Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Engineering Commons

Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Construction Engineering and Management

2018

Chulalongkorn University

Articles 1 - 30 of 44

Full-Text Articles in Engineering

การเลือกระบบการก่อสร้างแบบโมดูลาร์สำหรับอาคารพักอาศัยแบบเตี้ยในประเทศไทย, บุญชาญ ไผทสมาน Jan 2018

การเลือกระบบการก่อสร้างแบบโมดูลาร์สำหรับอาคารพักอาศัยแบบเตี้ยในประเทศไทย, บุญชาญ ไผทสมาน

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการก่อสร้างของไทยประสบปัญหาหลายประการซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา โดยได้เริ่มมีการประยุกต์ใช้การก่อสร้างด้วยระบบโมดูลาร์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายและยังไม่สามารถประยุกต์ใช้งานได้อย่างเหมาะสม งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาปัจจัยสำหรับเลือกรูปแบบการก่อสร้างด้วยระบบโมดูลาร์และนำเสนอรูปแบบของการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยแบบเตี้ยประเภททาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียมแบบเตี้ยด้วยระบบโมดูลาร์ที่เหมาะสม โดยใช้ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องจำนวน 17 ราย และใช้เทคนิคเดลฟายในการหาข้อสรุป จากนั้นใช้กระบวนการวิเคราะห์ลำดับชั้น (AHP) ในการเปรียบเทียบรูปแบบของการก่อสร้างด้วยระบบโมดูลาร์แต่ละชนิดโดยใช้ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 12 ราย จากผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ใช้สำหรับเลือกรูปแบบการก่อสร้างด้วยระบบโมดูลาร์มีทั้งหมด 12 ปัจจัย ได้แก่ ความน่าเชื่อถือของโครงการ เวลา ต้นทุน คุณภาพ สิ่งแวดล้อม แรงงาน การขนส่ง ความยืดหยุ่น ความปลอดภัย ความชำนาญของแรงงาน ความหลากหลาย และข้อจำกัดของพื้นที่ก่อสร้าง สำหรับรูปแบบของการก่อสร้างด้วยระบบโมดูลาร์ที่เหมาะสมในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดพบว่าเป็นโมดูลาร์ชนิดเต็มรูปแบบและงานภายในแล้วเสร็จสมบูรณ์เนื่องจากมีการผลิตและติดตั้งงานภายในแล้วเสร็จจากโรงงานผลิตจึงสามารถควบคุมคุณภาพได้ สามารถถูกติดตั้งได้รวดเร็วที่หน่วยงานก่อสร้าง นอกจากนี้มีการใช้เครื่องจักรในการทำงานเป็นหลักจึงสามารถลดความต้องการใช้แรงงานเป็นหลักลงได้


การออกแบบระบบขนส่งผู้สูงอายุเพื่อกิจกรรมในชุมชน กรณีศึกษา: ชุมชนวังทองหลางและบึงยี่โถ, ทรงพร สุวัฒิกะ Jan 2018

การออกแบบระบบขนส่งผู้สูงอายุเพื่อกิจกรรมในชุมชน กรณีศึกษา: ชุมชนวังทองหลางและบึงยี่โถ, ทรงพร สุวัฒิกะ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วิทยานิพนธ์นี้เป็นการวิเคราะห์และออกแบบระบบการขนส่งให้กับผู้สูงอายุเพื่อการเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างปลอดภัย โดยพื้นที่ที่ทำการศึกษาคือชุมชนในเขตวังทองหลางและชุมชนในตำบลบึงยี่โถ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีศูนย์กิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุเป็นการเฉพาะ งานวิจัยนี้แบ่งการสำรวจเป็น 2 ขั้นตอน โดยขั้นแรกเป็นการสำรวจพฤติกรรมการเดินทาง การเลือกรูปแบบการบริการขนส่ง และการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลจากการสำรวจขั้นแรกนำไปสู่แบบสอบถามการจำลองสถานการณ์การเลือกระบบขนส่งภายในชุมชน โดยทำการสอบถามกับผู้สูงอายุรวม 400 ท่าน โดยระบบขนส่งที่ผู้สูงอายุต้องการมีรูปแบบการบริการที่คล้ายกัน โดยทั้งสองชุมชนต้องการการบริการขนส่งที่มีตารางเวลาที่แน่นอน ต้องการค่าโดยสารที่มีราคาต่ำ ส่วนรูปแบบรถแตกต่างกันออกไป ชุมชนวังทองหลางซึ่งอยู่ในเขตเมือง ผู้สูงอายุมีรายได้ต่ำ สนใจรถสี่ล้อเล็ก ส่วนชุมชนบึงยี่โถซึ่งเป็นชุมชนชานเมือง ผู้สูงอายุมีรายได้ต่ำเช่นเดียวกัน สนใจรถกอล์ฟและนำผลจากการสำรวจมาวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองสมการถดถอยเชิงเส้นเพื่อหาปริมาณการเดินทางในแต่ละระบบขนส่ง และผลจากแบบจำลองพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกระบบขนส่งภายในชุมชนที่มีนัยสำคัญทางสถิติ สำหรับชุมชนในเขตเมืองได้แก่ เพศหญิง รายได้ ระยะการเดินทาง รูปแบบการเดินรถ รูปแบบรถบริการ และค่าโดยสาร ส่วนชุมชนชานเมืองได้แก่ เพศหญิง อายุ รายได้ ระยะการเดินทาง รูปแบบการเดินรถ รูปแบบรถ และค่าโดยสาร และผลจากการสำรวจนี้สามารถนำมาใช้ประมาณการต้นทุนและรายรับที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สามารถหาระบบขนส่งที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุภายในชุมชน ทั้งนี้หน่วยงานที่ดูแลผู้สูงอายุสามารถนำมาวางแผนและเตรียมงบประมาณในการสนับสนุน หรือเป็นข้อเสนอแนะในการวางแผนการจัดระบบขนส่งที่มีความยั่งยืนให้กับชุมชน และงานวิจัยนี้จะเป็นแบบอย่างให้กับพื้นที่อื่นๆ ต่อไป


การวิเคราะห์พฤติกรรมรับแรงอัดของเสาวัสดุผสมเหล็กหน้าตัดรูปตัวเอชหุ้มด้วยคอนกรีตบางส่วน, ปภาณ บางประสิทธิ์ Jan 2018

การวิเคราะห์พฤติกรรมรับแรงอัดของเสาวัสดุผสมเหล็กหน้าตัดรูปตัวเอชหุ้มด้วยคอนกรีตบางส่วน, ปภาณ บางประสิทธิ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วิทยานิพนธ์นี้นำเสนองานวิจัยการศึกษาพฤติกรรมรับแรงอัดของเสาสั้นวัสดุผสมเหล็กหุ้มด้วยคอนกรีตบางส่วน (PCES) โดยพฤติกรรมรับแรงอัดของเสาสั้น PCES ประกอบไปด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างแรงอัดกับหน่วยการหดตัวตามแนวแกน กำลังรับแรงอัด และรูปแบบการวิบัติ งานวิจัยนี้เริ่มต้นจากการทดสอบเสาสั้น PCES หน้าตัดเหล็กรูปตัวเอชจำนวน 12 ตัวอย่างภายใต้แรงอัดกระทำต่อเนื่องตรงศูนย์ มีตัวแปรในการทดสอบได้แก่ การเปรียบเทียบพฤติกรรมรับแรงอัดของเสาสั้น PCES ที่ใช้เหล็กรีดร้อนกับเสาสั้น PCES ที่ใช้เหล็กเชื่อมประกอบ รวมถึงศึกษาผลของการเสริมเหล็กเส้นภายในเสาและผลของขนาดหน้าตัดเสาต่อพฤติกรรมรับแรงอัดของเสา จากนั้นศึกษากลไกการกระทำต่อกันระหว่างเหล็กรูปพรรณและคอนกรีตเพื่อใช้หาค่าแรงดันโอบรัดที่กระทำต่อคอนกรีต และนำเสนอแบบจำลองการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างแรงอัดกับหน่วยการหดตัวตามแนวแกนของคอนกรีตที่พิจารณาผลการโอบรัดที่เหล็กรูปพรรณกระทำต่อคอนกรีต เพื่อทำนายกำลังรับแรงอัดของเสาสั้น PCES หน้าตัดเหล็กรูปตัวเอช และหน้าตัดเหล็กรูปกากบาท จากการเปรียบเทียบผลจากแบบจำลองกับผลการทดสอบ พบว่า แบบจำลองสามารถทำนายค่ากำลังรับแรงอัดได้แม่นยำกับผลการทดสอบมากกว่าค่าจากสมการออกแบบตามข้อกำหนด AISC360-16 ที่ไม่ได้พิจารณาแฟกเตอร์ความปลอดภัย สุดท้ายทำการศึกษาผลกระทบของตัวแปรออกแบบต่อพฤติกรรมรับแรงอัดของเสาสั้น PCES เหล็กรูปตัวเอชโดยใช้แบบจำลองที่เสนอ พบว่า 1.) กำลังรับแรงอัดของคอนกรีตที่ได้รับการโอบรัดจะมีค่าสูงขึ้นเมื่อ ความชะลูดของปีกเหล็กและกำลังรับแรงอัดของคอนกรีตมีค่าต่ำลง ในขณะที่กำลังรับแรงที่จุดครากของเหล็กมีค่าสูงขึ้น และ 2.) กำลังรับแรงอัดของเอวเหล็กจะมีค่าต่ำลงเมื่อ ความชะลูดของปีกเหล็กมีค่าต่ำลง และความชะลูดของเอวเหล็กมีค่าสูงขึ้น


พฤติกรรมสถิตของรอยต่อแบบทาบเดี่ยวระหว่างเหล็กและพอลิเมอร์เสริมเส้นใยที่ยึดเหนี่ยวด้วยวัสดุประสาน, บารมี กุลเกียรติอนันต์ Jan 2018

พฤติกรรมสถิตของรอยต่อแบบทาบเดี่ยวระหว่างเหล็กและพอลิเมอร์เสริมเส้นใยที่ยึดเหนี่ยวด้วยวัสดุประสาน, บารมี กุลเกียรติอนันต์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การยึดเหนี่ยวระหว่างพอลิเมอร์เสริมเส้นใยและผิวเหล็กเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพของ การเสริมกำลังภายนอกด้วยวัสดุพอลิเมอร์เสริมเส้นใย งานวิจัยนี้ศึกษาพฤติกรรมการยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กและ แผ่นพอลิเมอร์เสริมเส้นใยคาร์บอน ประกอบด้วยกำลังยึดเหนี่ยว ความยาวยึดเหนี่ยวประสิทธิผล พลังงาน ต้านทานการแตกหักที่ผิวสัมผัส และรูปแบบการวิบัติ โดยทำการทดสอบรอยต่อแบบทาบเดี่ยว (เหล็กรูปตัวเอช ขนาด 150×150×7×10 มม. ยึดติดกับแผ่น CFRP ด้วยวัสดุเชื่อมประสาน) จำนวน 17 ตัวอย่าง ตัวแปรที่ศึกษา ประกอบด้วย ความยาวของระยะยึดเหนี่ยว (75, 150, 250,และ 400 มม.) ขนาดรอยร้าวที่ผิว (0, 25, และ 50 มม.) อัตราส่วนสติฟเนสของเหล็กต่อวัสดุพอลิเมอร์เสริมเส้นใย (5.33 และ 8.21) และผลของอีพอกซีบนรอยร้าว เริ่มต้น จากผลการทดสอบพบว่า ค่ามอดุลัสยืดหยุ่นของ FRP มีผลทำให้กำลังยึดเหนี่ยวลดลง 18% ระยะยึด เหนี่ยวประสิทธิผลเพิ่มขึ้น 21% และพลังงานต้านทานการแตกหักที่ผิวสัมผัสลดลง 59% รอยร้าวเริ่มต้นที่ยาวขึ้น มีผลทำให้กำลังยึดเหนี่ยวลดลง 15% ระยะยึดเหนี่ยวประสิทธิผลเพิ่มขึ้น 7% และพลังงานต้านทานการแตกหักที่ ผิวสัมผัสลดลง 9% อีกทั้งอีพอกซีบนรอยร้าวเริ่มต้นมีผลทำให้กำลังยึดเหนี่ยวลดลง 2% แต่ไม่มีผลอย่างเห็นได้ ชัดต่อระยะยึดเหนี่ยวประสิทธิผล และพลังงานต้านทานการแตกหักที่ผิวสัมผัสลดลง 22% ประเภทการวิบัติของ ชิ้นงานไม่มีข้อสังเกตอย่างเห็นได้ชัดต่อผลของรอยร้าวเริ่มต้นแต่อัตราส่วนสติฟเนสมีผลทำให้การวิบัติของบาง ชิ้นงานเปลี่ยนไปจากการวิบัติระหว่างผิวอีพอกซีและแผ่นพอลิเมอร์เสริมเส้นใยเป็นแบบวิบัติระหว่างผิวอีพอกซี และแผ่นพอลิเมอร์เสริมเส้นใยผสมวิบัติจากการหลุดล่อนของแผ่นพอลิเมอร์เสริมเส้นใย นอกจากนี้ผลของการใช้ สมการทำนายกำลังยึดเหนี่ยวสูงสุดและระยะยึดเหนี่ยวประสิทธิผลได้ทำการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบกับผลทดสอบ


พฤติกรรมการยอมรับเทคโนโลยีรถพลังงานไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร, ตฤณวรรษ ปานสอน Jan 2018

พฤติกรรมการยอมรับเทคโนโลยีรถพลังงานไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร, ตฤณวรรษ ปานสอน

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาและตรวจสอบทัศนคติของผู้ใช้รถยนต์ที่ส่งผลต่อความตั้งใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้รถยนต์ในกรุงเทพมหานคร ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้มาจากแบบสอบถาม โดยความสัมพันธ์ภายในแบบจำลองมาจากทฤษฎีการยอมรับเทคโนโลยี หรือ Technology Acceptance Model (TAM) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 401 ตัวอย่าง พบว่าแต่ละตัวแปรในแบบจำลอง ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญกับตัวแปรความตั้งใจที่จะใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของแบบจำลองพบว่า ตัวแปรสังเกตได้มีความสอดคล้องกับตัวแปรแฝงเป็นอย่างดี เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุพบว่า แบบจำลองสมมติฐานมีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ นอกจากนี้ ความตั้งใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสามารถอธิบายได้จากตัวแปรแฝงภายใน ได้แก่ ทัศนคติที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า การรับรู้ถึงความสะดวกในการใช้งาน การรับรู้ถึงประโยชน์ของรถยนต์ไฟฟ้า การยอมรับทางด้านราคา และบรรทัดฐานทางสังคม โดยความสัมพันธ์มีนัยทางสถิติที่ระดับ 0.01 และมีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ 0.527, 0.405, 0.403, 0.278 และ 0.259 ตามลำดับ ตัวแปรเชิงทัศนคติสามารถอธิบายความแปรปรวนของความตั้งใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ใช้รถยนต์ได้ร้อยละ 42 การทราบและเข้าใจถึงทัศนคติที่ส่งผลต่อความตั้งใจในการใช้งานจะช่วยให้ผู้วางแผนหรือผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าทราบว่าควรจะส่งเสริมหรือควบคุมนโยบายที่เหมาะสมในกลุ่มเป้าหมาย


แบบจำลองพื้นผิวภูมิประเทศเชิงเลขจากอากาศยานไร้คนขับเพื่อช่วยติดตามงานดินขุดและถมในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน, วรพจน์ สินสวัสดิ์ Jan 2018

แบบจำลองพื้นผิวภูมิประเทศเชิงเลขจากอากาศยานไร้คนขับเพื่อช่วยติดตามงานดินขุดและถมในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน, วรพจน์ สินสวัสดิ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

กระบวนการสำคัญของงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน คือการปรับสภาพภูมิประเทศให้เป็นไปตามที่ออกแบบไว้ ซึ่งกระบวนการปรับสภาพพื้นที่ระหว่างกระบวนการก่อสร้างเหล่านี้ โดยปกติไม่สามารถติดตามตรวจสอบได้ ทำให้เกิดการทำงานซ้ำซ้อนและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น เนื่องจากขาดระบบติดตามตรวจสอบที่เหมาะสมและสามารถสะท้อนสภาพพื้นที่จริงได้อย่างครบถ้วน ปัจจุบันอากาศยานไร้คนขับและวิธีการจัดทำแบบจำลองพื้นผิวภูมิประเทศเชิงเลขจากการประมวลผลภาพถ่ายทางอากาศได้พัฒนาขึ้นมาก สามารถสร้างแบบจำลองพื้นผิวภูมิประเทศเชิงเลขความละเอียดสูงของพื้นที่โครงการก่อสร้างได้ง่าย ใช้เวลาและค่าใช่จ่ายน้อย งานวิจัยนี้นําเสนอแนวคิดการพัฒนาระบบติดตามการทำงานซ้ำซ้อนของงานดินขุดและถมระหว่างกระบวนการก่อสร้างในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย 1) ระบบสำหรับเก็บข้อมูลภาคสนาม 2) ระบบสำหรับประมวลผลภาพถ่าย 3) ระบบสำหรับใช้วิเคราะห์ข้อมูลการทำงานซ้ำซ้อน กรณีศึกษาที่ใช้ทดสอบระบบเป็นโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง พื้นที่ก่อสร้างอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาและมีพื้นที่ก่อสร้างจำกัด ผลการทดสอบระบบในกรณีศึกษา สามารถตรวจวิเคราะห์การทำงานซ้ำซ้อนทั้งในส่วนของกิจกรรมงานขุดดินและกิจกรรมงานถมดินที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา อย่างไรก็ตามจากการทดสอบปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความถูกต้องแม่นยำเชิงปริมาณในพื้นที่ทดสอบขึ้นอยู่กับระบบสำหรับเก็บข้อมูลภาคสนาม


พฤติกรรมกระจกเทมเปอร์ติดตั้งด้วยตัวยึดต่อชนิดรูเจาะ, โสภณ ยศสาพงศ์ Jan 2018

พฤติกรรมกระจกเทมเปอร์ติดตั้งด้วยตัวยึดต่อชนิดรูเจาะ, โสภณ ยศสาพงศ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการรับน้ำหนักคงที่ของกระจกเทมเปอร์ที่ติดตั้งด้วยตัวยึดต่อกระจกแบบเจาะรูโดยใช้ลมและน้ำในการทดสอบการบรรทุกน้ำหนักพร้อมทั้งทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการทดสอบที่ได้ด้วยวิธีไฟไนต์อิลิเมนต์ (Finite Element Method ,FEM) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SAP2000 ในการสร้างแบบจำลอง โดยในการทดสอบใช้กระจกเทมเปอร์มีความหนา 12 mm ขนาด 1200x1200 mm ที่เจาะรู 18 mmและ 38 mm อย่างละ 1 ตัวอย่างและขนาด 1200x2400 mm ที่เจาะรู 38 mm 1 ตัวอย่าง เจาะรูที่กระจก 4 จุดต่อแผ่นสำหรับติดตั้งตัวยึดต่อกระจก 2 ผลิตภัณฑ์ เพื่อทำการศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการรับแรง ระยะโก่งตัว และการกระจายแรงในแผ่นกระจก โดยศึกษาเปรียบเทียบผลของผลิตภัณฑ์ตัวยึดต่อกระจกที่ต่างกัน ลักษณะการติดตั้งที่ต่างกัน ขนาดรูเจาะที่ต่างกันในตัวยึดต่อกระจกตัวเดียวกัน ขนาดกระจกที่ต่างกัน โดยรวม กระจกเทมเปอร์ ขนาด 1200x1200 mm สามารถรับแรงได้ในช่วง 16,000 Pa ถึง 19,400 Pa และมีการโก่งตัวที่ศูนย์กลางแผ่นกระจกที่ประมาณ 23 mm - 26 mm ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ และลักษณะการติดตั้งส่วน ขนาด 1200x2400 mm สามารถรับแรงได้ในช่วง 3,400 Pa ถึง 3,600 Pa และมีการโก่งตัวที่ศูนย์กลางแผ่นกระจกที่ประมาณ 93 mm - 98 mm ขึ้นอยู่กับลักษณะการติดตั้งเช่นกัน ในด้านการโก่งตัวที่กึ่งกลางกระจก มีแปรผันตามความสามารถในการรับแรงของกระจกที่เพิ่มขึ้น หรือลดลง และพบว่ากระจกมีความเค้นสูงสุดเกิดขึ้นที่บริเวณ กึ่งกลางระหว่างจุดรองรับ ในทุกกรณีทดสอบ


ผลกระทบของปัจจัยเชิงพื้นที่ต่อราคาคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, นิธิกร เชื้อเจ็ดตน Jan 2018

ผลกระทบของปัจจัยเชิงพื้นที่ต่อราคาคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, นิธิกร เชื้อเจ็ดตน

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาผลกระทบจากปัจจัยด้านลักษณะต่างๆของคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยทางด้านกายภาพ ตำแหน่งที่ตั้ง และพื้นที่ย่านของคอนโดมิเนียม ที่ส่งผลต่อมูลค่าของคอนโดมิเนียม โดยใช้แบบจำลอง Hedonic Price ในการวิเคราะห์ คือสมการถดถอยเชิงเส้นตรง สมการถดถอยลอกอริทึม และสมการถดถอยกึ่งลอกอริทึม ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาประกอบไปด้วยข้อมูลคอนโดมิเนียมใน BMR รวม 2 ข้อมูลโดยแบ่งเป็นข้อมูลคอนโดมิเนียมระดับโครงการ (หน่วยราคาต่อตารางเมตร) ประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียม 998 แห่ง และข้อมูลคอนโดมิเนียมระดับยูนิต (หน่วยราคาต่อยูนิต) ประกอบไปด้วยจำนวนแบบยูนิต 4,104 แบบ จากการสำรวจคอนโดมิเนียม 1,217 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเป็นข้อมูลคอนโดมิเนียมที่เปิดขายระหว่าง พ.ศ. 2550 ถึง พ.ศ. 2560 จากการประมาณค่าสัมประสิทธิ์ของแบบจำลอง OLS และการใช้เทคนิคการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ พบว่าราคาคอนโดมิเนียมจะมีราคาลดลงแบบยืดหยุ่น โดยลดลงร้อยละ 0.077 ถึง 0.088 สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลคอนโดมิเนียมระดับโครงการ และลดลงร้อยละ 0.116 ถึง 0.153 สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลคอนโดมิเนียมระดับยูนิต จากระยะทางที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ร้อยละ 1 จากสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งมีค่าที่มากขึ้นร้อยละ 29 ถึง 70 จากการศึกษาวงจรตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอดีต (ครบรอบ 10 ปี) นอกจากนั้นยังพบว่าย่านธุรกิจหลักของกรุงเทพมหานครที่ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมมีราคาสูงกว่าย่านอื่นคือย่านสีลม ตามด้วยย่านอโศก และย่านทองหล่อตามลำดับ


การศึกษาพฤติกรรมการรับแรงเฉือนของรอยต่อพิเศษแบบแห้งสาหรับคอนกรีตสำเร็จรูปอัดแรงที่เสริมด้วยเส้นใยเหล็ก, วรพล ภัทรกรณ์ Jan 2018

การศึกษาพฤติกรรมการรับแรงเฉือนของรอยต่อพิเศษแบบแห้งสาหรับคอนกรีตสำเร็จรูปอัดแรงที่เสริมด้วยเส้นใยเหล็ก, วรพล ภัทรกรณ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การประยุกต์ใช้ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปในงานก่อสร้างสะพานเอื้อประโยชน์หลายอย่าง ทั้งช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย สามารถควบคุมคุณภาพได้เป็นอย่างดี และการก่อสร้างทำได้อย่างรวดเร็ว ในอดีตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแต่ละชิ้นส่วนจะเชื่อมต่อกันโดยใช้อีพ็อกซีเป็นตัวเชื่อมประสานทำให้ได้รอยต่อที่แข็งแรง แต่ก็มีข้อเสียคือจะเป็นการเพิ่มขั้นตอนการก่อสร้างให้ยุ่งยากและเสียเวลามากขึ้น ต่อมาจึงมีการใช้งานรอยต่อแบบแห้งขึ้น ซึ่งสามารถลดขั้นตอนการก่อสร้างให้สะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามรอยต่อแบบแห้งก็มีข้อจำกัดในการใช้งาน นั่นคือ ผิวสัมผัสระหว่างชิ้นส่วนแต่ละชิ้นส่วนซึ่งมักทำเป็นสลักรับแรงเฉือน ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างแนบสนิทพอดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยต่อประเภทหลายสลัก ดังนั้นการถ่ายกำลังรับแรงเฉือนจึงไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มความสามารถ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกำลังรับแรงเฉือนของรอยต่อแบบแห้งประเภทหลายสลัก โดยการหล่อชิ้นงานเป็นรอยต่อพิเศษแบบแห้ง และทำการทดสอบพฤติกรรมการรับแรงเฉือนของรอยต่อพิเศษที่ทำจากวัสดุต่างกัน ดังนี้ คอนกรีตปกติ คอนกรีตกำลังสูง คอนกรีตผสมเส้นใยเหล็ก 0.5 และ 1 เปอร์เซ็นต์ ผลการทดสอบพบว่า การควบคุมแรงอัดด้านข้างให้มีค่าคงที่จะทำให้รอยต่อพิเศษแบบแห้งหลายสลักมีพฤติกรรมการรับเฉือนคล้ายกับรอยต่อสลักเดี่ยว รอยต่อพิเศษที่ทำจากคอนกรีตกำลังสูงมีค่า Normalized shear strength น้อยกว่าคอนกรีตปกติ และการผสมเส้นใยเหล็กในคอนกรีตจะช่วยเพิ่มค่า Normalized shear strength ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามกำลังรับแรงเฉือนจากการทดสอบเกือบทุกกรณีก็ยังมีค่าน้อยกว่าสูตรคำนวณของ AASHTO และ Rombach and Specker


การประยุกต์ใช้วิธีการหาค่าเหมาะสมที่สุดสำหรับการออกแบบฐานรากตื้น, อดุลพัฒน์ บุนนาค Jan 2018

การประยุกต์ใช้วิธีการหาค่าเหมาะสมที่สุดสำหรับการออกแบบฐานรากตื้น, อดุลพัฒน์ บุนนาค

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้นำเสนอแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และพารามิเตอร์ที่เหมาะสมสำหรับการประยุกต์ใช้วิธีหาค่าเหมาะสมที่สุดกับปัญหาการออกแบบฐานรากตื้น โดยแบ่งออกเป็น 2 ปัญหา ได้แก่ 1) ปัญหาการออกแบบฐานรากเดี่ยวรับแรงในแนวแกนดิ่ง แรงในแนวแกนราบ โมเมนต์ดัด และโมเมนต์บิด ตามข้อกำหนดการออกแบบฐานรากของ DAS (2016) และ มาตรฐานการออกแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ACI318-14 2) ปัญหารูปแบบการจัดวางน้ำหนักบรรทุกที่ทำให้เกิดค่าแรงวิกฤตสำหรับคานบนฐานรากยืดหยุ่นที่มีสัมประสิทธิ์ต้านทานแรงกดของชั้นดินไม่คงที่ ปัญหาฐานรากเดี่ยวมีวัตถุประสงค์เพื่อหาขนาดของฐานรากและปริมาณการเสริมเหล็กให้มีราคาวัสดุที่ต่ำที่สุดและยังสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ตามที่มาตฐานกำหนดไว้อย่างปลอดภัย และสำหรับปัญหาคานบนฐานรากยืดหยุ่นมีวัตถุประสงค์เพื่อหารูปแบบการวางตัวของน้ำหนักบรรทุก (Load Pattern) ที่ทำให้เกิดโมเมนต์ดัดและแรงเฉือนวิกฤตสูงสุดเพื่อนำไปใช้ในการออกแบบเหล็กเสริมต่อไป ในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการหาคำตอบที่ดีที่สุดได้ศึกษาจากวิธีหาค่าเหมาะสมที่สุดทั้งหมด 6 วิธี ประกอบด้วย อัลกอริทึมสำเร็จรูปในโปรแกรมแมทแลป จำนวน 2 อัลกอริทึม ได้แก่ fmincon, Pattern search และวิธีหาค่าเหมาะสมที่สุดแบบเมตาฮิวริสติก จำนวน 4 อัลกอริทึม ได้แก่ วิธีหาค่าเหมาะสมแบบกลุ่มอนุภาค วิธีหาค่าเหมาะสมที่สุดแบบหิ่งห้อย วิธีหาค่าเหมาะสมที่สุดแบบนกกาเหว่า และวิธีหาค่าเหมาะสมที่สุดด้วยระบบอาณาจักรมด จากการเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการประยุกต์ใช้วิธีการหาค่าที่ดีที่สุดร่วมกับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น พบว่าวิธีหาค่าเหมาะสมที่สุดแบบนกกาเหว่าเป็นวิธีที่สามารถหาคำตอบได้ดีที่สุดและพบว่าวิธีหาค่าเหมาะสมที่สุดแบบอาณาจักรมดเป็นวิธีที่สามารถหาคำตอบได้โดยใช้เวลาประมวลผลน้อยที่สุด


การออกแบบอย่างเหมาะสมที่สุดสำหรับแผ่นพื้นท้องเรียบคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยอัลกอริทึมหิ่งห้อยแบบแบ่งกลุ่มย่อย, อรรถวุฒิ สุขสรรควณิช Jan 2018

การออกแบบอย่างเหมาะสมที่สุดสำหรับแผ่นพื้นท้องเรียบคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยอัลกอริทึมหิ่งห้อยแบบแบ่งกลุ่มย่อย, อรรถวุฒิ สุขสรรควณิช

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

โครงสร้างแผ่นพื้นท้องเรียบเป็นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันเนื่องจากขั้นตอนก่อสร้างไม่ซับซ้อน และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น ในการออกแบบโครงสร้าง วิศวกรผู้ออกแบบนอกจากจะต้องคำนึงถึงความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้างเป็นหลักแล้ว ยังต้องคำนึกถึงความประหยัดด้วย โดยทั่วไปวิศวกรจะใช้ประสบการณ์เฉพาะบุคคลในการออกแบบให้ได้โครงสร้างที่มีความแข็งแรงและประหยัด แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าโครงสร้างนั้นประหยัดที่สุด ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงนำอัลกอริทึมหิ่งห้อยแบบแบ่งกลุ่มย่อยมาประยุกต์ใช้กับการออกแบบอย่างเหมาะสมสำหรับแผ่นพื้นท้องเรียบคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งอัลกอริทึมนี้เป็นวิธีการเมตาฮิวริสติกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพฤติกรรมการใช้แสงในการหาคู่ และหาอาหารของหิ่งห้อย ฟังก์ชันวัตถุประสงค์คือ ราคาค่าก่อสร้าง ซึ่งประกอบด้วยราคาคอนกรีต เหล็กเสริม และแบบหล่อ การวิเคราะห์โครงสร้างแผ่นพื้นท้องเรียบใช้วิธีโครงข้อแข็งเทียบเท่า และการออกแบบคอนกรีตเสริมเหล็กใช้ตามมาตรฐาน ACI 318M-14 การพัฒนาโปรแกรมสำหรับการออกแบบอย่างเหมาะสมใช้ภาษาจาวา ตัวแปรหลักที่พิจารณา ได้แก่ ความหนาพื้น มิติเสา ขนาดและจำนวนของเหล็กเสริมในแต่ละทิศทาง ทั้งในแถบเสาและแถบกลางของแผ่นพื้น การหาคำตอบอย่างเหมาะสมด้วยอัลกอริทึมหิ่งห้อย มีข้อดีคือ สามารถหาคำตอบที่เหมาะสมเฉพาะที่หลาย ๆ ค่าได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้สามารถตรวจหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดได้ง่าย


Nonlinear Finite Element Analysis Of Steel Pipe With Stiffener Plate, Rut Su Jan 2018

Nonlinear Finite Element Analysis Of Steel Pipe With Stiffener Plate, Rut Su

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This thesis presents the numerical studies of steel hollow section columns connected to corbels under industry crane loads, and the stiffening design using steel plates to enhance the maximum loading capacity against premature local buckling failures. The influences of inelastic material properties and geometry nonlinearity on the overall load carrying capacity of the columns were considered. Square hollow section columns were modelled in 3D using standard eight-node solid finite elements using an ANSYS software. The plate stiffener design algorithm involving variation of plate thicknesses was coded in MATLAB with a direct application programming interface to ANSYS. The full history of …


Mechanical Performances Of Concrete Beams With Hybrid Usage Of Steel And Frp Reinforcement, Linh Van Hong Bui Jan 2018

Mechanical Performances Of Concrete Beams With Hybrid Usage Of Steel And Frp Reinforcement, Linh Van Hong Bui

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Fiber-reinforced polymer (FRP) bars have been recently employed to reinforce concrete members due to their high tensile strength and especially in corrosive environments to improve the durability of concrete structures. However, FRP composites have a low modulus of elasticity and a linear elastic behavior up to rupture, thus reinforced concrete (RC) components with such materials would express a lack of ductility. In order to increase the mechanical performances of RC beams, the hybrid usage (also called combined usage) of FRP and steel reinforcements in shear and flexure is proposed. At first, an experimental investigation of concrete beams strengthened in shear …


Poroelastodynamic Solutions Of Transversely Isotropic Multi-Layered Media, Suraparb Keawsawasvong Jan 2018

Poroelastodynamic Solutions Of Transversely Isotropic Multi-Layered Media, Suraparb Keawsawasvong

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This dissertation presents poroelastodynamic fundamental solutions of transversely isotropic poroelastic materials. Analytical general solutions for transversely isotropic poroelastic media under time-harmonic loading are derived for plane strain and axisymmetric problems by applying Fourier and Hankel integral transforms respectively. The fundamental solutions for a homogeneous half-space are then explicitly obtained by solving relevant boundary value-problems based on the derived general solutions. An exact stiffness matrix method is also employed based on the present general solutions to determine the fundamental solutions corresponding to multi-layered transversely isotropic poroelastic media. The obtained fundamental solutions are then employed in the analysis of dynamic interaction problems …


Analysis And Optimum Design Of Cold-Formed Steel Arch Structures, Thu Huynh Van Jan 2018

Analysis And Optimum Design Of Cold-Formed Steel Arch Structures, Thu Huynh Van

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This research presents the development of a unified framework for cold-formed steel warehouse design at variations of clear roof spans. The work involves the advanced finite element analyses of nonlinear arch-shape warehouse structures, namely one that considers 2nd-order nonlinear geometry effects-sufficiently accurate approximation of large deformation responses. An optimum design procedure of 3D arch steel warehouse structures is conducted with the help of a novel algorithm, called mixed ESO-PSO approach. The generic idea is based on the implementation of a well-known evolutionary structural optimization algorithm (ESO), and further integrates a mapping, underpinning particle swarm optimization (PSO), technique of design variables …


Analysis Of Cracked Body Repaired By Adhesively Bonded Patches By Bem-Fem Coupling, Binh Viet Pham Jan 2018

Analysis Of Cracked Body Repaired By Adhesively Bonded Patches By Bem-Fem Coupling, Binh Viet Pham

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This thesis presents an efficient numerical technique capable of handling the stress analysis of three-dimensional cracked bodies strengthened or repaired by adhesively bonded patches. The proposed technique is implemented within the framework of the coupling of the weakly singular boundary integral equation method and the standard finite element procedure. The former is applied to efficiently treat the elastic body containing cracks whereas the latter is adopted to handle both the adhesive layers and the patches. The approximation of the near-front relative crack-face displacement is enhanced by using local interpolation functions that can capture the right asymptotic behaviour. This also offers …


The Relationship Of Influential Factors On Material Management Effectiveness In Building Construction Projects: Case Study In Vietnam, Bao Van Pham Jan 2018

The Relationship Of Influential Factors On Material Management Effectiveness In Building Construction Projects: Case Study In Vietnam, Bao Van Pham

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The improvement of management processes in construction could be seen as one of the important keys to project success in which material management should be appropriately taken into consideration. Although many previous research studies have examined the components of construction material management, the relationship of factors influencing material management effectiveness has not been explored. This study was carried out to identify influential factors on material management effectiveness and develop a model to explain the relationships between these factors and the effectiveness of material management based on practical projects. The research method included the collection of contractors' opinions in building projects …


Compression Behavior Of Fire-Damaged Concrete-Filled Steel Tubular Columns Confined With Fiber-Reinforced Polymer Sheets, Dat Thanh Vu Jan 2018

Compression Behavior Of Fire-Damaged Concrete-Filled Steel Tubular Columns Confined With Fiber-Reinforced Polymer Sheets, Dat Thanh Vu

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This research investigates the axial compression behavior of fire-damaged circular concrete-filled steel tube (CFST) stub columns externally confined with fiber-reinforced polymer (FRP) sheets. A total of 38 CFST specimens were tested under axial compression to investigate the load capacity, ductility, stiffness and failure mode of fire-damaged CFST columns before and after strengthening with FRP sheets. The test variables include the level of fire damage (no damage and 2-hour ISO standard fire), compressive strength of infill concrete (24MPa and 55MPa), type of FRP sheets (carbon and glass), and the number of FRP layers (0, 1, and 2 layers). The test results …


Development Of Causal Relationship Model Of Knowledge Sharing In Construction Projects, Lambada Roeun Jan 2018

Development Of Causal Relationship Model Of Knowledge Sharing In Construction Projects, Lambada Roeun

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Knowledge sharing among construction project members is very crucial for improving project success and project performance. It can also reduce mistakes in the construction process. Project management has been growing more complicated, and project members need to learn best practice from others. Currently, knowledge sharing is not well performed yet; especially, few research studies have been focused on the relationship evaluation of supporting factors that affect knowledge sharing from different contexts in construction projects. Therefore, this study aims to develop the causal relationship model of supporting factors from psychological, individual, organizational, and technological factors that affect mediators - knowledge sharing …


Improved Response Spectrum Analysis Procedure For Design Of Reinforced Concrete Tall Buildings, Kimleng Khy Jan 2018

Improved Response Spectrum Analysis Procedure For Design Of Reinforced Concrete Tall Buildings, Kimleng Khy

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Response spectrum analysis (RSA) procedure commonly used in design practice has been found to underestimate design forces in tall buildings. Failure and damage of reinforced concrete (RC) shear walls in mid-rise and high-rise buildings have been observed in recent earthquakes. In this dissertation, a modified RSA (MRSA) procedure to compute shear forces and strains in RC walls and columns to identify locations requiring ductile detailing was proposed. Six tall RC shear-wall buildings of 15 to 39 stories and four RC moment-frame buildings of 3 to 15 stories subjected to earthquake ground motions expected in Bangkok and Chiang Mai were first …


The Influences Of Granite Particle As A Mixing Material Of High-Strength Concrete, May Thazin Khine Jan 2018

The Influences Of Granite Particle As A Mixing Material Of High-Strength Concrete, May Thazin Khine

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The aim of this study is to investigate the effect of granite particle on the properties of high strength concrete by the partial substitution as fine aggregate. By grouping two categories as concrete with and without admixture is also performed in this experiment. The granite particle substitution percentage for concrete with admixture is set with 0%, 20%, 30%, 40% and 50% by weight of fine aggregate and 0%, 10%, 15% and 20% by weight of fine aggregate for concrete without admixture. The testing of concrete strength is conducted with compressive, split tensile, flexural, water permeability, and microstructure. The result shows …


Geophysical Site Investigation And Ground Response Analysis Of Bangkok Subsoil Due To Earthquake, Muhammad Fatih Qodri Jan 2018

Geophysical Site Investigation And Ground Response Analysis Of Bangkok Subsoil Due To Earthquake, Muhammad Fatih Qodri

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The potential damages on building and infrastructure could be affected by long-distance earthquakes since the vibrations can appear ground motion amplification during the wave propagation. Bangkok urban area is located a hundred kilometers away from the potential area of the earthquake epicenter. However, some people in Bangkok could feel the shaking during the earthquake. It indicates that the long-period shaking could happen during the earthquake. In line with this phenomenon, this study aims to interpret the amplification effect and spectral acceleration in the local site of Bangkok due to remoted earthquakes. The microtremor measurement was conducted at four locations in …


Strengthening Of Shear Critical Reinforced Concrete Columns By Steel-Rod Collars, Phawe Suit Theint Jan 2018

Strengthening Of Shear Critical Reinforced Concrete Columns By Steel-Rod Collars, Phawe Suit Theint

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The inadequate shear strength of the existing old reinforced concrete columns located in the seismically active areas can lead the catastrophic shear failure. In this study, strengthening of shear-critical reinforced concrete columns by the steel-rod collar method is investigated. This proposed method is less intrusive to the existing building components. The steel-rod collar comprises the four sets of welded steel angles connected by steel-rods threaded at the ends. The three specimens were divided into one unstrengthened column, and the two strengthened columns. All the specimens were tested under the constant axial load and the reversed cyclic loadings. In addition, the …


Habal-Habal: Characteristics Of Motorcycle Taxi Users In Metropolitan Manila, Sebastian Mapili Cano Jan 2018

Habal-Habal: Characteristics Of Motorcycle Taxi Users In Metropolitan Manila, Sebastian Mapili Cano

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Motorcycle taxi services in the Philippines (locally referred to as habal-habal) has been deemed to be operating only in rural areas wherein public transportation is inadequate or is utterly absent. It is also perceived as illegal and unsafe for urban operations, especially in a conurbation like Metro Manila wherein more than 30% of recorded fatal road accidents come from motorcycles. However, the worsening traffic congestion in the metropolis has spurred its growing urban presence and has led the attention of commuters to alternative modes of transport that are fast, reliable, and affordable. Inadequate understanding of habal-habal's role in the urban …


A Study Of Applying Para Rubber Sheets In Railway Track By Using Ballast Box Test, Somkith Dethvongsone Jan 2018

A Study Of Applying Para Rubber Sheets In Railway Track By Using Ballast Box Test, Somkith Dethvongsone

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Recently, attempts to reduce ballast degradation have been a major topic for many railways and researchers. Nowadays, a successfully proven alternative is applied elastic under-sleeper pads in between sleeper and ballast particles, and also as the ballast mat placed under the ballast layer. The using of synthetic material as the elastic element is able to decrease the deterioration of ballast and vibrations. Para rubber is a natural elastic material and it is abundant in South East Asia countries. Therefore, this study is aimed to investigate using para rubber as an alternative element of reducing ballast breakage in ballasted track. Experiments …


การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเชื่อฟังของผู้ขับขี่ที่มีต่อป้ายขีดจำกัดความเร็วแบบปรับเปลี่ยน, กนกวรรณ ศรีเสาวกาญจน์ Jan 2018

การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเชื่อฟังของผู้ขับขี่ที่มีต่อป้ายขีดจำกัดความเร็วแบบปรับเปลี่ยน, กนกวรรณ ศรีเสาวกาญจน์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการตัดสินใจของผู้ขับขี่ยานพาหนะเมื่อเห็นป้ายขีดจำกัดความเร็วแบบปรับเปลี่ยนและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆและการเชื่อฟังของผู้ขับขี่ที่มีต่อป้ายขีดจำกัดความเร็วแบบปรับเปลี่ยน โดยศึกษาจากกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์ภายในกรุงเทพมหานครจากแบบสอบถามออนไลน์ ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ คุณลักษณะเศรษฐกิจสังคม คุณลักษณะพฤติกรรมการใช้ความเร็วและคุณลักษณะสถานการณ์การขับขี่ ในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีสถิติพรรณนาและแบบจำลองสมการถดถอยโลจิสติก ผลการวิจัยจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 907 ตัวอย่างพบดังนี้ 1) การตัดสินใจใช้ความเร็วเมื่อพบป้ายขีดจำกัดความเร็วแบบปรับเปลี่ยนส่วนใหญ่ตัดสินใจชะลอความเร็วแต่จะใช้ความเร็วไม่ถึงป้าย 2) การเปลี่ยนช่องจราจรส่วนใหญ่ไม่คิดเปลี่ยนช่องจราจร 3) ความเร็วเฉลี่ยหลังผ่านป้ายขีดจำกัดความเร็วแบบปรับเปลี่ยนที่ตั้งใจใช้อยู่ที่ 93.44 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 4) การเชื่อฟังป้ายขีดจำกัดความเร็วแบบปรับเปลี่ยนส่วนใหญ่ตัดสินใจไม่เชื่อฟัง 5) การวิเคราะห์แบบจำลองความถดถอยโลจิสติกพบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเชื่อฟังป้ายขีดจำกัดความเร็วแบบปรับเปลี่ยน ได้แก่ เพศ อายุ การตัดสินใจของยานพาหนะคันหน้า ความเร็วเฉลี่ยที่ใช้ประจำบนทางพิเศษ การได้รับใบสั่งจากการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดและการประสบอุบัติเหตุในช่วง 3ปี โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเพิ่มการเชื่อป้ายหลักคือ เพศ การได้รับใบสั่งจากการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดแลละการตัดสินใจชะลอความเร็วของยานพาหนะคันหน้าเมื่อเห็นป้ายขีดจำกัดความเร็ว


การวิเคราะห์เส้นโค้งปฏิสัมพันธ์กำลังของเสาเหล็กเซลลูลาร์, จักรภัทร พันธรักษ์พงษ์ Jan 2018

การวิเคราะห์เส้นโค้งปฏิสัมพันธ์กำลังของเสาเหล็กเซลลูลาร์, จักรภัทร พันธรักษ์พงษ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วิทยานิพนธ์นี้นำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับการวิเคราะห์กำลังรับแรงอัดกระทำเยื้องศูนย์ของเสาเหล็กเซลลูลาร์ด้วยแบบจำลองไฟไนต์เอลิเมนต์ 3 มิติโดยใช้โปรแกรม ABAQUS โดยในแบบจำลองได้คำนึงถึงความไม่สมบูรณ์เชิงเรขาคณิตและหน่วยแรงคงค้าง และตรวจสอบความถูกต้องของแบบจำลองเสาเซลลูลาร์ด้วยสมการทำนายการโก่งเดาะแบบอิลาสติกสำหรับเสาเซลลูลาร์ ในการวิเคราะห์เสาเซลลูลาร์และเสาหน้าตัดตั้งต้นรับแรงอัดภายใต้แรงกระทำเยื้องศูนย์ สามารถสร้างเส้นโค้งปฏิสัมพันธ์กำลังรับแรงอัดตามแนวแกนและแรงดัดร่วมกัน จากการเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์แรงอัดกระทำเยื้องศูนย์ด้วยวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ของแบบจำลองเสาหน้าตัดตั้งต้นกับการวิเคราะห์กำลังด้วยสมการเส้นโค้งปฏิสัมพันธ์อ้างอิงตามข้อกำหนด AISC-2016 พบว่า ผลการวิเคราะห์จากแบบจำลองให้เส้นโค้งปฏิสัมพันธ์กำลังต้านทานแรงอัดร่วมกับแรงดัดที่ใหญ่กว่าสมการตามข้อกำหนด และเมื่อเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์แรงอัดกระทำเยื้องศูนย์ระหว่างหน้าตัดเซลลูลาร์และหน้าตัดตั้งต้น พบว่าเสาเหล็กเซลลูลาร์มีกำลังต้านทานแรงอัดร่วมกับแรงดัดต่ำกว่าเสาหน้าตัดตั้งต้นเมื่ออัตราส่วนความชะลูดมีค่าต่ำกว่า 1.0 แต่มีกำลังต้านทานแรงอัดร่วมกับแรงดัดสูงกว่าเสาหน้าตัดตั้งต้นเมื่ออัตราส่วนความชะลูดมีค่ามากกว่าเท่ากับ 1.0 นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ได้เสนอแนวทางการสร้างเส้นปฏิสัมพันธ์กำลังสำหรับเสาเหล็กเซลลูลาร์ซึ่งเมื่อตรวจสอบกับผลการวิเคราะห์จากแบบจำลองไฟไนต์เอลิเมนต์ พบว่า ผลจากแบบจำลองไฟไนต์เอลิเมนต์ให้กำลังต้านทานแรงอัดร่วมกับแรงดัดของเสาเซลลูลาร์ต่ำกว่าแนวทางการวิเคราะห์ที่เสนอเมื่ออัตราส่วนความชะลูดมีค่าต่ำกว่า 0.5 แต่เมื่ออัตราส่วนความชะลูดมีค่าเท่ากับ 1.0 ให้กำลังที่ใกล้เคียงแนวทางการวิเคราะห์ในบางกรณีของอัตราส่วนขนาดช่องเปิดและให้กำลังที่มากขึ้นสำหรับอัตราส่วนความชะลูดเท่ากับ 1.5 และ 2.0 ตามลำดับ


การศึกษาคุณสมบัติของโครงสร้างผนังประกอบที่เป็นฉนวนโฟมพอลิสไตรีนแบบขยายตัว, ธนิสร์ ชาญสุทธิกนก Jan 2018

การศึกษาคุณสมบัติของโครงสร้างผนังประกอบที่เป็นฉนวนโฟมพอลิสไตรีนแบบขยายตัว, ธนิสร์ ชาญสุทธิกนก

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาคุณสมบัติด้านกำลังของแผ่นประกอบที่เป็นฉนวนโฟมโพลิสไตรีน (Expanded Polystyrene Foam Composite Structural Insulated Panels) ใช้โฟมโพลิสไตรีน (Expanded Polystyrene Foam : EPS foam) เป็นวัสดุแกนกลางประกบด้วนแผ่นซีเมนต์ (Cement Board) ทั้ง 2 ด้านแล้วนำมาทดสอบเพื่อพัฒนาคุณสมบัติด้านกำลังโดยการนำเหล็กรีดเย็นรูปตัว C (Ribbed C-Channel) เสริมที่ขอบของแผ่นประกอบที่เป็นฉนวนโฟมโพลิสไตรีนทั้ง 4 ด้าน หลังจากนั้นนำผนังประกอบที่เป็นฉนวนโฟมโพลิสไตรีนแบบมีเหล็กไปทดสอบคุณสมบัติด้านกำลัง และคุณสมบัติอื่นๆ รวมถึงการนำคุณสมบัติที่ได้ไปเปรียบเทียบกับผนังอื่นๆที่มีในท้องตลาด การทดสอบของแผ่นประกอบที่เป็นฉนวนโฟมโพลิสไตรีนประกอบด้วย กำลังรับแรงเฉือน กำลังรับแรงอัด คุณสมบัติการทนไฟ คุณสมบัติการนำความร้อน และคุณสมบัติการส่งผ่านของเสียง โดยผลของการทดสอบด้านกำลังสามารถพัฒนาคุณสมบัติด้านกำลังของแผ่นประกอบที่เป็นฉนวนโฟมโพลิสไตรีนแบบมีเหล็กได้ และจากการเปรียบเทียบคุณสมบัติของแผ่นประกอบที่เป็นฉนวนโฟมโพลิสไตรีนทำให้ทราบว่าแผ่นประกอบที่เป็นฉนวนโฟมโพลิสไตรีนมีคุณสมบัติการนำความร้อนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับผนังอื่นๆที่มีในท้องตลาด ซึ่งสามารถนำแผ่นประกอบที่เป็นฉนวนโฟมโพลิสไตรีนแบบมีเหล็กมาเป็นผนังทางเลือกที่มีความต้องการความเป็นฉนวนสูงได้


การประยุกต์ใช้ภาพถ่ายทางอากาศและกลุ่มจุดสามมิติในการวางแผนวิธีก่อสร้าง:กรณีศึกษา โครงการก่อสร้างทางยกระดับ, ธีรพล จิรธรรมคุณ Jan 2018

การประยุกต์ใช้ภาพถ่ายทางอากาศและกลุ่มจุดสามมิติในการวางแผนวิธีก่อสร้าง:กรณีศึกษา โครงการก่อสร้างทางยกระดับ, ธีรพล จิรธรรมคุณ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ผู้วางแผนวิธีทำงานต้องอาศัยข้อมูลสภาพพื้นที่ปัจจุบันเพื่อออกแบบวิธีการทำงานที่สะท้อนกับสภาพความเป็นจริงเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้และมีความปลอดภัย อย่างไรก็ตามในโครงการประเภทโครงสร้างพื้นฐานถนนและทางยกระดับซึ่งมีลักษณะพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่และมีระยะทางมาก การวางแผนวิธีทำงานจากข้อมูลที่ไม่เป็นปัจจุบันหรือรายละเอียดไม่ชัดเจนอาจส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนและไม่สามารถปฏิบัติงานตามแผนงาน งานวิจัยนี้จึงเสนอกรอบแนวคิดการประยุกต์ใช้ต้นแบบเสมือนช่วยวางแผนวิธีทำงานก่อสร้าง โดยอ้างอิงข้อมูลสภาพพื้นที่จากแบบจำลองกลุ่มจุดสามมิติ ที่ได้มาจากการประมวลผลภาพถ่ายจากอากาศยานไร้คนบังคับ ซึ่งช่วยทำให้สามารถสร้างแบบจำลองพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และต่อมาจึงพิสูจน์กรอบแนวคิดการประยุกต์ใช้แบบจำลองสภาพพื้นที่ในการวางแผนวิธีทำงานก่อสร้างด้วยการสร้างต้นแบบเสมือนแสดงวิธีทำงาน 3 กิจกรรมก่อสร้างในโครงการกรณีศึกษา ซึ่งผลลัพธ์ของการประยุกต์กรอบแนวคิดดังกล่าวคือ ต้นแบบเสมือนวิธีจัดการพื้นที่กองเก็บวัสดุ ต้นแบบเสมือนการทำงานของเครื่องจักร และต้นแบบเสมือนขั้นตอนการขนส่งวัสดุเข้าพื้นที่ก่อสร้าง จากกรอบแนวคิดดังกล่าว งานวิจัยนี้ยังได้พัฒนาระบบช่วยวางแผนวิธีทำงานก่อสร้างของโครงเหล็กเลื่อน LG-VPS (Launching Gantry - Virtual Prototyping System) ในกิจกรรมการเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งถัดไปซึ่งใช้สมมติฐานวิธีทำงานและพารามิเตอร์ควบคุมเครื่องจักรบนพื้นฐานจากโครงการกรณีศึกษาในการพัฒนาระบบสร้างต้นแบบเสมือนให้สามารถแสดงวิธีทำงานได้อย่างอัตโนมัติ


สมบัติเชิงกลของมอร์ตาร์เสริมท่อนาโนคาร์บอนและเส้นใยพอลิโพรไพลีนภายหลังอุณหภูมิสูง, นราธิป บุญชู Jan 2018

สมบัติเชิงกลของมอร์ตาร์เสริมท่อนาโนคาร์บอนและเส้นใยพอลิโพรไพลีนภายหลังอุณหภูมิสูง, นราธิป บุญชู

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของการใช้ท่อนาโนคาร์บอนและเส้นใยพอลิ โพรไพลีน (PP) ต่อการต้านทานสภาวะเพลิงไหม้ของปอร์ตแลนด์ซีเมนต์มอร์ตาร์โดยตัวอย่างจะถูก น าไปเผาที่อุณหภูมิ400 ถึง 1,000 องศาเซลเซียส และประเมินความต้านทานต่อสภาวะเพลิงไหม้ โดยท าทดสอบหาค่าก าลังคงค้างและตรวจสอบการหลุดล่อนของตัวอย่าง ในการศึกษานี้จะใช้ท่อ นาโนคาร์บอนแบบผนังหลายชั้นผสมในปริมาณ 0%, 0.1%, 0.25% และ 0.50% โดยน้ าหนักของ ซีเมนต์ในขณะที่การผสมเส้นใย PP ในปริมาณร้อยละ 0.2 (โดยปริมาตร) มีวัตถุประสงค์เพื่อลด การหลุดล่อนของมอร์ตาร์ส าหรับส่วนผสมที่ไม่มีเส้นใย PP ผลการทดสอบบ่งชี้ว่าการผสมท่อนาโน คาร์บอน 0.1% สามารถเพิ่มก าลังอัดได้ร้อยละ 8 นอกจากนั้นยังพบว่ามอร์ตาร์ที่ผสมท่อนาโน คาร์บอนร้อยละ 0.1 มีก าลังดัดมากที่สุดซึ่งมีค่าเท่ากับ 12.22 MPa หลังจากการสัมผัสความร้อนที่ อุณหภูมิสูงพบว่าก าลังรับแรงของตัวอย่างมีค่าลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวอย่างสัมผัสกับความ ร้อนที่อุณหภูมิ1,000 องศาเซลเซียส จะพบว่าก าลังอัดของมอร์ตาร์มีค่าคงค้างอยู่ในช่วงร้อยละ 6.63 ถึง 12.60 อย่างไรก็ตามการผสมเส้นใย PP สามารถช่วยลดการหลุดล่อนของมอร์ตาร์ได้