Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®
Articles 1 - 8 of 8
Full-Text Articles in Arts and Humanities
การแปลบทร้อยกรองอิสระจากหนังสือเรื่อง Ceremony ของ Leslie Marmon Silko, นิดา สุสัณฐิตพงษ์
การแปลบทร้อยกรองอิสระจากหนังสือเรื่อง Ceremony ของ Leslie Marmon Silko, นิดา สุสัณฐิตพงษ์
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สารนิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาการแปลบทร้อยกรองจากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย ซึ่งผู้วิจัยได้หยิบยกบทร้อยกรองอิสระจากหนังสือเรื่อง Ceremony ของ Leslie Marmon Silko มาเป็นกรณีศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทฤษฎีการแปลและแนวทางการแปลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวทางการวิเคราะห์ตัวบทประเภทบทร้อยกรองอิสระซึ่งมีลักษณะเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ ควบคู่ไปกับการศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภาษาถิ่นและความเชื่อของชนพื้นเมืองอเมริกันอินเดียน เพื่อให้สามารถแปลส่วนหนึ่งของตัวบทที่คัดสรรจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยได้อย่างเหมาะสม สำหรับแนวทางการวิเคราะห์ตัวบท ผู้วิจัยได้เลือกใช้แนวทางการวิจารณ์วรรณกรรมอเมริกันร่วมสมัยผ่านมุมมองวรรณกรรมเชิงนิเวศ ของดารินทร์ ประดิษฐทัศนีย์ เพื่อวิเคราะห์ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์และธรรมชาติที่ได้ถ่ายทอดผ่านเนื้อหาและกลวิธีการประพันธ์ นอกเหนือจากนั้น ผู้วิจัยยังได้ใช้ประยุกต์ใช้แนวทางการวิเคราะห์องค์ประกอบแปดประการของกวีนิพนธ์ ของจอห์น แมกเร เพื่อวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะและรูปแบบการประพันธ์ของบทร้อยกรองแต่ละบท ในส่วนของแนวทางการถ่ายทอดบทร้อยกรองอิสระจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ผู้วิจัยได้เลือกใช้กลวิธีการแปลแบบตีความตามแนวทางการแปลกวีนิพนธ์ของอังเดร เลอเฟอแวร์ ควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้รูปแบบและลักษณะเฉพาะของวรรณกรรมมุขปาฐะที่พบในวัฒนธรรมไทย โดยมีจุดประสงค์ที่จะถ่ายทอดบทร้อยกรองอิสระซึ่งสามารถรักษาความหมายได้อย่างครบถ้วนและสามารถสร้างผลกระทบทางอารมณ์แก่ผู้อ่านได้อย่างทัดเทียมและสอดคล้องกับหน้าที่ของตัวบทต้นฉบับ
การถ่ายทอดภาพพจน์ประเภทบุคคลวัตและอุปลักษณ์ในการแปลกวีนิพนธ์ เรื่อง Il Penseroso ของ John Milton, ปิยธิดา คำพิพจน์
การถ่ายทอดภาพพจน์ประเภทบุคคลวัตและอุปลักษณ์ในการแปลกวีนิพนธ์ เรื่อง Il Penseroso ของ John Milton, ปิยธิดา คำพิพจน์
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สารนิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาการแปลบุคคลวัตและอุปลักษณ์ ในบทกวีนิพนธ์ เรื่อง Il Penseroso จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ผู้วิจัยได้นำทฤษฎีการกระทำการแปลของคริสติอันเน นอร์ด ทฤษฎีสโคโพสของคาทารินา ไรส์และฮานส์ แฟร์เมีย หลักการแปลกวีนิพนธ์ของอองเดร เลอเฟอแวร์ หลักการแปลกวีนิพนธ์และหลักการแปลอุปมาโวหารของสัญฉวี สายบัว หลักการแปลกวีนิพนธ์ของปราณี บานชื่น และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้เป็นแนวทางการแปลเพื่อรักษาสุนทรียภาพและความหมายเดิมในตัวบทต้นฉบับ และถ่ายทอดการใช้ภาพพจน์ที่สะท้อนความเชื่อและความสามารถทางกวีนิพนธ์ของกวี ผลการวิจัยพบว่า การแปลบุคคลวัตและอุปลักษณ์ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของสารนิพนธ์จำเป็นต้องใช้แนวทางการแปลมากกว่าหนึ่งแนวทางเพื่อให้การแปลสัมฤทธิ์ผล โดยในการแปลบุคคลวัตด้านธรรมชาติสามารถใช้การแปลแบบตรงตัวได้ แต่ในการแปลบุคคลวัตด้านวรรณคดีจำเป็นต้องใช้การแปลแบบกึ่งตรงตัวควบคู่ไปกับการแปลเทียบเคียงและการขยายความเพื่อความเข้าใจของผู้อ่าน โดยแนวทางการแปลที่กล่าวถึงนี้สามารถรักษาสุนทรียภาพและความหมายเดิมในตัวบทต้นฉบับไว้ได้ และช่วยแก้ไขปัญหาการแปลจนนำไปสู่การถ่ายทอดการใช้ภาพพจน์ตามต้นฉบับได้อย่างใกล้เคียง
โครงการวิจัยแนวทางการแปลถ้อยคำที่สะท้อนอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ในตัวบทโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบนเว็บไซต์จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย, อรสุรางค์ แสงสมสุรศักดิ์
โครงการวิจัยแนวทางการแปลถ้อยคำที่สะท้อนอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ในตัวบทโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบนเว็บไซต์จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย, อรสุรางค์ แสงสมสุรศักดิ์
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สารนิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ในตัวบทโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง รวมถึงศึกษากลวิธีการถ่ายทอดอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์จากต้นฉบับไปยังฉบับแปล การวิจัยนี้รวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางสำหรับตกแต่งทั้งหมด 240 ผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ตราสินค้าที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผู้วิจัยศึกษาแนวคิดอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ตามแนวภาษาศาสตร์ปริชานของ Lakoff และ Johnson (2003) แนวทางการระบุรูปภาษาแสดงอุปลักษณ์จากกลุ่มนักวิชาการ Pragglejaz Group (2007) และการจัดประเภทกลุ่มคำศัพท์ตามวงความหมายจากงานวิจัยเกี่ยวกับอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ในตัวบทประเภทต่าง ๆ รวมถึงการศึกษาลักษณะภาษาโฆษณาและประเภทอุปลักษณ์ที่พบในโฆษณาเครื่องสำอางในภาษาอังกฤษและภาษาไทย และจากการศึกษาแนวทางการแปลอุปลักษณ์ตามแนวคิดแบบดั้งเดิมและตามแนวภาษาศาสตร์ปริชาน ผู้วิจัยได้เลือกใช้กรอบการวิเคราะห์กลวิธีการแปลที่ผสมผสานกันของ Deignan et al. (1997) Schäffner (2004) และ Toury (1995) ผลการวิจัยพบว่า ในตัวบทโฆษณาเครื่องสำอางภาษาอังกฤษที่คัดเลือกมามีอุปลักษณ์ทั้งหมด 29 ประเภท มีจำนวนรูปภาษาที่แสดงอุปลักษณ์ทั้งหมด 1,391 ตัวอย่าง ผู้วิจัยเลือกอุปลักษณ์ที่พบสูงสุดใน 10 อันดับแรก ได้แก่ อุปลักษณ์สงคราม แสง มนุษย์ สุขภาพ พืชและการเพาะปลูก สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักร ศิลปะ อาหารและโภชนาการ และภาชนะ ซึ่งจำนวนรูปภาษาที่แสดงอุปลักษณ์ทั้งหมด 1,166 ตัวอย่าง นำมาวิเคราะห์อุปลักษณ์ที่พบในฉบับแปลและกลวิธีการแปล พบว่าภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีอุปลักษณ์ทั้งหมดนี้เหมือนกัน ผลการวิเคราะห์กลวิธีการแปลเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ กล่าวคือ พบว่ากลวิธีการแปลที่พบมากที่สุดคือ 1) การแปลโดยรักษามโนทัศน์เดิม แต่รูปภาษาแสดงอุปลักษณ์ต่างจากต้นฉบับ ร้อยละ 51.41 ตามด้วย 2) การแปลโดยรักษามโนทัศน์เดิม และรูปภาษาแสดงอุปลักษณ์ตรงตามต้นฉบับ ร้อยละ 26.90 3) การแปลโดยไม่รักษามโนทัศน์ (ไม่มีรูปภาษาแสดงอุปลักษณ์) ร้อยละ 12.93 4) การแปลโดยใช้มโนทัศน์ที่แตกต่างกัน ร้อยละ 4.62 และ 5) การละไม่แปล ร้อยละ 4.11 นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการเพิ่มมโนทัศน์ที่ไม่ปรากฏในต้นฉบับเข้ามาในฉบับแปลด้วย โดยสรุป การถ่ายทอดอุปลักษณ์เชิง มโนทัศน์ในตัวบทโฆษณาเครื่องสำอางจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทแทบไม่พบปัญหาในการแปลที่มาจากปัจจัยทางวัฒนธรรมซึ่งอาจเป็นเพราะวัฒนธรรมปลายทางรับค่านิยมและวัฒนธรรมจากต่างชาติโดยเฉพาะเรื่องความงามมาอย่างยาวนาน จึงสามารถรักษามโนทัศน์เดิมในต้นฉบับได้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนกลวิธีการแปลอื่น ๆ แสดงให้เห็นการปรับบทแปลในตัวบทโฆษณาเครื่องสำอาง
การแปลมนต์คาถาในนิยายภาพเรื่อง Zatanna ของ Paul Dini, ธัญจิรา จันทร์ประสิทธิ์
การแปลมนต์คาถาในนิยายภาพเรื่อง Zatanna ของ Paul Dini, ธัญจิรา จันทร์ประสิทธิ์
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สารนิพนธ์เรื่องนี้มุ่งหาแนวทางการแปลมนต์คาถาซึ่งเป็นศิลปะการเล่นทางภาษาแบบร่ายกลับหลังและพาลินโดรมในนิยายภาพเรื่อง ซาแทนน่า (Zatanna) ของ พอล ดินี (Paul Dini) ผู้วิจัยได้เสนอแนวทางการแปลไว้ 3 แนวทาง ได้แก่ 1. การประยุกต์ใช้แนวคิดเรื่องขนบการแปลของ กิเดียน ทูรี (Gideon Toury) ร่วมกับทฤษฎีวัจนกรรมของ เจ. แอล. ออสติน (J. L. Austin) และกระบวนการภารตานุวาทของ อัสนี พูลรักษ์ เพื่อเป็นแนวทางที่จะทำให้ผู้อ่านบทแปลภาษาไทยยอมรับได้ตามขนบภาษาเวทมนตร์ของไทย 2. การประยุกต์ใช้ทฤษฎีประเด็นสัมพันธ์ของ เออร์เนสต์ ออกัส กัตต์ (Ernest – August Gutt) ร่วมกับกลวิธีการแปลการเล่นคำของ เดิร์ก เดอลาบาสติตา (Dirk Delabastita) เพื่อทดแทนการเล่นทางภาษาของต้นฉบับและสร้างผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุดทั้งในแง่ของความหมายและการเล่นทางภาษา ซึ่งศิลปะการเล่นทางภาษาของไทยที่ผู้วิจัยเลือกใช้ คือ การเล่นคำผวนและฉันทลักษณ์ของกลบท และ 3. การปรับใช้กลวิธีการแปลการ์ตูนของ มิฮาล โบโดโร (Michal Borodo) เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาและวัจนลีลาของต้นฉบับภาษาอังกฤษออกมาเป็นบทแปลภาษาไทยได้อย่างสมจริงที่สุด ผลการศึกษาพบว่า การใช้คำยืมภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตตามกระบวนการภารตานุวาทสามารถช่วยยกระดับภาษาของมนต์คาถาให้มีความศักดิ์สิทธิ์ตามขนบการใช้ภาษาเวทมนตร์ของไทย การเล่นคำผวนและฉันทลักษณ์ของกลบทเป็นกลวิธีที่สามารถสร้าง ผลลัพธ์ (Effect) ที่มีความใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุดและเป็นการเล่นคำที่ผู้ใช้ภาษาไทยส่วนใหญ่คุ้นเคย จึงไม่ต้องใช้ความพยายามในการทำความเข้าใจ (Effort) เกินความจำเป็น และการปรับใช้กลวิธีการแปลการ์ตูน ซึ่งประกอบด้วย การแปลแบบเพิ่ม (Addition) การแปลแบบลด (Condensation) และการแปลแบบแปลง (Transformation) ก็เป็นประโยชน์ต่อการแปลมนต์คาถาและข้อความทั้งหลายเช่นกัน
การถ่ายทอดความเป็นสมัยใหม่นิยม (Modernism) ในบทกวีนิพนธ์เรื่อง “The Love Song Of J. Alfred Prufrock” โดย ที.เอส. เอเลียต (T.S. Eliot), มิรา อุไรกุล
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สารนิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาการถ่ายทอดความเป็นสมัยใหม่นิยม (Modernism) ในบท กวีนิพนธ์เรื่อง “The Love Song of J. Alfred Prufrock” โดย ที.เอส. เอเลียต จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับแนวคิดสมัยใหม่นิยมในบริบทของโลกตะวันตกและบทวิเคราะห์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการประพันธ์กวีนิพนธ์ของที.เอส. เอเลียต เพื่อนำมาใช้เป็น แนวทางการวิเคราะห์ตัวบท พร้อมทั้งศึกษาแนวคิดสมัยใหม่นิยมที่เกี่ยวข้องกับการประพันธ์ กวีนิพนธ์ในประเทศไทย แนวทางการประพันธ์กวีนิพนธ์ของกวีไทยร่วมสมัย ตลอดจนทฤษฎีการแปลที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แนวทางการแปลกวีนิพนธ์ของฟรานซิส อาร์. โจนส์ (Francis R. Jones) รวมถึงแนวคิดเรื่องสัมพันธบท (Intertextuality) และกลวิธีการแปลของลอว์เรนซ์ เวนูติ (Lawrence Venuti) เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการแปลเพื่อถ่ายทอดความเป็นสมัยใหม่นิยมอันเป็นแนวคิดสำคัญของกวีนิพนธ์เรื่องนี้ ผลการวิจัยพบว่า การแปลเพื่อถ่ายทอดความเป็นสมัยใหม่นิยมอันเป็นเป้าหมายหลักของสารนิพนธ์ฉบับนี้ ทำได้ด้วยการวิเคราะห์และสังเคราะห์คุณลักษณะต่าง ๆ ที่สะท้อนความเป็นสมัยใหม่นิยมภายในตัวบทต้นฉบับ โดยประยุกต์ใช้โครงสร้างกวีนิพนธ์แบบผิดแผกจาก ขนบของกวีไทยในยุคร่วมสมัย และให้ความสำคัญกับความหมายเป็นหลัก ซึ่งสามารถสะท้อนความเป็นสมัยใหม่นิยมที่ตั้งคำถามต่อขนบ ทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาในการวิจัย และนำไปสู่บทแปลที่สามารถสะท้อนตัวบทต้นฉบับได้อย่างใกล้เคียง
การศึกษาขนบในการแปลชื่อภาพยนตร์บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ (Science Fiction Movies), ณพัฐธิกา จุลเด็น
การศึกษาขนบในการแปลชื่อภาพยนตร์บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ (Science Fiction Movies), ณพัฐธิกา จุลเด็น
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สารนิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาขนบในการแปลชื่อภาพยนตร์บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ (Science Fiction: Sci-fi) ระหว่างช่วงพ.ศ. 2541-2555 และช่วงพ.ศ. 2556-2563 เพื่อค้นหาว่าในยุคหลังการแปลชื่อภาพยนตร์บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์มีขนบการแปลอย่างไร และสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคืออะไร นอกจากนี้ผู้วิจัยยังต้องการศึกษาว่าประเภทย่อยของภาพยนตร์นั้นจะมีผลต่อขนบในการแปลภาพยนตร์หรือไม่ โดยผู้วิจัยได้คัดเลือกชื่อภาพยนตร์ไซไฟทั้งหมดจำนวน 229 รายชื่อ และได้จำแนกประเภทย่อยของภาพยนตร์ในทั้งสองช่วงเวลาออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ ภาพยนตร์ไซไฟ-แอ็คชั่น ภาพยนตร์ไซไฟ-ระทึกขวัญ ภาพยนตร์ไซไฟ-ผจญภัย ภาพยนตร์ไซไฟ-ตลก และภาพยนตร์ไซไฟ-โรแมนติก จากการศึกษาผู้วิจัยพบว่า ในยุคหลังนั้น กลุ่มภาพยนตร์ที่มีแนวโน้มของขนบในการแปลโดยเคลื่อนเข้าหาวัฒนธรรมปลายทาง ได้แก่ กลุ่มภาพยนตร์ไซไฟ-ตลก โดยสะท้อนผ่านการใช้กลวิธีการแปลแบบตั้งชื่อใหม่ และกลุ่มภาพยนตร์ไซไฟ-โรแมนติก โดยสะท้อนผ่านการใช้กลวิธีการแปลความ ทั้งนี้การใช้กลวิธีการแปลความและการตั้งชื่อใหม่อาจทำให้ผู้ชมเข้าใจเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์และอาจทำให้ผู้ชมตัดสินใจรับชมภาพยนตร์ สำหรับกลุ่มภาพยนตร์ที่มีแนวโน้มของขนบในการแปลเเบบประนีประนอมระหว่างการเคลื่อนเข้าหาวัฒนธรรมต้นทางและปลายทาง ได้แก่ กลุ่มภาพยนตร์ไซไฟ-แอ็คชั่น กลุ่มภาพยนตร์ไซไฟ-ระทึกขวัญ และกลุ่มภาพยนตร์ไซไฟ-ผจญภัย โดยสะท้อนผ่านกลวิธีการแปลแบบทับศัพท์โดยการขยายความเพิ่มเติม ซึ่งการทับศัพท์เป็นการรักษาชื่อในภาษาต้นทาง และการขยายความเพิ่มเติมเป็นการสะท้อนเนื้อหาของภาพยนตร์เพื่อให้ผู้ชมเกิดความสนใจที่จะรับชมภาพยนตร์ดังกล่าว
การแปลนิทานร้อยกรองสำหรับเด็กเรื่อง The Everywhere Bear ของ Julia Donaldson เป็นร้อยกรองภาษาไทย, เอกชัย วังประภา
การแปลนิทานร้อยกรองสำหรับเด็กเรื่อง The Everywhere Bear ของ Julia Donaldson เป็นร้อยกรองภาษาไทย, เอกชัย วังประภา
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สารนิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแปลหนังสือนิทานร้อยกรองสำหรับเด็กเรื่อง The Everywhere Bear ของ จูเลีย โดนัลด์สัน จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ต้นฉบับเป็นตัวบทสื่อผสมระหว่างเนื้อความกับภาพประกอบซึ่งไม่สามารถแยกเป็นเอกเทศได้ ผู้วิจัยจึงศึกษาทฤษฎีการแปลที่เกี่ยวข้องโดยกำหนดแนวทางการแปลเป็นแบบสื่อสารความหมาย ประยุกต์ใช้แนวทางการแปลบทร้อยกรองของเลอเฟอแวร์ วิเคราะห์ตัวบทที่มีสื่อผสมหลายรูปแบบตามแนวคิดของนอร์ดและดิเซอร์โต ประยุกต์ใช้ทฤษฎีความเกี่ยวเนื่องของกุตต์ และทฤษฎีการสื่อสารรูปแบบผสมของเครสในการแก้ปัญหาการแปล สารนิพนธ์นี้มุ่งเน้นเสนอวิธีการแปลเพื่อสื่อความหมาย ดังนั้นทุกองค์ประกอบในสารนิพนธ์ ตั้งแต่การกำหนดแนวทางการแปล การวิเคราะห์ตัวบทต้นฉบับ การแปลตัวบท จนถึงการแก้ปัญหาการแปล ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ผลการวิจัยพบว่า ความรู้ ทฤษฎี และแนวคิดต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นช่วยให้ผู้วิจัยเข้าใจต้นฉบับ แก้ปัญหาการแปล และแปลตัวบทออกมาเป็นบทร้อยกรองภาษาไทยได้อย่างเหมาะสมและมีความสอดคล้องกันระหว่างบทแปลภาษาไทยกับภาพมากที่สุด
ประมวลศัพท์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ, ศิริพร เพียรชอบธรรม
ประมวลศัพท์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ, ศิริพร เพียรชอบธรรม
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สารนิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทฤษฎีและกระบวนการจัดทำประมวลศัพท์ และนำความรู้ที่ได้มาสร้างประมวลศัพท์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งประกอบด้วยศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และความเท่าเทียมทางเพศในมิติของการทำงาน สารนิพนธ์ฉบับนี้ยังมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ นักแปล ล่าม ตลอดจนผู้ที่สนใจในประเด็นความเท่าเทียมทางเพศในการใช้เป็นเอกสารอ้างอิง สารนิพนธ์ฉบับนี้ประยุกต์ใช้ทฤษฎี แนวทาง และหลักการตามกระบวนการจัดทำประมวลศัพท์ที่นักศัพทวิทยาหลายๆ ท่านได้นำเสนอไว้ และจัดทำเป็นประมวลศัพท์ที่ประกอบด้วยศัพท์จำนวนทั้งสิ้น 30 คำ ซึ่งแต่ละคำจะประกอบด้วยข้อมูลศัพท์ภาษาอังกฤษ ศัพท์เทียบเคียงภาษาไทย ประเภทไวยากรณ์ ขอบเขตข้อมูล นิยาม บริบทการใช้ศัพท์ รูปศัพท์อื่นที่เกี่ยวข้อง และหมายเหตุแสดงข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์