ฉลากคือ1)ปริมาณสารเคลือบ2)ปริมาณสารเร่งแห้งในหมึกและ3)ปริมาณสารเร่งแห้งในสารเคลือบ นำสามปัจจัยดังกล่าวมาออกแบบการทดลองหาระดับที่เหมาะสมเพื่อให้ฉลากแห้งเร็วที่สุดแต่ต้องไม่มีปัญหาด้านคุณภาพ ผลลัพธ์คือระดับปริมาณสารเคลือบ20% สารเร่งแห้งในหมึก3% และปริมาณสารเร่งแห้งในสารเคลือบ3% และทดสอบกับตัวอย่าง5 ชุดการทดลองเพื่อยืนยันผลการทดลองโดยอ้างอิงระดับปัจจัยการจากทดลองพบว่าระยะเวลาแห้งตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 31 ชั่วโมง จากเดิม 72 ชั่วโมง เวลาในการแห้งตัวลดลง 41 ชั่วโมง คิดเป็น 56 %


การจัดการสินค้าคงคลังบรรจุภัณฑ์วงจรรวมสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการหลากหลาย​, ธัญญาทิพย์ จันทร์ผ่อง Jan 2021

การจัดการสินค้าคงคลังบรรจุภัณฑ์วงจรรวมสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการหลากหลาย​, ธัญญาทิพย์ จันทร์ผ่อง

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้นำเสนอนโยบายการจัดการวัสดุคงคลังเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของวัสดุคงคลังกลุ่มบรรจุภัณฑ์ 44 รายการของโรงงานเซมิคอนดักเตอร์แห่งหนึ่ง เพื่อลดค่าใช้จ่ายรวมด้านวัสดุคงคลัง และยังคงสามารถรักษาระดับการบริการไว้ที่ 95% ตามเป้าหมาย งานวิจัยนี้ เริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (เช่น ข้อมูลสินค้าคงคลัง เงื่อนไขการสั่งซื้อ และข้อจำกัด) จากนั้น จึงจำแนกกลุ่มวัสดุคงคลังตามระดับความสำคัญด้วยเทคนิค AHP ซึ่งแบ่งกลุ่มจากปัจจัย ดังนี้ 1. มูลค่าการใช้งาน 2. ระยะเวลานำ 3. ความถี่การใช้งาน ถัดมาจึงเป็นการแบ่งรูปแบบความต้องการโดยใช้ ADI และ CV2 พบว่าแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ คือ 1. Smooth Demand 2. Erratic Demand 3. Lumpy Demand จากนั้นจึงนำมากำหนดนโยบายวัสดุคงคลัง ดังนี้ 1. วัสดุคงคลังกลุ่ม Smooth DemandและErratic Demandที่มีการตรวจสอบวัสดุคงคลังอย่างต่อเนื่องใช้นโยบาย (s, S) 2. วัสดุคงคลังกลุ่ม Smooth Demand และErratic Demandที่มีรอบการตรวจสอบเป็นระยะใช้นโยบายOUL และ (R, s, S) ตามลำดับ โดยการกำหนดรอบการสั่งแบบคงที่ 3. วัสดุคงคลังกลุ่ม Lumpy Demandใช้นโยบาย Base-Stock จากนั้นจึงทำการทดสอบนโยบายด้วยแบบจำลองสถานการณ์ ผลการทดสอบ พบว่า ปี2019 ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 59.86% และระดับการให้บริการอยู่ที่ 99.42% และปี 2020 ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 57.80% และระดับการให้บริการอยู่ที่ 99.35% สุดท้าย จึงทำการตรวจสอบความคงทนของนโยบายที่นำเสนอด้วยการวิเคราะห์ความไวต่อการเปลี่ยนแปลงค่าเฉลี่ยความต้องการ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 15% เมื่อความต้องการลดลง 50% ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของโรงงานกรณีศึกษา


การประยุกต์ใช้ฮิวริสติกส์แบบ 2 ขั้น สำหรับการจัดตารางการผลิตในกระบวนการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงบนแผ่นวงจร, พัฒนโชค อินทะโส Jan 2021

การประยุกต์ใช้ฮิวริสติกส์แบบ 2 ขั้น สำหรับการจัดตารางการผลิตในกระบวนการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงบนแผ่นวงจร, พัฒนโชค อินทะโส

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การจัดตารางการผลิตในกระบวนการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงบนแผ่นวงจร (Surface Mount Technology, SMT) เป็นกระบวนการจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต เช่น เครื่องจักร วัตถุดิบ ผู้ปฏิบัติงาน รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด ให้บรรลุวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ในการผลิต อย่างไรก็ดี การจัดตารางการผลิตในกระบวนการดังกล่าวกลับมีความซับซ้อน อันเนื่องมาจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทั้งในมุมของจำนวนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ประเภทของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงประเภทของเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตซึ่งมีประสิทธิภาพในการผลิตที่แตกต่างกันออกไป หากตารางการผลิตไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลทำให้ไม่สามารถส่งงานไปยังกระบวนการถัดไปได้ทันเวลา สูญเสียเวลาในการผลิตมากเกินความจำเป็น อีกทั้งยังส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์อีกด้วย งานวิจัยนี้จึงได้ทำการพัฒนาฮิวริสติกส์แบบ 2 ขั้น เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาการจัดตารางการผลิตในกระบวนการดังกล่าว โดยในขั้นตอนการหาผลเฉลยเบื้องต้น ได้ประยุกต์ใช้กฎการส่งมอบงานที่เร็วที่สุด (Earliest Due Date, EDD) แล้วจึงทำการปรับปรุงผลเฉลยที่ได้ด้วยการบูรณาการระหว่างการปรับปรุงผลเฉลยเฉพาะถิ่น และอัลกอริทึมในการย้ายขอบเขตการค้นหา (Escape Mechanism) เพื่อค้นหาผลเฉลยที่ดีขึ้น จากนั้นทำการทดสอบฮิวริสติกส์ที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยได้ทำการเปรียบเทียบคุณภาพของคำตอบที่ได้ กับตารางการผลิตในอดีตของบริษัทกรณีศึกษาแห่งหนึ่ง พบว่าวิธีการดังกล่าวสามารถลดระยะเวลาในการปิดงาน (Makespan) ลดระยะเวลาเตรียมงาน (Setup Time) และลดต้นทุนค่าล่วงเวลาลงร้อยละ 16, 27, 32 ตามลำดับ


การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวด้วยวิธีการแช่แข็งสำหรับโรงงานแปรรูปขั้นต้นแห่งหนึ่ง, ณัฏฐิกา แซ่โล้ว Jan 2021

การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวด้วยวิธีการแช่แข็งสำหรับโรงงานแปรรูปขั้นต้นแห่งหนึ่ง, ณัฏฐิกา แซ่โล้ว

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

มะพร้าวเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่มีความต้องการตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปีแต่มีปริมาณที่ไม่คงที่ โดยราคามะพร้าวจะแปรผกผันกับปริมาณผลผลิตมะพร้าว สำหรับกรณีศึกษาซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปผลผลิตมะพร้าวขั้นต้น มีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวเพื่อส่งเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวภายในประเทศต่อไป พบว่าความไม่คงที่ของปริมาณผลผลิตมะพร้าวทำให้ทางธุรกิจกรณีศึกษาประสบปัญหาไม่สามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์มะพร้าวได้ครบตามความต้องการของลูกค้า ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดนำวิธีการแช่แข็งมาใช้ในการแปรรูปผลผลิตมะพร้าวเพื่อยืดอายุผลิตภัณฑ์มะพร้าวให้ธุรกิจกรณีศึกษามีผลิตภัณฑ์มะพร้าวจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทางด้านการเงินในการลงทุนแปรรูปเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวด้วยวิธีการแช่แข็ง โดยพิจารณาทางเลือกในการลงทุนทั้งในรูปแบบของการใช้บริการบริษัทรับฝากแช่แข็งและการลงทุนสร้างห้องเย็นสำหรับใช้งานภายในธุรกิจกรณีศึกษา โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานเริ่มต้นจากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับธุรกิจกรณีศึกษาเพื่อวิเคราะห์ทางเลือกการลงทุนที่เป็นไปได้ จากนั้นทำการวางแผนการผลิตรายเดือนเป็นระยะเวลา 24 เดือน และประมาณการทางด้านการเงินเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทางการเงิน โดยพิจารณาจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR) และระยะเวลาคืนทุน ผลการศึกษาความเป็นไปได้ทางการเงินของการผลิตรายเดือนเป็นระยะเวลา 24 เดือน พบว่าทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนดีที่สุดคือการแช่แข็งผลิตภัณฑ์มะพร้าวโดยใช้บริการบริษัทรับฝากแช่แข็ง โดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เท่ากับ 5.28 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR) เท่ากับ 25% และใช้ระยะเวลาคืนทุน 8 เดือน นอกจากนี้จากการวิเคราะห์ความไวของตัวแปรที่เกี่ยวข้องพบว่าคำตอบสำหรับทางเลือกในการลงทุนจะไม่เปลี่ยนแปลงหากราคาขายผลิตภัณฑ์ลดลงไม่ต่ำกว่า 6% หรือราคาวัตถุดิบมะพร้าวเพิ่มขึ้นไม่เกิน 9% ของราคาปัจจุบัน


การปรับปรุงการพยากรณ์ความต้องการพัสดุบรรจุและนโยบายการเติมเต็มสินค้าคงคลังของพัสดุบรรจุสำหรับโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ภมร สถิรมนวงศ์ Jan 2021

การปรับปรุงการพยากรณ์ความต้องการพัสดุบรรจุและนโยบายการเติมเต็มสินค้าคงคลังของพัสดุบรรจุสำหรับโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ภมร สถิรมนวงศ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงการพยากรณ์ความต้องการสินค้าสำเร็จรูป และการพัฒนาระบบเติมเต็มสินค้าคงคลังของพัสดุบรรจุของโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการวางแผนการผลิตที่คลาดเคลื่อน และการจัดเก็บพัสดุบรรจุที่สูงเกินจริง ทั้งนี้ผู้วิจัยพบว่า มูลค่าพัสดุคงคลังเฉลี่ยต่อเดือนของบริษัทกรณีศึกษามีค่าสูงถึงกว่า 92.3 ล้านบาท แต่อัตราการหมุนเวียนของพัสดุบรรจุเฉลี่ยมีค่าค่อนข้างต่ำที่ 3.05 รอบต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้บริษัทกรณีศึกษา ยังไม่มีนโยบายการควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังของพัสดุบรรจุอย่างเป็นระบบ ผู้วิจัยจึงได้นำเสนอการปรับปรุงและพัฒนา โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ การพยากรณ์ความต้องการสินค้าที่มีความแม่นยำ และการควบคุมระดับสินค้าคงคลังของพัสดุบรรจุให้มีความสอดคล้องกับพัสดุบรรจุแต่ละประเภท สำหรับการปรับปรุงวิธีการพยากรณ์สินค้าสำเร็จรูป ผู้วิจัยเริ่มจากการจำแนกผลิตภัณฑ์ออกเป็นกลุ่มตามลำดับความสำคัญแบบ ABC (ABC Pareto analysis) จากนั้นจึงเลือกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่สำคัญ (B285) ไปศึกษาต่อ ผ่านวิธีการพยากรณ์ และตัวชี้วัดความแม่นยำของการพยากรณ์แบบต่างๆ ผู้วิจัยพบว่าวิธีการพยากรณ์แบบดั้งเดิมมีความแม่นยำสูงที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ B285700 และ B2851000 ในขณะที่วิธี Autoregressive integrated moving average หรือ ARIMA นั้นมีความแม่นยำสูงที่สุด และมีค่าสูงกว่าการพยากรณ์แบบดั้งเดิม สำหรับผลิตภัณฑ์ B285345 ในส่วนของการพัฒนาระบบเติมเต็มสินค้าคงคลังของพัสดุบรรจุ ผู้วิจัยเริ่มจากการจำแนกพัสดุบรรจุออกเป็นกลุ่มตามลำดับความสำคัญแบบ ABC จากนั้นจึงเสนอให้เลือกใช้นโยบายทบทวนการสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง (Continuous review policy) สำหรับพัสดุบรรจุที่สำคัญ (กลุ่ม A) และนโยบายทบทวนการสั่งซื้อตามช่วงเวลา (Periodic review policy) สำหรับพัสดุบรรจุที่สำคัญรองลงมา (กลุ่ม B และ C) ด้วยรอบระยะเวลาการทบทวนที่แตกต่างกัน ผู้วิจัยพบว่า การประยุกต์ใช้ระบบเติมเต็มพัสดุคงคลังที่นำเสนอสามารถลดมูลค่าการจัดเก็บพัสดุบรรจุคงคลังเฉลี่ยของกลุ่มผลิตภัณฑ์ B285 ในช่วงเวลาที่ทำการจำลองสถานการณ์ (เดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2564) ลงได้ 6.61 ล้านบาท หรือ 16.54% ตลอดจนสามารถเพิ่มอัตราการหมุนเวียนพัสดุคงคลังขึ้น จากเดิม 3.40 เป็น 4.07 หรือเพิ่มขึ้น 0.67 หน่วย


การวัดกำลังพลวัตแฝง, ภูวเดช เสน่ห์เมือง Jan 2021

การวัดกำลังพลวัตแฝง, ภูวเดช เสน่ห์เมือง

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ข้อมูลที่สำคัญในการประเมินความปลอดภัยในงานยกของหนักตามแนวทางชีวกลศาสตร์ คือ ข้อมูลกำลังยกสูงสุด ซึ่งหาได้จาก 2 แนวทางคือ การประเมินในภาวะสถิต และการประเมินภาวะพลวัต ที่มีความใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหว แต่เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเวลา และความซับซ้อนในการคำนวณ จึงได้มีการประเมินในภาวะพลวัตแฝง (Semi Dynamic) มาใช้แทนการประเมินภาวะพลวัต จากการเปรียบเทียบแนวทางการประเมินกำลังยกสูงสุดในภาวะสถิตและพลวัตแฝงที่ความเร็วในการยกของที่ 0.73 และ 0.54 m/s จากอาสาสมัครทั้ง 8 คน เป็นชาย 4 คน และหญิง 4 คน ทดสอบกำลังยก 3 แบบ คือ 1.การใช้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ (Composite Strength) 2.กล้ามเนื้อแขน(Arm Strength) และ 3. กล้ามเนื้อไหล่(Shoulder Strength) ผลการศึกษาพบว่า การทดสอบกำลังแบบใช้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ วิเคราะห์ค่าโมเมนต์และแรงกดอัดบริเวณหลังส่วนล่าง (L5/S1) พบว่ากำลังยกสูงสุดในภาวะพลวัตแฝงที่ 0.73 และ 0.54 m/s มีค่าเฉลี่ยมากกว่าภาวะสถิตร้อยละ 27.21 และ 19.28 ตามลำดับ แต่ค่ากำลังสูงสุดที่ข้อต่อหลังส่วนล่าง (Maximum Joint Strength) ในภาวะพลวัตแฝงที่ 0.73 และ 0.54 m/s มีค่าเฉลี่ยน้อยกว่ากว่าภาวะสถิตร้อยละ 4.08 และ 6.34 ตามลำดับ และแรงกดอัดสูงสุดที่บริเวณหลังส่วนล่างในภาวะพลวัตแฝงที่ 0.73 และ 0.54 m/sมีค่าใกล้เคียงกับภาวะสถิต แสดงว่าการยกแบบเคลื่อนไหวสามารถยกของได้มากกว่าการยกแบบอยู่กับที่โดยที่การทำงานของกล้ามเนื้อหลังเพิ่มขึ้นไม่มาก และค่าความปลอดภัยยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับภาวะสถิต สำหรับผลวิเคราะห์ค่าโมเมนต์ที่ข้อต่อของข้อศอกขณะทดสอบกำลังของกล้ามเนื้อแขน พบว่ากำลังยกสูงสุดในภาวะพลวัตแฝงที่ 0.73 และ 0.54 m/s มีค่าเฉลี่ยน้อยกว่าภาวะสถิตร้อยละ 3.72 และ 4.19 ตามลำดับ แต่ค่ากำลังสูงสุดที่ข้อต่อของข้อศอกในภาวะพลวัตแฝงที่ 0.73 m/s มีค่าเฉลี่ยน้อยกว่าภาวะสถิต ร้อยละ 3.74 แต่ในภาวะพลวัตแฝงที่ 0.54 m/s มีค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกับภาวะสถิต …


การประยุกต์ใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบร่วมและแบบจำลองคาโน เพื่อหาความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สำหรับหลักสูตรมหาบัณฑิตสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ, มุกรินทร์ ทองโอเอี่ยม Jan 2021

การประยุกต์ใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบร่วมและแบบจำลองคาโน เพื่อหาความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สำหรับหลักสูตรมหาบัณฑิตสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ, มุกรินทร์ ทองโอเอี่ยม

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความพึงพอใจของผู้เรียนเป็นปัจจัยสำคัญเชิงกลยุทธิ์ของหลายสถาบันการศึกษา ในการรับมือตลาดการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างเร็ว งานวิจัยนี้นำเสนอแนวทางการหาความต้องการของผู้เรียนเพื่อพัฒนาหลักสูตรมหาบัณฑิตใหม่ โดยพิจารณาจากความต้องการของผู้เรียนเป้าหมายต่อหลักสูตรมหาบัณฑิตวิศวกรรมอุตสาหการ โดยนำเทคนิค Choice-Based Conjoint Analysis และ Kano Model มาวิเคราะห์ความสำคัญของคุณลักษณะหลักสูตรมหาบัณฑิต เช่น หลักสูตรสาขาเฉพาะทาง ช่วงเวลาเรียน รูปแบบงานวิจัย ภาษาที่ใช้สอน รูปแบบการสอน และค่าเรียน นอกจากนี้งานวิจัยได้ใช้เทคนิค เทคนิค Latent Class Analysis เพื่อแบ่งกลุ่มผู้เรียนที่มีความพึงพอใจที่แตกต่างกันในหลักสูตรมหาบัณฑิต โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้เรียนที่มีความชอบแตกต่างกันได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มหลักสูตรเฉพาะทางระบบโซ่อุปทานค่าเรียนต่ำกว่า 100,000 บาท และกลุ่มหลักสูตรเฉพาะทางวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจสอนด้วยภาษาอังกฤษ โดยความแตกต่างของความพึงพอใจคุณลักษณะหลักสูตรมหาบัณฑิตทั้งสองกลุ่มมีความเด่นชัดในคุณลักษณะหลักสูตรเฉพาะทางและค่าเรียน เป็นต้น ส่วนคุณลักษณะอื่นๆ เช่น สหวิทยาการ หลักสูตรร่วมมือสถาบัน เกณฑ์ผู้สมัครมีประสบการณ์ทำงาน และโครงการผู้เรียน ที่ได้รับการวิเคราะห์โดย Kano Model พบว่าไม่ได้มีความสำคัญกับผู้เรียนแต่อย่างใด งานวิจัยจึงเป็นงานที่ริเริ่มนำเทคนิคดังกล่าวเพื่อมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรมหาบัณฑิตใหม่สำหรับงานวิจัยด้านการศึกษา


การพยากรณ์ชั่วโมงแรงงานของกิจกรรมการหยิบสินค้าในครอสส์-ด็อกกิ้ง, ลัดดา พันธุ์พฤกษ์ Jan 2021

การพยากรณ์ชั่วโมงแรงงานของกิจกรรมการหยิบสินค้าในครอสส์-ด็อกกิ้ง, ลัดดา พันธุ์พฤกษ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

เนื่องจากความผันผวนของความต้องการและปริมาณการใช้แรงงานคนในคลังสินค้า การจัดการกิจกรรมหยิบสินค้าที่มีประสิทธิภาพต้องการความถูกต้องของข้อมูลและการเตรียมแรงงานที่น่าเชื่อถือ การเตรียมแรงงานที่ไม่มีประสิทธิภาพหมายถึงค่าใช้จ่ายแรงงานที่สูงจากการว่างงานหรือค่าล่วงเวลาเช่นเดียวกับบริษัทกรณีศึกษา บริษัทฯให้บริการโลจิสติกส์เฉพาะสำหรับศูนย์กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึง พุต-ทู-สโตร์ (Put-to-Store) กิจกรรมย้อนกลับของรูปแบบการหยิบทั่วไปซึ่งพนักงานรวบรวมสินค้าหลายชนิดโดยการกระจายสินค้าตามจำนวนและชนิดตามต้องการในพื้นที่ชั่วคราวของสาขา นอกเหนือจากความไม่ถูกต้องของการพยากรณ์จำนวนกล่องที่รับเข้าแล้ว การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าการเตรียมแรงงานที่ไม่มีประสิทธิภาพเกิดจากแบบพยากรณ์ (Forecasting Model) ที่ไม่พิจารณาสัดส่วนสินค้า จำนวนสินค้าในระบบพุต-ทู-สโตร์ แรงงานในอดีต และ ประสิทธิผลของพนักงาน ดังนั้นการศึกษานี้จึงนำเสนอและเปรียบเทียบแบบพยากรณ์ซึ่งครอบคลุมปัจจัยดังกล่าวเพื่อทำนายชั่วโมงแรงงานที่ต้องการรายสัปดาห์ การเปรียบเทียบแบบพยากรณ์ด้วยชุดข้อมูลเรียนรู้พบว่าสมการถดถอยเชิงเส้นที่ใช้จำนวนกล่องสินค้าที่พยากรณ์ขึ้นใหม่เป็นหนึ่งในปัจจัยอิสระ ให้ความแม่นยำสูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับแบบพยากรณ์อนุกรมเวลา ซึ่งแบบพยากรณ์สมการถดถอยที่นำเอาจำนวนกล่องสินค้าที่พยากรณ์ขึ้นใหม่ จำนวนกล่องสินค้าเคลื่อนไหวเร็วและจำนวนกล่องสินค้าเคลื่อนไหวช้ามาใช้เป็นปัจจัยอิสระมีความแม่นยำสูง ด้วยค่า MAPE 4.47% แบบพยากรณ์สมการถดถอยจึงเหมาะในการใช้วางแผนแรงงานของบริษัทฯ


การพัฒนาฮิวริสติกส์สำหรับปัญหาการจัดสรรเที่ยวบินเข้าหลุมจอดอากาศยาน, วรกร เขาวงษ์ Jan 2021

การพัฒนาฮิวริสติกส์สำหรับปัญหาการจัดสรรเที่ยวบินเข้าหลุมจอดอากาศยาน, วรกร เขาวงษ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

หลุมจอดอากาศยาน ถือเป็นหนึ่งในทรัพยากรสำคัญที่กำหนดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของท่าอากาศยาน โดยจำนวนหลุมจอดอากาศยานส่วนใหญ่นั้น มักถูกกำหนดจากโครงสร้างของท่าอากาศยานเอง ซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละท่าอากาศยาน การวางแผนจัดสรรเที่ยวบินเข้าหลุมจอดอากาศยานที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสนามบินที่มีการจราจรหนาแน่น เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้วิจัยจึงได้ทำการจำลองปัญหาการจัดสรรเที่ยวบินเข้าหลุมจอดอากาศยาน (AGAP) แบบหลายวัตถุปรสงค์ ผ่านแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ แล้วทำการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการเชิงพันธุกรรมแบบการจัดลำดับที่ไม่ถูกครอบงำ III (NSGA-III) ซึ่งในวิธีการดังกล่าว ผู้วิจัยได้สอดแทรกเงื่อนไขและข้อจำกัดต่าง ๆ ที่มักถูกละเลย เช่น ความเข้ากันได้ของอากาศยานและหลุมจอดอากาศยาน ตลอดจนการแบ่งกิจกรรมของเที่ยวบินให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติงานจริงของการท่าอากาศยาน ผู้วิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของฮิวริสติกส์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยฮิวริสติกส์ดังกล่าวสามารถค้นหาคำตอบที่มีคุณภาพดีเทียบเท่ากับคำตอบที่เหมาะสมที่สุดจาก CPLEX ในปัญหา AGAP แบบวัตถุประสงค์เดี่ยวขนาดเล็กได้ทั้ง 15 ปัญหา นอกจากนี้ ฮิวริสติกส์ที่ถูกพัฒนาขึ้นยังสามารถค้นหาคำตอบของปัญหา AGAP ทั้งแบบวัตถุประสงค์เดี่ยว และหลายวัตถุประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ได้ ในขณะที่ CPLEX ไม่สามารถหาแม้คำตอบตั้งต้นได้ เนื่องจากประสบปัญหาความจำไม่เพียงพอ


ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผสมแบบข้นหนืด, วรกาญจน์ คณกร Jan 2021

ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผสมแบบข้นหนืด, วรกาญจน์ คณกร

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผสมแบบข้นหนืดด้วยเครื่อง Hi-Shear Vacuum Mixer (HSVM) โดยตรวจสอบจากการวัดค่าความสูงของตะกอนในการชงไซรัปสีน้ำตาลต้องไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน 13 มิลลิเมตร และค่าความสามารถด้านสมรรถนะของกระบวนการผลิตระยะสั้น (Cpk) ของเครื่องจักรต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ โดยนำเอาแผนผังก้างปลาควบคู่กับตารางความสัมพันธ์ของสาเหตุและผลทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา จากนัั้นทำการคัดกรองปัจจัยเบื้องต้นด้วยวิธี FMEA พร้อมทั้งประยุกต์ใช้เทคนิคการออกแบบการทดลองเศษส่วนเชิงแฟคทอเรียลแบบสองระดับ (2k Factorial Fraction Design) เพื่อลดปัจจัยหลักที่ไม่มีอิทธิพลออก ทำให้ได้ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญจำนวน 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.ระดับของชุดตะแกรงหัวปั่นผสม 2.ความเร็วรอบของชุดหัวปั่นผสม และ 3.อุณหภูมิเริ่มต้นของวัตถุดิบของเหลว พร้อมทั้งประยุกต์ใช้การออกแบบการทดลองพื้นผิวตอบสนอง (Response Surface Method) แบบบอกซ์-เบห์นเคน (ฺBox-Behnken) เพื่อหาค่าระดับของปัจจัยที่เหมาะสมของทั้ง 3 ปัจจัย โดยค่าความสูงของตะกอนไม่เกิน 10±1 มิลลิเมตร โดยมีค่าก่อนการปรับปรุงกระบวนการผลิตไซรัปสีน้ำตาล มีค่าเฉลี่ยความสูงของตะกอนเป็น 20.89±2.26 มิลลิเมตร และค่า Cpk ของเครื่องผสม HSVM นั้นมีค่าเป็น -3.93 ซึ่งมีค่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จากการวิเคราะห์ผลการทดลองสรุปได้ว่าค่าระดับปัจจัยที่เหมาะสมในการตั้งเครื่องผสม HSVM มีดังนี้ ระดับของชุดตะแกรงหัวปั่นผสม อยู่ที่ระดับแบบต่ำ ความเร็วรอบของชุดหัวปั่นผสมอยู่ที่ 2000 รอบ/นาที และอุณหภูมิเริ่มต้นของวัตถุดิบของเหลวอยู่ที่ 72.5 องศาเซลเซียส ซึ่งได้ทำการยืนยันผลโดยการปรับตั้งค่าเครื่องทำการผลิตจริงพร้อมติดตามผล ผลหลังการปรับปรุงกระบวนการผลิตไซรัปสีน้ำตาล มีค่าเฉลี่ยความสูงของตะกอนเป็น 10.48±0.32 มิลลิเมตร และค่า Cpk ของเครื่องผสม HSVM นั้นมีค่าเป็น 2.56 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดีเกินคาด และยังส่งผลให้ประสิทธิภาพของเครื่องผสมไซรัป HSVM นั้นผลิตไซรัปได้โดยไม่เกิดของเสียจากกระบวนการอีกเลย


การประมาณความจุของคอนเทนเนอร์ยางรถยนต์, วิภาดา ฮันสราช Jan 2021

การประมาณความจุของคอนเทนเนอร์ยางรถยนต์, วิภาดา ฮันสราช

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

เนื่องจากข้อได้เปรียบด้านวัตถุดิบและกำลังการผลิต ประเทศไทยจึงเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ในด้านการผลิตและส่งออก กระนั้นการส่งออกยางรถยนต์ยังคงขาดประสิทธิภาพในด้านต้นทุนการขนส่งและอรรถประโยชน์เชิงปริมาตรของตู้คอนเทนเนอร์เนื่องจากลักษณะกายภาพของสินค้าดังเช่นบริษัทยางรถยนต์กรณีศึกษา บริษัทกรณีศึกษาใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมยางรถยนต์นำเข้าในภูมิภาคและส่งออกยางที่ผลิตในประเทศไปทั่วโลก จากการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตพบว่าแผนส่งออกยางมีความคาดเคลื่อนส่งผลให้ต้องการจัดทำเอกสารศุลกากรอีกครั้งเกิดการเคลื่อนย้ายที่ซ้ำซ้อน (Double Handling)งานวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความคลาดเคลื่อนโดยการทำนายจำนวนยางรถยนต์ในตู้คอนเทนเนอร์ อ้างอิงจากขนาดทางกายภาพของยาง สำหรับการบรรจุยาง 2 รูปแบบ หลังจากการวิเคราะห์ข้อมูลการบรรจุในอดีตและขนาดทางกายภาพ ได้ประยุกต์ใช้แบบจำลองถดถอยเชิงเส้นกับข้อมูลการบรรจุและพัฒนา 4 แบบจำลองที่แตกต่างกัน ได้แก่ แบบจำลอง Simple Regression, All Possible, Stepwise and The Best Subset Selection ในอีกทางหนึ่ง ความสัมพันธ์เชิงเรขาคณิตระหว่างคอนเทนเนอร์กับขนาดทางกายภาพของยางได้ถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาวิธีการทำนายยางที่มีข้อมูลการบรรจุไม่เพียงพอ ผลการเปรียบเทียบกับแบบจำลองถดถอยเชิงเส้นพบว่าแบบจำลอง The Best Subset Selection มีความแม่นยำสูงสุดและเป็นแบบจำลองที่เหมาะสมที่สุดโดยมีค่า MAPE (Mean Absolute Percentage Error) คือ 5.01 และ 4.30 สำหรับวิธีการบรรจุแบบตั้งและแบบไขว้ตามลำดับ ถึงอย่างไรก็ตาม แบบจำลอง The Best Subset Selection เหมาะสมกับการบรรจุยางขนาดเดียวที่มีข้อมูลการบรรจุยางที่เพียงพอ ผลการเปรียบเทียบแสดงถึงการแบบจำลองทางเรขาคณิตมีความเหมาะสมกับการบรรจุยางหลายขนาดหรือยางขนาดใหม่มากกว่า


การปรับปรุงการพยากรณ์ความต้องการและนโยบายการเติมเต็มพัสดุคงคลังสำหรับชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร, วรพล เดชาดำรงค์ชัย Jan 2021

การปรับปรุงการพยากรณ์ความต้องการและนโยบายการเติมเต็มพัสดุคงคลังสำหรับชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร, วรพล เดชาดำรงค์ชัย

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

เครื่องจักรกลการเกษตรเป็นอุปกรณ์ที่สนับสนุนการทำงานของเกษตรกร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงาน แต่เนื่องจากอุปกรณ์มีอายุการใช้งานที่จำกัดและอาจได้รับความชำรุดเสียหายหรือสึกหรอจากการใช้งานได้ จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อทดแทนความเสียหายอยู่เสมอ ดังนั้นผู้ให้บริการหลังการขายเครื่องจักรกลการเกษตรจึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จากการวิเคราะห์ความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่ของบริษัทกรณีศึกษาพบว่ารูปแบบความต้องการของชิ้นส่วนอะไหล่มีลักษณะไม่คงที่และไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ การเติมเต็มพัสดุคงคลังจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการพัสดุคงคลังเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการอะไหล่ของลูกค้าได้ทันเวลา งานวิจัยนี้ได้ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทกรณีศึกษา โดยได้ปรับปรุงวิธีการที่ใช้ในการพยากรณ์ความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่ให้มีความแม่นยำขึ้นโดยใช้เทคนิคการพยากรณ์แบบอนุกรมเวลาที่เหมาะสมกับรูปแบบความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่ จากนั้นกำหนดนโยบายการเติมเต็มพัสดุคงคลัง โดยได้กำหนดตัวชี้วัดประสิทธิภาพจากอัตราการตอบสนองต่อคำสั่งซื้อของลูกค้า และอัตราการขายสินค้าคงคลัง ผลการวิจัยพบว่าการกำหนดนโยบายการเติมเต็มพัสดุคงคลังแบบระดับพัสดุคงคลังเป้าหมายที่มีรอบการตรวจสอบรายสัปดาห์ มาใช้กับกลุ่มชิ้นส่วนอะไหล่ที่มีรูปแบบความต้องการคงที่สามารถปรับปรุงอัตราการตอบสนองต่อคำสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้นจากเดิมโดยเฉลี่ยร้อยละ 16.48 นอกจากนี้การกำหนดนโยบายการเติมเต็มพัสดุคงคลังแบบพอดีกับความต้องการในแต่ละคาบที่มีรอบการตรวจสอบรายวัน มาใช้กับกลุ่มชิ้นส่วนที่มีรูปแบบความต้องการแบบมีฤดูกาลและแบบมีแนวโน้มโน้มพร้อมทั้งฤดูกาลสามารถเพิ่มอัตราการตอบสนองต่อคำสั่งซื้อของลูกค้าขึ้นได้โดยเฉลี่ยร้อยละ 18.85 และร้อยละ 23.23 ตามลำดับ


ระบบสนับสนุนการจัดตารางและควบคุมการผลิต สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์, อัจฉราพร เพชรเก่า Jan 2021

ระบบสนับสนุนการจัดตารางและควบคุมการผลิต สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์, อัจฉราพร เพชรเก่า

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้ได้พัฒนาระบบสนับสนุนการจัดตารางและควบคุมการผลิตสำหรับกระบวนการผลิตเป็นแบบเครื่องจักรเดี่ยว โดยมีเวลาในการปรับตั้งเครื่องจักรขึ้นอยู่กับลำดับงานก่อนหน้า ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดเวลาในการปรับตั้งเครื่องจักรโดยที่ยังคงสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ทันระยะเวลาการส่งมอบ รวมถึงช่วยควบคุมการผลิต ซึ่งงานวิจัยนี้เริ่มต้นตั้งแต่การศึกษาและรวบรวมข้อมูลลักษณะสินค้า เงื่อนไขการผลิต รวมถึงขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมบนพื้นที่การผลิต จากนั้นทำการศึกษาวิธีการฮิวริสติกและออกแบบวิธีการวางแผนการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ซึ่งงานวิจัยนี้ได้นำเสนอหลักการฮิวริสติกมาใช้ในการวางแผนการผลิต โดยประยุกต์จากกฎการจ่ายงานต่างๆ ระหว่าง EDD (Earliest Due Date), SPT (Shortest Processing Time) และ CUC (Closet Unvisited City) จากนั้นทำการออกแบบและพัฒนาระบบที่ช่วยสนับสนุนการจัดตารางและควบคุมการผลิตรวมถึงระบบฐานข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย 5 ส่วนคือ 1) การป้อนข้อมูลความต้องการสินค้าเข้าสู่ระบบ 2) การจัดตารางการผลิต 3) การส่งงานเข้าสู่การผลิต 4) การติดตามการผลิต และ 5) การปิดคำสั่งการผลิต ขั้นตอนถัดมาคือทำการทดสอบและประเมินผลวิธีการวางแผนการผลิตที่นำเสนอและระบบที่พัฒนาขึ้น ซึ่งผลของการประเมินในด้านประสิทธิผลของระบบ โดยทำการเปรียบเทียบผลรวมของเวลาในการปรับตั้งเครื่องจักรด้วยวิธีการวางแผนในปัจจุบันกับวิธีการวางแผนการผลิตที่นำเสนอ โดยใช้ข้อมูลในอดีตของงานที่ต้องผลิต ตั้งแต่เดือน มกราคม พ.ศ. 2562 จนถึง เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2564 พบว่าสามารถลดเวลาในการปรับตั้งเครื่อง 36% โดยเฉลี่ย และในด้านประสิทธิภาพของระบบ พบว่าระบบที่นำเสนอนี้สามารถช่วยลดขั้นตอนในการจัดตารางการผลิตให้กับผู้ใช้งานอย่างมาก รวมทั้งสามารถติดตามและควบคุมผลผลิตได้ตามวัตถุประสงค์และผ่านเกณฑ์การประเมินผลการยอมรับจากผู้ใช้งาน


การปรับปรุงการกระทบของมือจับแบบไม่มีตัวหน่วงในรถกระบะโดยใช้แนวคิดซิกซ์ ซิกม่า, อาทิชา วัฒนะไมตรี Jan 2021

การปรับปรุงการกระทบของมือจับแบบไม่มีตัวหน่วงในรถกระบะโดยใช้แนวคิดซิกซ์ ซิกม่า, อาทิชา วัฒนะไมตรี

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาการปรับปรุงการกระทบกันระหว่างส่วนจับและฐานของมือจับแบบไม่มีตัวหน่วง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนภายในรถกระบะ โดยใช้หลักการของซิกซ์ ซิกม่า มือจับเป็นชิ้นส่วนภายในรถยนต์ถูกติดตั้งอยู่บริเวณผ้าหลังคาภายในรถยนต์ มีหน้าที่ช่วยการทรงตัวของผู้โดยสารขณะเดินทาง โดยมือจับในตลาดที่แต่ละผู้ผลิตรถยนต์นำมาใช้กับรถจริงมีอยู่ 3 ประเภท คือ มือจับแบบมีตัวหน่วง (Assist Grip with damper), มือจับแบบไม่มีตัวหน่วง (Assist Grip without damper) และมือแบบยึดติด (Assist Grip fixing type) โดยปัญหาการกระทบของมือจับที่เกิดขึ้นหลังจากใช้งานมือจับ มีเสียงกระทบระหว่างส่วนจับและฐานดังเกิดขึ้น และดังเกินมาตรฐานที่บริษัทกำหนดไว้ คือ เสียงกระทบต้องต่ำกว่า 95 เดซิเบล และจำนวนครั้งการกระทบน้อยกว่า 3 ครั้ง ซึ่งในการปรับปรุงการกระทบของมือจับ จะนำหลักการการปรับปรุงจากซิกซ์ ซิกม่า มาใช้ ประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ ระยะนิยามปัญหา (Define phase), ระยะการวัดเพื่อกำหนดปัญหา (Measurement phase), ระยะการวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุและปัจจัย (Analysis phase), ระยะการปรับปรุงกระบวนการ (Improvement phase) และ ระยะการควบคุมกระบวนการ (Control phase) หรือ DMAIC หลังจากผ่านขั้นตอนทั้งห้าของซิกซ์ ซิกม่า พบว่า มี 5 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการกระทบของมือคือ ค่า K ของสปริง วัสดุของมือจับ น้ำหนักของส่วนจับ พื้นที่การกระทบ และองศาของการใช้งาน เมื่อทำการปรับปรุงปัจจัยทั้งห้า เสียงกระทบระหว่างส่วนจับและฐานลดลงจากเฉลี่ยอยู่ที่ 96.4 เหลือ 91.6 เดซิเบล จำนวนครั้งการกระทบจาก 4 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง ซึ่งอยู่ในมาตรฐานที่บริษัทกำหนด สามารถนำมือจับแบบไม่มีตัวหน่วงสามารถนำไปใช้กับรถกระบะในบริษัทได้จริง และสามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทถึง 4 ล้านบาทต่อปี


การออกแบบวิธีการตรวจจับการปนเปื้อนของน้ำเกลือในถุงนิ่ม, จิรเมธ สวรรค์ตรานนท์ Jan 2021

การออกแบบวิธีการตรวจจับการปนเปื้อนของน้ำเกลือในถุงนิ่ม, จิรเมธ สวรรค์ตรานนท์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กด้วยสายตามนุษย์ในของเหลวใสไม่มีสีในบรรจุภัณฑ์ เช่น น้ำเกลือถุงนิ่มนั้น ยังได้รับความนิยมเพราะเป็นงานตรวจสอบที่ไม่ซับซ้อน แต่การตรวจสอบด้วยสายตานี้มีโอกาสเกิดความผิดพลาดของมนุษย์ได้ง่ายเนื่องจากปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กด้วยตาเปล่าที่ปะปนในของเหลวใสและไม่มีสีในบรรจุภัณฑ์ งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์หาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถของพนักงานตรวจสอบด้วยสายตาและออกแบบวิธีการทำงานของพนักงานสำหรับงานตรวจสอบน้ำเกลือในถุงนิ่มใส การดำเนินงานวิจัยได้เริ่มจากคัดเลือกพนักงานเพศหญิง อายุระหว่าง 25 ถึง 30 ปี มีค่าสายตาปกติ เพื่อเข้าร่วมการทดลอง แบ่งเป็นกลุ่มพนักงานที่มีประสบการณ์มากกว่าสองปีและกลุ่มที่มีประสบการณ์น้อยกว่าสองปี หลังจากนั้นทำการทดสอบการทำงานตรวจสอบของพนักงานโดยใช้สถานีทดลอง 16 สถานี ให้ทำการตรวจจับอนุภาคที่ปะปนในน้ำเกลือบรรจุในถุงนิ่ม ตัวแปรต้นในการทดลองได้แก่ (1) ท่าทางในการตรวจมีสองลักษณะ ได้แก่ท่าทางอิสระและท่าทางที่กำหนด (2) ระยะเวลาในการตรวจจับ 5 และ 10 วินาที (3) ระยะเวลาพักสายตามี 2 แบบ ได้แก่ พักสายตาหนึ่งนาทีทุกการทำงานหนึ่งชั่วโมง และพักสายตาสองนาทีทุกการทำงานหนึ่งชั่วโมง (4) แสงสว่างที่ใช้ในการตรวจได้แก่ 2,000 และ 3,500 ลักซ์ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการตรวจผิดพลาดได้แก่ ท่าทางในการตรวจและระยะเวลาพักสายตา ทำให้สามารถออกแบบสถานีการทำงานดังนี้ 1) การตรวจอนุภาคปนเปื้อนหลังการปรับปรุงกำหนดให้เวลาพักสายตา 2 นาทีทุกๆ การตรวจ 1 ชั่วโมง 2) ใช้ท่าทางในการตรวจที่กำหนด พบว่า %ความสามารถในการทำซ้ำ %ความไม่ลำเอียง มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนการปรับปรุง ส่วน %ความผิดพลาดมีค่าลดลง จาก 5 – 8% เหลือ 0 – 3% ในกลุ่มมีประสบการณ์สองปีขึ้นไป ส่วนในกลุ่มมีประสบการณ์น้อยกว่าสองปี ความผิดพลาดลดลงจาก 13-18% เหลือ 5% เท่านั้น ผลระยะยาวพบว่าสัดส่วนข้อร้องเรียนประเภทอนุภาคปนเปื้อนลดลงจาก 45% เหลือเพียง 5% ภายในระยะเวลาหนึ่งปีหลังการปรับปรุง


การพยากรณ์มูลค่าการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบของประเทศไทย, อุรชา จันทรภา Jan 2021

การพยากรณ์มูลค่าการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบของประเทศไทย, อุรชา จันทรภา

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเป็นสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกสำคัญของประเทศไทย มีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับแรก ๆ ของประเทศ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและเป็นรายได้หลักจากการส่งออกของประเทศ การพยากรณ์มูลค่าการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบจะช่วยให้มองเห็นทิศทางของการส่งออก เพื่อวางแผนนโยบายการค้าหรือสนับสนุนการผลิตให้เกิดมูลค่ามากที่สุด งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาตัวแบบพยากรณ์ที่เหมาะสมสำหรับพยากรณ์มูลค่าการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบโดยรวมของประเทศไทย และมูลค่าการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบไปประเทศคู่ค้าที่มีมูลค่าการส่งออกจากประเทศไทยมากที่สุด 2 อันดับแรก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลียและประเทศญี่ปุ่นด้วยวิธีอนุกรมเวลา วิธีการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุคูณ วิธีการเรียนรู้ของเครื่อง และวิธีพยากรณ์แบบผสม โดยใช้ค่าร้อยละความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เฉลี่ย (MAPE) ในการเปรียบเทียบความแม่นยำของตัวแบบพยากรณ์ ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิธีการพยากรณ์ของงานวิจัยนี้เป็นข้อมูลรายเดือนตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2551 ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นจำนวนทั้งหมด 156 เดือน วิธีที่ใช้ในการพยากรณ์ ได้แก่ Moving Average, Holt-Winters, SARIMA, Multiple Linear Regression, Artificial Neural Networks, Support Vector Regression, XGBoost, LSTM และวิธีพยากรณ์แบบผสม ผลการศึกษาพบว่า ตัวแบบพยากรณ์ที่มีความแม่นยำและเหมาะสมมากที่สุดสำหรับพยากรณ์มูลค่าการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบโดยรวมของประเทศไทย มูลค่าการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบของประเทศไทยไปประเทศออสเตรเลียและประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ ตัวแบบพยากรณ์ผสมวิธี LSTM-XGB วิธี SARIMA-XGB และวิธี LSTM-SARIMA มีค่าร้อยละความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เฉลี่ยเท่ากับ 6.63% 15.40% และ 6.27% ตามลำดับ


Fuzzy Ahp For Supplier Selection: A Case Study In An Electronic Component Manufacturer, Chia Ken Tsai Jan 2021

Fuzzy Ahp For Supplier Selection: A Case Study In An Electronic Component Manufacturer, Chia Ken Tsai

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Supplier selection has become an essential effect on the entire electronic supply chain network on performance. The case study company produces a nano sim-card connector which four primary raw materials are processed into four primary parts (Plastic, Nickel, Phosphor bronze, and Stainless steel). Nevertheless, the case study company faces a penalty and order reduction because of the quality issue. Although an appraisal record from the case study company is able to select a proper raw material supplier, the cost becomes the priority when the candidate suppliers are categorized as the same level, leading to increasing potential risks, e.g., a penalty, …


An Improvement Of Data Analytics Detection Rules In The Internal Audit Of The Procurement And Inventory Processes, Penpak Rangsipunyaporn Jan 2021

An Improvement Of Data Analytics Detection Rules In The Internal Audit Of The Procurement And Inventory Processes, Penpak Rangsipunyaporn

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Data analytics is a powerful tool to deliver value-added internal audit results as it reduces execution time and increases efficiency, effectiveness, and assurance level compared with the audit sampling approach. Because detection rules are criteria applied in the data analytics method to discover anomalies in the business transactions. Therefore, this project aims to improve the anomaly detection rules in the procure-to-pay and inbound inventory processes for an audit firm based in Thailand to provide internal audit services for clients in the manufacturing business. The sub-processes cover (1) process governance, (2) vendor selection, evaluation, and master data maintenance, (3) ordering, (4) …


Analysis Of Inventory In A Food Repackaging Company, Chutipapha Thiantravan Jan 2021

Analysis Of Inventory In A Food Repackaging Company, Chutipapha Thiantravan

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This research aims to evaluate the nature of business and apply a suitable inventory policy to a case study food-repackaging company. The company adopted bulk-purchasing to packaging inventory to realize the economy of scales. Because of the lacks of purchasing standard and monitoring, this inventory policy led to the overstock, deadstock, and obsolete packaging inventories as well as the fluctuation of inventory turnover rate. The further category analysis of the packaging inventories using ABC analysis reveals that special customized bags and packaging items have a long lead time due to international sourcing and high minimum order quantity (MOQ). As a …


Total Quality And Innovation Management In Hospital, Suebsakul Tonjang Jan 2021

Total Quality And Innovation Management In Hospital, Suebsakul Tonjang

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Previously, quality of care and customers' satisfaction in healthcare services is fulfilled only through total quality management (TQM) which as a core management philosophy, as adopted by many healthcare organizations. Nevertheless, TQM focuses on incremental improvement may prove insufficient to address the new technology and innovation-driven organization with a faster pace. Therefore, this research aimed to integrate quality and innovation management in healthcare affecting healthcare performance. To propose the key factor of both TQM and innovation management in healthcare, we conducted a systematic literature review. Then, TQM and innovation management factors were combined and integrated with ISO 56002 as to …


แบบจำลองเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจการสั่งผลิตจากวัตถุดิบคงคลังส่วนเกิน, คุลิกา ดาดาษ Jan 2021

แบบจำลองเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจการสั่งผลิตจากวัตถุดิบคงคลังส่วนเกิน, คุลิกา ดาดาษ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้นำเสนอแบบจำลองเพื่อใช้ในการตัดสินใจสั่งผลิตเพิ่มจากวัตถุดิบคงคลังส่วนเกิน ซึ่งเป็นการหาปริมาณที่สั่งผลิตเพิ่มและปริมาณที่สั่งซื้อวัตถุดิบอื่นเพิ่มสำหรับใช้ในการผลิต ซึ่งกระบวนการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดมูลค่าของวัตถุดิบคงคลังส่วนเกินที่จะถูกนำไปกำจัดในแต่ละเดือน และก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อธุรกิจด้วย งานวิจัยนี้เริ่มตั้งแต่การศึกษาข้อมูลวัตถุดิบคงคลังส่วนเกินและวัตถุดิบคงคลังที่ถูกนำไปกำจัด รวมถึงศึกษาวิธีการสั่งผลิตเพิ่มในปัจจุบัน ขั้นตอนถัดมาเป็นการสร้างขั้นตอนในการจัดสรรวัตถุดิบคงคลังส่วนเกินอย่างง่ายโดยการจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตเพิ่มเติมโดยใช้วัตถุดิบคงคลังส่วนเกินเท่าที่มี จากนั้นได้ออกแบบแบบจำลองโปรแกรมเชิงเส้นตรงเพื่อนำมาใช้ในการหาปริมาณสั่งผลิตและสั่งซื้อวัตถุดิบเพิ่ม โดยตั้งสมการวัตถุประสงค์ให้เกิดต้นทุนโดยรวมน้อยที่สุดตามเป้าหมายของการตัดสินใจและกำหนดสมการเงื่อนไขที่สอดคล้องกับข้อจำกัดของกระบวนการที่มีวัตถุประสงค์หลักคือลดมูลค่าวัตถุดิบคงคลังส่วนเกิน และขั้นตอนถัดมาคือการประเมินผลการดำเนินงานจากแบบจำลองที่ออกแบบขึ้นด้วยการจำลองสถานการณ์ โดยที่ผลการดำเนินงานจะต้องมีต้นทุนที่น้อยที่สุด และมีมูลค่าวัตถุดิบคงคลังส่วนเกินที่ลดลงจากเดิม ผลของงานวิจัยพบว่าเมื่อนำแบบจำลองประยุกต์ใช้ในการจัดสรรวัตถุดิบคงคลังส่วนเกิน ร่วมกับการสั่งซื้อวัตถุดิบเพิ่มสำหรับการผลิตเพิ่ม สามารถลดมูลค่าวัตถุดิบคงคลังส่วนเกินได้โดยเฉลี่ย 25 % หรือคิดเป็นมูลค่าที่ลดลงได้เฉลี่ยประมาณ 2.13 แสนดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และยังก่อให้เกิดผลกำไรแก่ธุรกิจเป็นมูลค่าโดยเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 1.74 แสนดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าได้สร้างผลประโยชน์ให้แก่ธุรกิจได้ถึง 3.88 แสนดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน


การพยากรณ์ยอดขายรายวันของสินค้าที่มีราคาหลากหลายในธุรกิจค้าปลีกโดยใช้วิธีการเรียนรู้ของเครื่อง, ชยากร อุปกรณ์ Jan 2021

การพยากรณ์ยอดขายรายวันของสินค้าที่มีราคาหลากหลายในธุรกิจค้าปลีกโดยใช้วิธีการเรียนรู้ของเครื่อง, ชยากร อุปกรณ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ในปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ที่มีสาขาและหน่วยสินค้าจำนวนมาก การพยากรณ์ปริมาณความต้องการของผลิตภัณฑ์ของธุรกิจนี้ให้มีความแม่นยำมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาจัดโปรโมชั่นของสินค้าทำให้ความต้องการของสินค้ามีความผันผวน มีงานวิจัยต่างๆพบกว่า การใช้ตัวแบบการเรียนรู้ของเครื่องสามารถช่วยทำให้การพยากรณ์ให้มีความแม่นยำดังนั้นงานวิจัยนี้นำเสนอและเปรียบเทียบตัวแบบเพื่อใช้สำหรับการพยากรณ์ยอดขายรายวันของผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดจาก 7 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูงสุดได้แก่ นม นมผง ซอส ผงซักฟอก ผ้าอ้อม น้ำอัดลม และน้ำมัน จากบริษัทกรณีศึกษา โดยเปรียบเทียบผลการพยากรณ์ตัวแบบอนุกรมเวลา ตัวแบบการถดถอยเชิงพหุคูณ ตัวแบบการเรียนรู้ของเครื่อง และตัวแบบผสม โดยพิจารณาการพยากรณ์ 4 รูปแบบ การพยากรณ์ยอดขายโดยตรงกับตัวแปรอิสระปกติ การพยากรณ์ลอการิทึมธรรมชาติของยอดขายกับตัวแปรอิสระที่เพิ่มข้อมูลยอดขายตัวเองในอดีต การพยากรณ์ลอการิทึมธรรมชาติของยอดขายกับตัวแปรอิสระ และการพยากรณ์ยอดขายโดยตรงกับตัวแปรอิสระที่เพิ่มข้อมูลยอดขายตัวเองในอดีต ความแม่นยำของตัวแบบการพยากรณ์ถูกเปรียบเทียบด้วยร้อยละค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สมบูรณ์ (MAPE) โดยตัวแบบที่ศึกษาในงานวิจัยนี้ได้แก่ TBATS, Multiple linear regression (MLR), XGBoost, Artificial Neural Network (ANN) และตัวแบบผสม โดยผลการศึกษาพบว่าตัวแบบ ANN ให้ผล MAPE ต่ำสุดที่ 16.04% หากแยกเป็นกลุ่มรูปแบบข้อมูลพบว่ากลุ่มที่มีฤดูกาลและแนวโน้ม และกลุ่มไม่มีฤดูกาลและไม่มีแนวโน้มนั้น ตัวแบบ ANN ได้ผลดีที่สุด ส่วนกลุ่มที่มีฤดูกาลแต่ไม่มีแนวโน้มพบว่าตัวแบบผสม (Hybrid Model) ได้ผลดีที่สุด


การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารโครงการก่อสร้างสถานีก๊าซธรรมชาติเหลว, ชานน จุละจาริตต์ Jan 2021

การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารโครงการก่อสร้างสถานีก๊าซธรรมชาติเหลว, ชานน จุละจาริตต์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงการบริหารโครงการก่อสร้างสถานีก๊าซธรรมชาติเหลวให้สามารถส่งมอบได้ทันตามแผนงานที่กำหนดด้วยการประยุกต์ใช้เครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสมจากองค์ความรู้ทั้งหมด 5 ด้านของแนวทางการบริหารโครงการด้วย PMBOK ในการปรับปรุงกระบวนการบริหารโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดโครงการ นอกจากนี้ยังประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารโครงการ ได้แก่ ซอฟต์แวร์การบริหารโครงการ ซึ่งประกอบไปด้วย โปรแกรม Microsoft Project, โปรแกรม Trello และโปรแกรม Sitearound และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบโทรทัศน์วงจรปิด และระบบบลูทูธ บีคอน เพื่อใช้สำหรับการติดตามและควบคุมโครงการระยะไกลแบบเรียลไทม์ จากผลการศึกษาพบว่าการบริหารโครงการตามแนวทางที่ได้นำเสนอมานั้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการก่อสร้างสถานีก๊าซธรรมชาติเหลวได้ โดยพบว่าจำนวนกิจกรรมของโครงการที่แล้วเสร็จทันตามแผนงานที่กำหนดในปี พ.ศ. 2564 นั้นมีทั้งหมด 72 กิจกรรม จากทั้งหมด 76 กิจกรรม หรือคิดเป็น 95% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ก่อนหน้านี้ที่มีจำนวนกิจกรรมของโครงการที่แล้วเสร็จทันตามแผนงานที่กำหนดทั้งหมด 123 กิจกรรม จากทั้งหมด 152 กิจกรรม หรือคิดเป็น 77% นอกจากนี้การลงทุนเพื่อติดตั้ง IoT ในโครงการก่อสร้างนั้นพบว่ามีความคุ้มค่าทางการเงินในการลงทุนเนื่องจากสามารถลดค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางของพนักงานบริษัทกรณีศึกษา และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากบริษัทกรณีศึกษาไปยังไซต์งานก่อสร้างด้วยรถยนต์ลงได้