Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Digital Commons Network

Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Articles 1 - 30 of 490

Full-Text Articles in Entire DC Network

แนวทางการพัฒนาอาคารชุดเพื่อสุขภาพดี กรณีศึกษา โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ จังหวัดปทุมธานี และ โครงการไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา จังหวัดชลบุรี, สุธาสินี บุญน้อม Jan 2020

แนวทางการพัฒนาอาคารชุดเพื่อสุขภาพดี กรณีศึกษา โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ จังหวัดปทุมธานี และ โครงการไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา จังหวัดชลบุรี, สุธาสินี บุญน้อม

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ในปัจจุบันที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการสำรวจพบว่าในอาคารชุดแต่ละแห่งมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น แต่ขาดการจัดการด้านสุขภาพของผู้อยู่อาศัย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลเอกสาร มาตรฐานและเกณฑ์การประเมินอาคาร ด้านการออกแบบที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ วิเคราะห์ปัจจัยด้านกายภาพ พฤติกรรมผู้อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม และบริบทโดยรอบของโครงการอาคารชุดเพื่อสุขภาพดี เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดที่มีการส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดีในประเทศไทย โดยศึกษาจากผู้อยู่อาศัย ผู้ประกอบการ สถาปนิก รวมไปถึงนำความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญมาสรุปผลเพื่อหาแนวทาง ผ่านการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม โดยเลือกศึกษาโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ จังหวัด ปทุมธานี และ โครงการไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เนื่องจากเป็นโครงการที่ส่งเสริมการมีสุขภาพดีของผู้อยู่อาศัย ผลการศึกษาพบว่าผู้อยู่อาศัยให้ความเห็นว่า การอยู่อาศัยในโครงการก่อให้เกิดสุขภาพดีในระดับปานกลางถึงมาก และพบว่าปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาคารชุดเพื่อสุขภาพดี ประกอบไปด้วย 8 ปัจจัย ได้แก่ 1.คุณภาพอากาศ 2. คุณภาพน้ำ 3. แสงสว่าง 4.สภาวะน่าสบาย 5.วัสดุ 6.เสียง 7.การอนุรักษ์พลังงาน 8.สถานที่ตั้งโครงการ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาวะและสถาปนิกผู้ออกแบบโครงการ มีความคิดเห็นตรงกันว่า ปัจจัยด้านวัสดุ มีความสำคัญมากที่สุด ทางด้านผู้อยู่อาศัยและสถาปนิกผู้ออกแบบโครงการ มีความเห็นตรงกันว่า ปัจจัยด้านที่ตั้ง เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุด ในส่วนของผู้ประกอบการและสถาปนิก มีความเห็นตรงกันว่า ปัจจัยด้านคุณภาพน้ำมีความสำคัญมาก ดังนั้นเพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาอาคารชุดเพื่อสุขภาพดีของคนทุกกลุ่มในประเทศไทย ควรดำเนินการใน 3 ประเด็นดังนี้คือ 1.จัดทำคู่มือหรือเกณฑ์การออกแบบอาคารชุดเพื่อสุขภาพดีที่เหมาะสมกับประเทศไทย 2.ส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการมีสุขภาพดีมีความหลากหลายและมีราคาที่จับต้องได้ 3.การให้ความรู้ความเข้าใจกับบุคลทั่วไปและสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง


ความเข้ากันได้ของฐานข้อมูลชุดข้อมูลมาตรฐาน 52 แฟ้ม เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับตัวชี้วัดการดูแลสุขภาพแบบมุ่งเน้นคุณค่าที่อ้างอิงโดย Ichom ในกลุ่มโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง, สุวภัทร วิชานุวัฒน์ Jan 2020

ความเข้ากันได้ของฐานข้อมูลชุดข้อมูลมาตรฐาน 52 แฟ้ม เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับตัวชี้วัดการดูแลสุขภาพแบบมุ่งเน้นคุณค่าที่อ้างอิงโดย Ichom ในกลุ่มโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง, สุวภัทร วิชานุวัฒน์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเข้ากันได้ของฐานข้อมูลผู้ป่วยกลุ่มโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงจากชุดข้อมูลมาตรฐาน 52 แฟ้ม นำมาใช้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับตัวชี้วัด ICHOM มีรูปแบบการศึกษาแบบผสมผสาน (Mixed method research) คือการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยทำการศึกษาฐานข้อมูลตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2560 - กันยายน พ.ศ.2561 จากหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ 2 แห่ง และการการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า ความเข้ากันได้ของฐานข้อมูลผู้ป่วยและแหล่งข้อมูลสำหรับตัวชี้วัด ICHOM ในกลุ่มโรคเบาหวานหน่วยบริการ A และหน่วยบริการ B มีความเข้ากันได้ 21 ตัวชี้วัดและ 33 ตัวชี้วัด หรือคิดเป็นร้อยละ 31.34 และ 49.25 ตามลำดับ ส่วนกลุ่มโรคความดันโลหิตสูงหน่วยบริการ A และหน่วยบริการ B มีความเข้ากันได้ 14 ตัวชี้วัดและ 18 ตัวชี้วัด หรือคิดเป็นร้อยละ 31.11 และ 40.00 ตามลำดับ และผลการสัมภาษณ์โดยรวมความคิดเห็นตัวชี้วัดที่ใช้ปัจจุบันของผู้ป่วย ได้ข้อสรุปว่ามีประโยชน์และเพียงพอแล้ว โดยมองในมุมผู้รับบริการเป็นหลักว่าฐานข้อมูลที่เก็บเพียงพอต่อบริการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาพยาบาลเบื้องต้น และฟื้นฟูสภาพร่างกาย อีกทั้งในมุมของผู้ให้บริการเองมองเห็นว่าหากลดการบันทึกตัวชี้วัดที่ซ้ำซ้อนกับข้อมูลที่มีข้อมูลที่บันทึกประจำอยู่แล้ว จะลดภาระงาน และทำให้ตัวชี้วัดที่สำคัญมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ชุดข้อมูลมาตรฐาน 52 แฟ้มไม่สามารถใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ตัวชี้วัด ICHOM ที่เป็นข้อมูลระยะยาวได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่พบความไม่เข้ากันกับชุดตัวชี้วัด ICHOM แต่ชุดตัวชี้วัด ICHOM เป็นเพียงเงื่อนไขเริ่มต้นและปัจจัยเพื่อให้สามารถปรับเลือกใช้ตามบริบทของประเทศ ภูมิภาค รวมถึงความแตกต่างของจำนวนผู้ป่วยและผู้ให้บริการ หากนำมาปรับใช้กับบริบทประเทศไทยอาจต้องปรับโครงสร้างข้อมูลมาตรฐาน 52 แฟ้มให้มีความครบถ้วนและถูกต้อง อีกทั้งควรมีเป้าหมายการนำไปใช้อย่างชัดเจน


ปัญหาความเป็นสัญญาของทรัสต์ : ศึกษาร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล พ.ศ. ..., ภัทรางค์ วิชุพงษ์ Jan 2020

ปัญหาความเป็นสัญญาของทรัสต์ : ศึกษาร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล พ.ศ. ..., ภัทรางค์ วิชุพงษ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ในปี 2561 ร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล พ.ศ. .... ได้ผ่านการอนุมัติโดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว โดยเหตุผลในการตราร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวก็เพื่อนำทรัสต์มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล ในวิทยานิพนธ์นี้มุ่งศึกษาปัญหาเกี่ยวกับความเป็นสัญญาของทรัสต์ โดยมีสมมติฐานว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นนิติกรรมสัญญา สถานะทางกฎหมายของกองทรัสต์ และลักษณะสิทธิเหนือกองทรัสต์ของทรัสตีและผู้รับประโยชน์ ดังนั้นจึงควรมีการปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้สามารถปรับใช้หลักการของทรัสต์ได้เป็นระบบและเหมาะสม และในการศึกษาวิจัยนี้ได้ใช้ระเบียบวิธีการศึกษาแบบวิธีการค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลแบบวิจัยเอกสาร และได้ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายทรัสต์ของอังกฤษ โรมัน และญี่ปุ่น ผลการศึกษาพบว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้น ให้คำนิยามของคำว่า “ทรัสต์” ไม่ครบถ้วนเพราะไม่ครอบคลุมถึงบ่อเกิดของทรัสต์โดยพินัยกรรม และมิได้บัญญัติในส่วนของประเด็นมูลฐานของนิติกรรมสัญญาหลายประเด็น จะต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไปมาปรับใช้เพื่ออุดช่องว่างของกฎหมาย นอกจากนี้ มิได้ปรากฏชัดเจนว่ากองทรัสต์มีสถานะทางกฎหมายอย่างไร พบว่า ทรัสต์เป็นกองทรัพย์สิน แต่มิใช่กองทรัพย์สินโดยทั่วไป การพิจารณาลักษณะของกองทรัสต์ต้องพิจารณามาตรา 12 (2) ประกอบมาตรา 28 วรรคสอง และมาตรา 53 อีกประการหนึ่ง คือ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับลักษณะสิทธิหนือกองทรัสต์ของทรัสตีและผู้รับประโยชน์ พบว่า ทรัสตีเป็นเจ้าของกองทรัสต์ ดังนั้นจึงมีลักษณะเป็นทรัพยสิทธิ แต่เป็นทรัพยสิทธิที่มีการจำกัดอำนาจกรรมสิทธิ์เฉพาะตามที่ร่างพระราชบัญญัติกำหนด ส่วนผู้รับประโยชน์มิใช่ผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของกองทรัสต์ จึงมีลักษณะเป็นบุคคลสิทธิ โดยสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินคืนจากบุคคลภายนอกตามมาตรา 47 วรรคสอง มิได้มีฐานจากกรรมสิทธิ์ แต่เป็นสิทธิที่ร่างกฎหมายกำหนดไว้เฉพาะกรณีที่ทรัสตีจัดการกองทรัสต์โดยมิชอบ ดังนั้นจึงสมควรแก้ไขถ้อยคำบางประการตามมาตรา 3 มาตรา 47 วรรคสองและมาตราอื่นที่เกี่ยวขัอง รวมทั้งเพิ่มเติมบทบัญญัติเฉพาะเกี่ยวกับทรัพยสิทธิของทรัสตี


ศึกษารูปแบบสวัสดิการยืดหยุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการของบุคลากร กรณีศึกษา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย, วนัสดา สุขรุ่งเรือง Jan 2020

ศึกษารูปแบบสวัสดิการยืดหยุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการของบุคลากร กรณีศึกษา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย, วนัสดา สุขรุ่งเรือง

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเสนอแนวทางการจัดสวัสดิการยืดหยุ่น ที่เหมาะสมกับความต้องการของบุคลากรการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ พนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จํานวน 370 คน ผลการศึกษาพบว่า ระบบสวัสดิการของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็น แบบให้เหมือนกันทุกคน (One size fit all) สวัสดิการที่จัดสรรให้ส่วนใหญ่ใช้ได้ในสภาวะวิกฤติ และเน้นรองรับบุคลากรที่มีบุตร โดยสวัสดิการที่บุคลากรเลือกใช้มากที่สุด คือ การเบิกค่ารักษาพยาบาล มีความพึงพอใจอยู่ในระดับพึงพอใจมาก และสวัสดิการที่บุคลากรเลือกใช้น้อยที่สุด คือ ห้องออกกําลังกาย มีความพึงพอใจการ ให้บริการห้องออกกําลังกายอยู่ในระดับพึงพอใจน้อย ส่วนสวัสดิการเพิ่มเติมที่บุคลากรต้องการมากที่สุด ได้แก่ สวัสดิการและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมด้านกองทุนสํารองเลี้ยงชีพฯ รองลงมาเป็นการเบิกค่าตัดแว่นสายตา ตามลําดับ นอกจากนี้ยัง พบว่า ลักษณะส่วนบุคคลที่เป็น ปัจจัยส่งผลให้บุคลากรมีความต้องการสวัสดิการเพิ่มเติมที่แตกต่างกัน ได้แก่ เพศ สถานะการมีบุตร และช่วงอายุ (Generation) และยังพบว่าบุคลากรส่วนใหญ่ไม่มีบุตร สอดคล้องกับแนวโน้มโครงสร้างประชากรที่มีอัตราการเกิด ลดลง ผู้วิจัยจึงเสนอแนวทางการพัฒนาระบบสวัสดิการที่สามารถรองรับการดําเนินชีวิตของบุคลากรได้ทุกกลุ่ม โดยสามารถวิเคราะห์รูปแบบการจัดสวัสดิการยืดหยุ่นที่เหมาะสมได้ 2 รูปแบบ ประกอบด้วย สวัสดิการยืดหยุ่น แบบคะแนนยืดหยุ่น (Flex – point) สําหรับใช้ในระยะแรก และสวัสดิการยืดหยุ่นแบบเลือกเป็นชุด (Alternative Dinner Plan) สําหรับระยะกลางและระยะยาว


Could Morningstar Sustainability Rating Be An Indicator For Downside Protection?, Purisa Ruengsrichaiya Jan 2020

Could Morningstar Sustainability Rating Be An Indicator For Downside Protection?, Purisa Ruengsrichaiya

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This study investigates whether the Morningstar Sustainability Rating indicates the downside protection for the 2018 Global stock market downturn and 2020 Stock market crash by using daily time-series analysis and investigate whether fund characteristics have an effect on performance of each Morningstar Sustainability Rating by using a panel data analysis at a quarterly frequency for the active equity mutual fund in the US market. This paper finds the neutral performance in every group of ratings in any market period according to the neutral alpha or abnormal return and the fund characteristics influence the fund performance pattern which can observe that …


Mutual Fund Recommendations On Fund Flows And Returns, Rachapoom Karnasoot Jan 2020

Mutual Fund Recommendations On Fund Flows And Returns, Rachapoom Karnasoot

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Using Thailand open-end mutual fund samples from 2017 to 2019, this study examines the impact of analysts’ recommendations on mutual fund flow and return. We decide to use the analysts’ recommendation from two big management companies in Thailand who publicly released their analysts’ recommendation in weekly periods, SCBAM and KAsset. We hypothesize and find the recommendations have a significantly positive impact on mutual fund flows and found no significant impact on return. Our study further examines the risk-adjusted return and observe no significant excess return is generated from recommended mutual funds.


The Effect Of Capital Structure On Profitability In Tongrentang, Ransuo Yang Jan 2020

The Effect Of Capital Structure On Profitability In Tongrentang, Ransuo Yang

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This essay focuses on the effect of different combinations of equity and debt on profitability of Tongrentang Group during the period from 2011 to 2019 quarterly in Chinese medical industry on the basis of the methods of correlation and regression examination, to prove whether the different combinations consists of the equity and debt over different periods affect the profitability. The paper collected the main financial data from related documents posted on annual report and Shanghai Stock Exchange as well as Tonghuashun iFinD. Through correlation analysis and regression analysis, the main findings tell that a positively relationship exists between debt (over …


Relationship Between Online Video Game Influencer’S Credibility And Purchase Intention, Aniwat Sankosik Jan 2020

Relationship Between Online Video Game Influencer’S Credibility And Purchase Intention, Aniwat Sankosik

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The objective of this study is to exterminate the relationship between video game online influencer’s credibility and purchase intention on video game products. By using video game online influencers to measure how their credibility can have a positive effect on likelihood to purchase video game products. The study used source credibility concept as framework to measure the effectiveness of influencer credibility. Source credibility concept is consisting of three dimension which are attractiveness, trustworthiness, and expertise. The study has selected a Youtuber named Pewdiepie also known as Felix Kjellberg and examine how his viewers perceived his credibility. This study has the …


A Case Study On Marketing And Business Strategy For Sunsweet Public Company Limited Towards Ready-To-Eat Products, Nattawadee Wangcharoenpaisan Jan 2020

A Case Study On Marketing And Business Strategy For Sunsweet Public Company Limited Towards Ready-To-Eat Products, Nattawadee Wangcharoenpaisan

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Sunsweet Public Company Limited has been in sweet corn and agricultural products export industry since 1997. Sweet corn export value of Sunsweet is contributed to 6,760.49 million baht or 23.66% of sweet corn export value of Thailand to overseas. This paper mainly focuses on marketing analysis of Sunsweet. It observes the decision in which Sunsweet has made to launch ready-to-eat products in Thailand. SWOT analysis is used to analyze the company’s strengths, weaknesses, opportunities, and threats. The results of this analysis, subsequently, explain how the company has come to this business decision. The research then proceeds to define Sunsweet’s current …


การเปรียบเทียบการผลิตโคเอนไซม์คิวเทนจากสายพันธุ์เมทิโลแบคทีเรียม, ณัฐธิดา มิ่งระโภชน์ Jan 2020

การเปรียบเทียบการผลิตโคเอนไซม์คิวเทนจากสายพันธุ์เมทิโลแบคทีเรียม, ณัฐธิดา มิ่งระโภชน์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

โคเอนไซม์คิวเทน (CoQ10) เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง โคเอนไซม์คิวเทนสามารถผลิตได้โดยการหมักแบคทีเรีย Methylobacterium organophilum NBRC 15689T และ Methylobacterium sp. LRY1-08 ด้วยวิธีการสกัดโคเอนไซม์คิวเทนจากเซลล์ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของวิธีการสกัด สายพันธุ์ Methylobacterium และปัจจัยทางกระบวนการหมัก ต่อปริมาณโคเอนไซม์คิวเทนที่ได้ การวิเคราะห์ปริมาณโคเอนไซม์คิวเทนทำโดยใช้เทคนิคโครมาโตรกราฟีของเหลวสมรรถนะสูง (HPLC) การศึกษาปัจจัยทางกระบวนการหมักแบคทีเรีย ได้แก่ ความแตกต่างของแหล่งคาร์บอนและแหล่งไนโตรเจนและระยะเวลาของการหมัก ผลการศึกษา พบว่า วิธีการทำให้เซลล์แตกก่อนโดยใช้เมทานอลและโซเดียมคลอไรด์ 0.3% (10:1 v/v) ที่มีส่วนประกอบของไตรตอนเอ็กซ์-100 1% ควบคู่กับการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง แล้วสกัดต่อด้วยไอโซโพรพานอลและเฮกเซน (3:5) พบว่า ให้ปริมาณโคเอนไซม์คิวเทนสูงสุดในทั้งสองสายพันธุ์ โดย Methylobacterium organophilum NBRC 15689T ให้ปริมาณโคเอนไซม์คิวเทนสูงกว่า Methylobacterium sp. LRY1-08 ซึ่งสอดคล้องกับน้ำหนักเซลล์แห้งที่มากกว่า ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าวิธีการสกัดนี้สามารถใช้เพื่อสกัดโคเอนไซม์คิวเทนจากเยื่อหุ้มเซลล์ของแบคทีเรียได้ และผลการศึกษาปัจจัยของกระบวนการหมัก พบว่า กลูโคสความเข้มข้น 10 กรัมต่อลิตร และสารสกัดยีสต์ความเข้มข้น 10 กรัมต่อลิตร เป็นแหล่งคาร์บอนและแหล่งไนโตรเจนที่เหมาะสมที่สุด โดยหมักเป็นเวลา 96 ชั่วโมง ส่งผลต่อปริมาณโคเอนไซม์คิวเทนที่ผลิตได้จากแบคทีเรีย Methylobacterium organophilum NBRC 15689T ซึ่งให้ค่า CoQ10 production เท่ากับ 2.7667 ± 0.26 mg/L ค่า Specific CoQ10 content เท่ากับ 0.7663 ± 0.07 mL/g ของน้ำหนักเซลล์แห้ง และน้ำหนักเซลล์แห้งเท่ากับ 3.62 ± 0.20 g/L


A Case Study On Descriptive Analysis Of Marketing And Business Strategy For Ptg Energy In 2013 Toward Business Performance, Nirapa Ruengwutisakulchai Jan 2020

A Case Study On Descriptive Analysis Of Marketing And Business Strategy For Ptg Energy In 2013 Toward Business Performance, Nirapa Ruengwutisakulchai

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Corporate strategy is a key factor to drive company business performance which can be measured by several factors. Effective strategies can lead to positive business performance in several dimensions as well as creating a strong brand. Strong brand also enhances positive evaluations of brand awareness, product quality and customer perception. Hence, re-branding is also important to create a strong brand to adapt to the recent world. This paper will focus on three main corporate strategies which are petrol station expansion, max card membership enhancement, and non-oil business expansion in order to support rebranding campaign of PTG Energy Public Company Limited …


How Manufacturing Company Catching Up In Emerging Markets By Using Diversification Strategy? -A Case Study Of Thailand Malee Group, Zhongbing Shi Jan 2020

How Manufacturing Company Catching Up In Emerging Markets By Using Diversification Strategy? -A Case Study Of Thailand Malee Group, Zhongbing Shi

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This paper uses the theory about the diversification strategy as a foundation, by conducting a case study research methodology to explore the diversification strategy of manufacturing company in emerging markets, to present empirical examples in regards of the diversification (product and international diversification) process of Malee Group company of Thailand. The paper attempts to determine whether Malee Group has successful catching up in emerging markets through Product and international diversification, and what approach used by Malee group in pursuit of its diversification strategy and the factors considered by Malee Group in selecting market segment or countries to diversify into. The …


พลวัตของการจัดทำข้อตกลงการค้าและความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ภายหลังเบร็กซิท, ปัญฐ์พิกา ภิรัฐพงศ์ธนากร Jan 2020

พลวัตของการจัดทำข้อตกลงการค้าและความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ภายหลังเบร็กซิท, ปัญฐ์พิกา ภิรัฐพงศ์ธนากร

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

สารนิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเจรจาข้อตกลงการค้าและความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปภายหลังเบร็กซิท เมื่อประชากรร้อยละ 51.9 ของ สหราชอาณาจักรได้ลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ในปี 2559 โดยใช้ทฤษฎีเกมสองระดับของโรเบิร์ต พัตนัม อธิบายปัจจัยและตัวแสดงทางการเมืองภายในประเทศและระหว่างประเทศ ที่มีผลตั้งแต่เริ่มกระบวนการเจรจาจนถึงการบรรลุข้อตกลง โดยเฉพาะการนำกลยุทธ์ แบตน่า มาใช้ในการเจรจาต่อรองในจุดที่ยอมรับร่วมกันของแต่ละฝ่าย ให้เห็นชอบกับข้อตกลงที่สามารถมีความเป็นไปได้ และได้ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับข้อตกลง สารนิพนธ์นี้ยังได้ใช้แนวคิดการพึ่งพาอาศัยกันอย่างสลับซับซ้อน ของโรเบิร์ต โคเฮน และโจเซฟ นาย มาพิจารณาในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป นำมาสู่การใช้นโยบายการค้าร่วมกันผ่านระบบเศรษฐกิจตลาดเดียว โดยสหราชอาณาจักรยังคงเป็นสมาชิกตลาดเดียวและสหภาพศุลกากร ไปจนถึงสิ้นสุดระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านสิ้นปี 2563 ทั้งนี้ข้อตกลง TCA จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ภายหลังจากที่สองฝ่ายให้สัตยาบันครบถ้วนเรียบร้อย อย่างไรก็ดี ภายใต้ข้อตกลง TCA ยังคงมีประเด็นคงค้าง อาทิ ไอร์แลนด์เหนือ และการทำประมง ซึ่งถือได้ว่าเป็นงานที่ท้าทายสำหรับทั้งสองฝ่ายในอนาคต


การสื่อสารรูปแบบข้อความสั้นผ่านผู้มีชื่อเสียงบนทวิตเตอร์ และความตั้งใจซื้อของเจเนอเรชันวาย, พริ้งภัทรา กฤษณะโลม Jan 2020

การสื่อสารรูปแบบข้อความสั้นผ่านผู้มีชื่อเสียงบนทวิตเตอร์ และความตั้งใจซื้อของเจเนอเรชันวาย, พริ้งภัทรา กฤษณะโลม

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายการสื่อสารรูปแบบข้อความสั้นบนทวิตเตอร์ผ่านผู้มีชื่อเสียง เพื่อสำรวจ การเปิดรับ และอธิบายอิทธิพลของคุณลักษณะของรูปแบบข้อความสั้นบนทวิตเตอร์ต่อความตั้งใจซื้อของเจเนอเรชันวาย โดยใช้การวิจัยแบผสมผสาน เริ่มจากการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์เอกสาร ได้แก่ ทวิตเตอร์ของตราสินค้า 3 ตราสินค้าคือ เอไอเอส ยูเซอริน เลย์ รวม 296 ทวีต และการวิจัยเชิงปริมาณ ด้วยการวิจัยเชิงสำรวจ ใช้แบบสอบถามออนไลน์เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน ผลการวิเคราะห์เอกสารพบว่า การสื่อสารรูปแบบข้อความสั้นบนทวิตเตอร์ผ่านผู้มีชื่อเสียงมี 13 ลักษณะ ได้แก่ คำหรือข้อความที่นิยมบนอินเทอร์เน็ต เน้นความเป็นกันเอง สื่อสารเข้าใจง่าย เจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย กระตุ้นความสนใจ ใส่แฮชแทค สโลแกนตราสินค้าหรือแคมเปญ การระบุชื่อผลิตภัณฑ์ การระบุชื่อบุคคลที่ผู้มีชื่อเสียงอยู่ในโพสต์นั้น รูปภาพผู้มีชื่อเสียง วีดิโอผู้มีชื่อเสียง ลิงก์เพื่อคลิกไปยังแหล่งข้อมูลของตราสินค้า และการไม่ใช้คำที่ไม่เหมาะสม การสื่อสารรูปแบบข้อความสั้นบนทวิตเตอร์ผ่านผู้มีชื่อเสียงเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตราสินค้า เน้นความบันเทิง เนื้อหาเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต มีการใช้คุณสมบัติของผู้มีชื่อเสียงในด้านความ น่าไว้วางใจและความชื่นชอบต่อผู้มีชื่อเสียงมีมากที่สุด รองลงมาคือความเชี่ยวชาญ ตราสินค้ามีการสื่อสารทั้งทางเดียวเพื่อให้ข่าวสารควบคู่กับการสื่อสารมีปฏิสัมพันธ์ผ่านการรีทวีต การกดไลค์ และตอบกลับทวีตต่าง ๆ ผลการวิจัยเชิงสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีประสบการณ์การใช้ทวิตเตอร์มากกว่า 2 ปี และมีความถี่ในการเปิดรับข่าวสารต่าง ๆ จากทวิตเตอร์ทุกวันแต่จะใช้เพียง 1-2 ชั่วโมง และมีความถี่ของประสบการณ์การอ่านทวิตเตอร์ของตราสินค้าที่ใช้ ผู้มีชื่อเสียงในการนำเสนอเพียงการนำเสนอ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยช่วงเวลาที่พบเห็นอยู่ระหว่าง 17:00 – 21:00 น. นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างพบเห็นคุณลักษณะของการใช้แฮชแทคและการระบุชื่อผลิตภัณฑ์อยู่เป็นประจำ ผลการทดสอบสมมติฐานสรุปได้ว่า คุณลักษณะของรูปแบบข้อความสั้นบนทวิตเตอร์ผ่านผู้มีชื่อเสียง ด้านความน่าเชื่อถือของผู้มีชื่อเสียง (β = 0.396) ด้านความน่าดึงดูดใจของผู้มีชื่อเสียง (β = 0.252) และด้านความสอดคล้องระหว่าง ผู้มีชื่อเสียงกับตราสินค้า (β = 0.161) มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อโดยรวมของผู้บริโภคเจเนอเรชันวายทั้ง 3 ตราสินค้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05


อิทธิพลของทัศนคติต่อจุดดึงดูดใจของโฆษณาเพื่อสิ่งแวดล้อม การรับรู้ความเสี่ยง และการตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม ต่อความตั้งใจซื้อรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของผู้บริโภค, ภคินี ลาภเจริญ Jan 2020

อิทธิพลของทัศนคติต่อจุดดึงดูดใจของโฆษณาเพื่อสิ่งแวดล้อม การรับรู้ความเสี่ยง และการตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม ต่อความตั้งใจซื้อรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของผู้บริโภค, ภคินี ลาภเจริญ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาเกี่ยวกับทัศนคติต่อจุดดึงดูดของการโฆษณาเพื่อสิ่งแวดล้อม การรับรู้ความเสี่ยงด้านการเงิน ด้านประสิทธิภาพ และด้านจิตวิทยา และความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลต่อความตั้งใจซื้อรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของผู้บริโภค โดยใช้วิธีวิจัยวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้การเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างบุคคลทั่วไปโดยไม่จำกัดเพศ ที่มีอายุระหว่าง 25-50 ปี ที่มีแนวโน้มจะซื้อรถยนต์ในอนาคต โดยใช้เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถามออนไลน์ จำนวนทั้งสิ้น 404 ตัวอย่าง โดยผลการวิจัยสามารถสรุปได้ว่า 1) กลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติต่อจุดดึงดูดด้านเหตุผลและด้านอารมณ์ของการโฆษณาเพื่อสิ่งแวดล้อมของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยจุดดึงดูดด้านเหตุผล สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้มากกว่าจุดดึงดูดด้านอารมณ์ 2) กลุ่มตัวอย่างมีระดับการรับรู้ความเสี่ยงด้านการเงิน ด้านประสิทธิภาพ และด้านจิตวิทยาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ และมีความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อมในระดับสูง โดยทุกตัวแปรมีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 3) ความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม ทัศนคติต่อจุดดึงดูดด้านเหตุผล และการรับรู้ความเสี่ยงด้านการเงิน คือ 3 ตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อมากที่สุดตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 โดยมีความสัมพันธ์ในระดับปานกลาง (R = 0.665) และมีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของผู้บริโภคอยู่ที่ร้อยละ 44.2


การดำเนินคดีอาญาต่อผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคลในชั้นสอบสวน: ศึกษาเปรียบเทียบหลักกฎหมายรัฐบาลกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา, ปราบดา สุขสุนทรีย์ Jan 2020

การดำเนินคดีอาญาต่อผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคลในชั้นสอบสวน: ศึกษาเปรียบเทียบหลักกฎหมายรัฐบาลกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา, ปราบดา สุขสุนทรีย์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ด้วยเหตุที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของประเทศไทยใช้บังคับสำหรับการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เป็นบุคคลธรรมดา และผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคล แต่สภาพความเป็นนิติบุคคลมีความแตกต่างจากบุคคลธรรมดา จึงทำให้พบปัญหาในทางปฏิบัติทั้งในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการฟ้องคดี ได้แก่ ปัญหาการใช้ดุลยพินิจในการดำเนินคดีอาญากับนิติบุคคล ปัญหาการคุ้มครองหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากการคุกคามของนิติบุคคล ปัญหาการแสวงหาพยานหลักฐานจากนิติบุคคล ปัญหาการดำเนินคดีกับนิติบุคคลข้ามชาติ ปัญหาการหาบุคคลผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจากการใช้นิติบุคคลในการกระทำผิดและปัญหาเรื่องการแสดงเจตนาของนิติบุคคล วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินคดีอาญาต่อผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคลในชั้นสอบสวนโดยเปรียบเทียบกับหลักกฎหมายรัฐบาลกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีเกณฑ์การใช้ดุลยพินิจของพนักงานอัยการในการดำเนินคดีอาญากับนิติบุคคล,มีมาตรฐานการคุ้มครองการหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากการคุกคามของนิติบุคคล,เครื่องมือทางกฎหมายในการแสวงหาพยานหลักฐานจากนิติบุคคลเป็นการเฉพาะ,แนวทางการดำเนินคดีกับนิติบุคคลที่ประกอบอาชญากรรมข้ามชาติ,กฎหมายหรือหน่วยงานที่ทำให้สามารถหาบุคคลผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจากการใช้นิติบุคคลในการกระทำผิดและเกณฑ์การแสดงเจตนาของนิติบุคคลที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานมากกว่าของประเทศไทย ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาแล้วจึงควรนำขั้นตอนการดำเนินคดีอาญาในกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นนิติบุคคลมาปรับใช้ในประเทศไทย


พฤติกรรมสุขภาพของนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร, ณัฐนรี วาสนาทิพย์ Jan 2020

พฤติกรรมสุขภาพของนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร, ณัฐนรี วาสนาทิพย์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร และเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพของนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร จำแนกตามตัวแปร เพศ และชั้นปีการศึกษา วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป และแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพ ทั้ง 4 ด้าน มีข้อคำถามทั้งหมด 62 ข้อ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เป็นคนไทยในกรุงเทพมหานครที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี จำนวน 480 คน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบที และสถิติทดสอบเอฟ ผลการวิจัย 1) นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารอยู่ในระดับปานกลาง พฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับปานกลาง พฤติกรรมความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง และพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในระดับดี 2) นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร เพศชายมีพฤติกรรมการออกกำลังกายดีกว่าเพศหญิงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร เพศหญิงมีพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ดีกว่าเพศชายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนตัวแปรชั้นปีการศึกษา พบว่า นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครที่มีชั้นปีการศึกษาต่างกัน มีพฤติกรรมสุขภาพทั้ง 4 ด้าน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ สรุปผลการวิจัย นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครมีพฤติกรรมการบริโภคอาหาร พฤติกรรมการออกกำลังกาย และพฤติกรรมความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง แต่พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในระดับดี


ผลของการพยาบาลตามแนวคิดของนิวแมนต่อพฤติกรรมป้องกันการติดเชื้อของมารดาเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยาเคมีบำบัด, วารีรัตน์ วรรณโพธิ์ Jan 2020

ผลของการพยาบาลตามแนวคิดของนิวแมนต่อพฤติกรรมป้องกันการติดเชื้อของมารดาเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยาเคมีบำบัด, วารีรัตน์ วรรณโพธิ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิจัยกึ่งทดลองมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการพยาบาลตามแนวคิดของนิวแมนต่อพฤติกรรมป้องกันการติดเชื้อของ มารดาเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยาเคมี กลุ่มตัวอย่าง คือ มารดาของผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ในโรงพยาบาลรามาธิบดี คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (purposive samping) จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองกลุ่มละ 15 คน กลุ่มทดลองได้รับการพยาบาลตามแนวคิดของนิวแมน เพื่อป้องกันการติดเชื้อภายหลังได้รับยาเคมีบำบัด เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถามพฤติกรรมป้องกันการติดเชื้อของมารดาเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ได้รับยาเคมีบำบัด มีค่าความตรงตามเนื้อหา 1.0 และค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยงของเครื่องมือ 0.82 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและสถิติ Mann-Whitney U ผลการวิจัยพบว่า มารดาผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด กลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามแนวคิดของนิวแมน มีพฤติกรรมป้องกันการติดเชื้อดีกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05


หลักการสอนเพื่อส่งเสริมการแสดงออกของวงขับร้องประสานเสียงระดับประถมศึกษาตอนปลาย, ศศินันท์ วิภูษิฑิมากูล Jan 2020

หลักการสอนเพื่อส่งเสริมการแสดงออกของวงขับร้องประสานเสียงระดับประถมศึกษาตอนปลาย, ศศินันท์ วิภูษิฑิมากูล

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหลักการสอนเพื่อส่งเสริมการแสดงออกของวงขับร้องประสานเสียงระดับประถมศึกษาตอนปลาย ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม และการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญด้านการขับร้องประสานเสียงจำนวน 4 คน ผู้สอนวงขับร้องประสานเสียงระดับประถมศึกษาตอนปลายจำนวน 4 คน และกลุ่มผู้เรียนของคณะนักร้องประสานเสียงระดับประถมศึกษาตอนปลายจำนวน 4 คณะ ผลการวิจัยพบว่า หลักการสอนเพื่อส่งเสริมการแสดงออกของวงขับร้องประสานเสียงระดับประถมศึกษาตอนปลาย ประกอบด้วย 4 หลักการ ได้แก่ 1) บุคลิกลักษณะของผู้สอนควรมีความเข้าใจ ความอบอุ่น ความเอื้ออาทร มีอารมณ์ขัน มีปฏิสัมพันธ์ที่ดี และสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกเชิงบวก ส่งผลให้ผู้เรียนรู้สึกปลอดภัยและกล้าแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกขณะร้องเพลง 2) สอนการตีความให้แก่ผู้เรียน เพื่อช่วยให้เกิดความรู้ความเข้าใจในบทเพลง และนำไปสู่การร้องที่แสดงอารมณ์ความรู้สึก 3) จัดกิจกรรมเสริมทักษะความเป็นนักดนตรี เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจสาระดนตรีและสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการขับร้องประสานเสียง ควรเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะทั้ง 5 ได้แก่ ฟัง ร้อง-เล่น อ่าน สร้างสรรค์ และเคลื่อนไหว 4) สอนทักษะการร้องให้แก่ผู้เรียน โดยให้ความสำคัญในเรื่องท่าทางการยืนและการนั่ง การหายใจ การเปล่งเสียงร้อง การสร้างเสียงกังวาน และการออกเสียงคำร้อง เพื่อช่วยให้ร้องเพลงอย่างไพเราะ


นวัตกรรมตัวแบบในการตัดสินใจในการระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทนสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น, สมบูรณ์ ประสบพิบูล Jan 2020

นวัตกรรมตัวแบบในการตัดสินใจในการระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทนสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น, สมบูรณ์ ประสบพิบูล

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ในปัจจุบันนี้ การระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทนเป็นทางเลือกหนึ่งของการระดมทุนสำหรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการเงินทุนไปใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ต้นแบบ เนื่องจากโครงการที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ใหม่ของผู้ประกอบการนั้นยังมีความเสี่ยงอยู่ การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทนของธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น และพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมตัวแบบในการตัดสินใจในการระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทน รวมทั้งศึกษาการยอมรับและความเป็นไปได้ในการพัฒนาไปสู่ธุรกิจในเชิงพาณิชย์ของนวัตกรรมตัวแบบในการตัดสินใจในการระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทน การศึกษาครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบผสม โดยการเก็บข้อมูลทั้งจากการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ การวิจัยเชิงคุณภาพเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญจำนวน 11 คน และการวิจัยเชิงปริมาณจะเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามจำนวน 320 ราย ซึ่งได้ผ่านการทดสอบความน่าเชื่อถือและค่าความเที่ยงของเครื่องมือ มีการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจและวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกส์ พบว่า ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จในการระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทน ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ 1. องค์ประกอบด้านผู้ประกอบการ (ประสบการณ์ในการระดมทุนมวลชนในอดีตที่ผ่านมา และประสบการณ์ในการให้เงินสนับสนุนโครงการระดมทุนมวลชนอื่น) 2. องค์ประกอบด้านลักษณะโครงการ (จำนวนรูปภาพของโครงการ การมีวีดีโอของโครงการและเวบไซด์สำหรับแสดงข้อมูลโครงการ และจำนวนของรางวัลตอบแทนที่หลากหลาย 3. องค์ประกอบด้านรูปแบบในการระดมทุนมวลชน (ระยะเวลาในการเปิดระดมทุนมวลชน เป้าหมายของจำนวนเงินที่ต้องการระดมทุนมวลชน และระยะเวลาในการจัดส่งของรางวัลตอบแทน) การพัฒนานวัตกรรมตัวแบบในการตัดสินใจในการระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทน มี 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การมองหานวัตกรรม 2. การกำหนดหัวข้อนวัตกรรม 3. การออกแบบนวัตกรรม 4. การพัฒนานวัตกรรม 5. การทดสอบและพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ มีการใช้เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่องด้วยอัลกอริทึมของวิธีการถดถอยโลจิสติกส์และวิธีต้นไม้ตัดสินใจ โดยใช้ปัจจัยความสำเร็จจากองค์ประกอบด้านผู้ประกอบการ ด้านลักษณะโครงการ และด้านรูปแบบในการระดมทุนมวลชน ค่าความถูกต้องของแบบจำลองวิธีการถดถอยโลจิสติกส์และวิธีต้นไม้ตัดสินใจ อยู่ที่ 88.2% และ 88.8% ตามลำดับ การทดสอบการยอมรับนวัตกรรมตัวแบบในการตัดสินใจในการระดมทุนมวลชนแบบให้รางวัลตอบแทนของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 ราย พบว่า มีความพึงพอใจในความง่ายและความเหมาะสมในการใช้งาน ประโยชน์ที่ได้จากการใช้งาน และทัศนคติที่ดีต่อการใช้งาน การศึกษาความเป็นได้ในการดำเนินธุรกิจ มีการวิเคราะห์ใน 3 สถานการณ์ (สถานการณ์ที่แย่ที่สุด สถานการณ์ปกติและสถานการณ์ที่ดีที่สุด) โดยในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด โครงการนี้ยังมีผลการดำเนินงานน่าพอใจ ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยงและต้นทุนของโครงการ และให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจแก่ผู้ถือหุ้น ดังนั้น โครงการนี้จึงเหมาะสำหรับการลงทุน


ผลของการให้ผงว่านหางจระเข้ทางปากร่วมกับการปลูกถ่ายเซลล์เอนโดทีเลียมโปรเจนนิเตอร์ ของมนุษย์ต่อการหายของแผลในหนูนูดไมซ์ที่เป็นเบาหวาน, สุพัสนันท์ แก้วศรีสังข์ Jan 2020

ผลของการให้ผงว่านหางจระเข้ทางปากร่วมกับการปลูกถ่ายเซลล์เอนโดทีเลียมโปรเจนนิเตอร์ ของมนุษย์ต่อการหายของแผลในหนูนูดไมซ์ที่เป็นเบาหวาน, สุพัสนันท์ แก้วศรีสังข์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการหายของแผลและการเกิดหลอดเลือดใหม่ในหนูนูดไมซ์ที่เป็นเบาหวานหลังจากให้กินว่านหางจระเข้ร่วมกับการปลูกถ่าย EPCs โดยแบ่งหนูเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มควบคุม กลุ่มเบาหวาน กลุ่มเบาหวานที่ได้รับเซลล์เอนโดทีเลียมโปรเจนนิเตอร์ (1×106 เซลล์) บริเวณแผล กลุ่มเบาหวานที่ได้รับว่านหางจระเข้ 400 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวันทางปาก และกลุ่มเบาหวานที่ได้รับเซลล์เอนโดทีเลียมโปรเจนนิเตอร์ (1×106 เซลล์) บริเวณแผลร่วมกับการกินว่านหางจระเข้ 400 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน ทำการเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วยสารสเตรปโตโซโตซิน 45 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมทางช่องท้องวันละครั้งติดต่อกันห้าวัน เมื่อครบ 10 สัปดาห์หลังจากเหนี่ยวนำให้หนูเป็นเบาหวาน หนูแต่ละกลุ่มถูกทำให้เกิดแผลชนิดที่ถูกตัดจนถึงชั้นไขมันที่บริเวณผิวหนังทั้งสองข้างจากแนวหลังของหนู ขนาด 0.6×0.6 ตารางเซนติเมตร ในวันที่ 7 และ 14 หลังทำให้เกิดแผล ทำการศึกษาระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องกลูโคมิเตอร์ วัดขนาดแผลและวิเคราะห์ด้วยโปรแกรม Image Pro Plus 6.1 วัดการไหลเวียนของเลือดบริเวณแผลด้วยเครื่องเลเซอร์ดอปเปลอร์โฟลมิเตอร์ ศึกษาการเกิดหลอดเลือดใหม่ด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบคอนโฟคอลโดยใช้แสงฟลูออเรสเซ็นต์ ศึกษาการเกิด re-epithelialization ด้วยการย้อมฮีมาท้อกซิลินและอีโอซิน และวัดระดับ VEGF ที่แผลด้วยวิธี ELISA ผลการทดลองพบว่า ทั้งในวันที่ 7 และ 14 หลังทำให้เกิดแผล ค่าระดับน้ำตาลในเลือดของหนูลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติหลังจากได้รับว่านหางจระเข้ กลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์เอนโดทีเลียมโปรเจนนิเตอร์ร่วมกับการกินว่านหางจระเข้ มีการเพิ่มขึ้นของการปิดของแผล การไหลเวียนของเลือดบริเวณแผล การเกิดหลอดเลือดใหม่ การเกิด re-epithelialization และระดับ VEGF อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) เมื่อเทียบกับกลุ่มเบาหวานที่ไม่ได้รับการรักษา นอกจากนี้ในวันที่ 14 กลุ่มที่ได้รับการรักษาร่วมกันมีการเพิ่มขึ้นของการไหลเวียนของเลือดบริเวณแผลและการเกิดหลอดเลือดใหม่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วย EPCs หรือ Aloe เพียงอย่างเดียว ดังนั้นการศึกษานี้อาจเป็นประโยชน์และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาแผลเบาหวานได้ในอนาคต


บทบาททางเศรษฐกิจของจีนในกัมพูชา : กรณีศึกษาโครงการดาราซาโกร์ของจีนในจังหวัดเกาะกง, ธนิต นวลมุสิก Jan 2020

บทบาททางเศรษฐกิจของจีนในกัมพูชา : กรณีศึกษาโครงการดาราซาโกร์ของจีนในจังหวัดเกาะกง, ธนิต นวลมุสิก

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาททางเศรษฐกิจของจีนในกัมพูชาผ่านกรณีศึกษาการลงทุนโครงการดาราซาโกร์ในจังหวัดเกาะกงซึ่งเชื่อมโยงกับนโยบาย BRI ของจีน โดยประยุกต์ใช้แนวคิดอิทธิพลเพื่อเสนอว่าจีนได้รับประโยชน์ด้านเศรษฐกิจอย่างชัดเจนมากกว่าผลประโยชน์ด้านการเมืองซึ่งจีนเป็นรัฐขนาดใหญ่ใช้อิทธิพลผ่านเครื่องมือทางการทูต การเงิน และความช่วยเหลือทางการทหารแก่กัมพูชาเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กัมพูชากำหนดนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อจีนเพื่อเข้าถึงทรัพยากรที่สมบูรณ์ การขยายอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการเข้าถึงพื้นที่ทะเลจีนใต้ ในขณะที่กัมพูชาได้ประโยชน์ตอบแทนจากแรงจูงใจสามประการ ได้แก่ ประการแรก การเมืองภายในประเทศสำหรับความอยู่รอดของระบอบฮุน เซน ประการที่สอง ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบาย BRI เป็นส่วนส่งเสริมยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของกัมพูชา และประการสุดท้ายการประกันความปลอดภัยจากภัยคุกคามของเวียดนามที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ที่มีชายแดนติดต่อกันและประวัติศาสตร์สงครามกลางเมือง อย่างไรก็ตาม การตอบรับอิทธิพลจากจีนของกัมพูชายังต้องเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเวียดนาม ซึ่งมีผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองในกัมพูชาเช่นกัน รวมทั้งการต่อต้านจากคนในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของจีน


การเตรียมถ่านกัมมันต์จากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตที่ใช้แล้ว, ซุ ฮุ่ย คอ Jan 2020

การเตรียมถ่านกัมมันต์จากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตที่ใช้แล้ว, ซุ ฮุ่ย คอ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ขยะพลาสติกกลายเป็นปัญหาระดับโลก เทคโนโลยีในการรีไซเคิลและปรับคุณภาพขยะพลาสติกมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในงานวิจัยนี้ได้ศึกษาการเตรียมถ่านกัมมันต์จากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตแบบใสและแบบมีสีที่ใช้แล้วด้วยวิธีการกระตุ้นทางเคมีและทางกายภาพ ซึ่งสารเคมีที่ใช้ในการกระตุ้นทางเคมี คือ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) ด้วยวิธีการทำให้อิ่มตัวด้วยอัตราส่วนโดยมวลระหว่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ต่อคาร์บอน 2 ถึง 4 อุณหภูมิกระตุ้น 700 ถึง 900 องศาเซลเซียส และเวลากระตุ้น 1 ถึง 2.5 ชั่วโมง และใช้ไอน้ำเป็นสารกระตุ้นในการกระตุ้นทางกายภาพ อุณหภูมิกระตุ้น 800 ถึง 1,000 องศาเซลเซียส และเวลากระตุ้น 1 ถึง 4 ชั่วโมง พบว่าภาวะที่เหมาะสมสำหรับการผลิตถ่านกัมมันต์จากจากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตแบบใสคือ กระตุ้นด้วยวิธีกระตุ้นทางกายภาพโดยใช้ไอน้ำที่อุณหภูมิ 900 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง ได้พื้นที่ผิว BET สูงสุด 1634.59 ตร.ม./กรัม และปริมาตรรูพรุนรวม 1.0434 ลบ.ซม./กรัม และภาวะที่เหมาะสมสำหรับการผลิตถ่านกัมมันต์จากจากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตแบบมีสีคือ กระตุ้นด้วยวิธีกระตุ้นทางกายภาพโดยใช้ไอน้ำเช่นกัน ที่อุณหภูมิ 1,000 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมง ได้พื้นที่ผิว BET สูงสุด 576.42 ตร.ม./กรัม และปริมาตรรูพรุนรวม 0.3093 ลบ.ซม./กรัม พบว่าอัตราส่วนโดยมวลของโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ต่อถ่าน อุณหภูมิและเวลาที่ใช้ในการกระตุ้น ส่งผลต่อร้อยละผลได้ของผลิตภัณฑ์และการพัฒนารูพรุนของถ่านกัมมันต์


ประสิทธิภาพของเซลล์สุริยะชนิดเพอรอฟสไกต์ที่เพิ่มขึ้นจากการเจือโบรอนในชั้นส่งผ่านอิเล็กตรอน, ณัฐพล ลิขิตธนานันท์ Jan 2020

ประสิทธิภาพของเซลล์สุริยะชนิดเพอรอฟสไกต์ที่เพิ่มขึ้นจากการเจือโบรอนในชั้นส่งผ่านอิเล็กตรอน, ณัฐพล ลิขิตธนานันท์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

เซลล์สุริยะชนิดเพอรอฟสไกต์มีค่าประสิทธิภาพการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าที่สูง แต่ค่าประสิทธิภาพของเซลล์สุริยะชนิดเพอรอฟสไกต์นั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมี และโครงสร้างในแต่ละชั้น ซึ่งจำเป็นต้องถูกปรับปรุงและหาเงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุด หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าประสิทธิภาพโดยรวมของเซลล์คือ จุดตำหนิในโครงสร้างของสารไทเทเนียมไดออกไซด์ซึ่งถูกใช้ทำเป็นชั้นส่งผ่านอิเล็กตรอนในเซลล์สุริยะชนิดเพอรอฟสไกต์ โดยจะส่งผลให้เกิดปัญหาในการเกิดการรวมกันของคู่พาหะอิเล็กตรอน-หลุมอิเล็กตรอน ในงานวิจัยฉบับนี้จึงสนใจที่จะปรับปรุงชั้นไทเทเนียมไดออกไซด์ด้วยการเจือโบรอนที่ความเข้มข้นร้อยละ 1-5 ด้วยวิธีโซล-เจล และการทำไฮโดรเทอร์มอล ค่าแถบช่องว่างพลังงานได้ถูกศึกษาด้วยเทคนิคการดูดกลืนรังสียูวี พบว่าค่าแถบช่องว่างพลังงานจะมีค่าสูงขึ้นจาก 3.2 3.35 3.4 3.5 3.52 และ 3.55 อิเล็กตรอนโวลต์ตามลำดับ นอกจากนี้ปริมาณอิเล็กตรอนอิสระในโครงสร้างของไทเทเนียมไดออกไซด์ถูกศึกษาด้วยเทคนิคเหนี่ยวนำอิเล็กตรอนอิสระด้วยสนามแม่เหล็ก พบว่าการเจือโบรอนที่ร้อยละ 1 และ 2 สามารถลดปริมาณความเข้มข้นของจุดตำหนิได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของค่าการนำไฟฟ้าที่วิเคราะห์ด้วยเทคนิคความสัมพันธ์ของแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ค่าอิมพีแดนซ์สำหรับการส่งผ่านพาหะ และค่าอิมพีแดนซ์ต่อต้านการรวมกันของพาหะถูกวิเคราะห์ด้วยเทคนิคอิมพีแดนซ์สเปกโตรสโกปีเชิงเคมีไฟฟ้า พบว่ามีค่าลดลงและเพิ่มขึ้นตามลำดับสำหรับการเจือโบรอนที่ร้อยละ 1 และ 2 ค่าประสิทธิภาพของเซลล์สุริยะและค่าตัวแปรทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกศึกษาด้วยเทคนิคความสัมพันธ์ระหว่างกระเส-แรงดันซึ่งพบว่าการเจือโบรอนที่ร้อยละ 2 ให้ค่าประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าสูงสุดถึงร้อยละ 15.55 และมีค่าความต่างศักย์เมื่อวงจรเปิด 1.07 โวลต์ ค่าความหนาแน่นกระแสลัดวงจร 23.7 มิลลิแอมป์ต่อตารางเซนติเมตร และค่าฟิลแฟคเตอร์เท่ากับร้อยละ 61.4


Chinese Consumer's Behavior On Heytea's Co-Branding Campaign, Rui Pu Jan 2020

Chinese Consumer's Behavior On Heytea's Co-Branding Campaign, Rui Pu

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The objective of this research was to study Chinese consumer behaviors on Heytea's co-branding campaigns (i.e., Dove, Kiehl's, and Fenty Beauty). Based on the quantitative research approach, two hundred and six Heytea's current millennial consumers, aged between 20 and 40 years old in China, who had purchased Heytea's products in the past six months, were asked to complete online questionnaires, to study their perception, attitude, and behavioral intention. The findings illustrated that most respondents had favorable perceptions on Heytea. For co-branding campaigns, most respondents felt Kiehl's and Fenty Beauty had more distinctive brand identity than Dove, resulting in less positive …


Relationship Between Personal Factors And Consumer's Attitudes And Behavioral Intentions On The Uses Of K Plus Mobile Banking Service, Pitchaya Hautavanija Limsakul Jan 2020

Relationship Between Personal Factors And Consumer's Attitudes And Behavioral Intentions On The Uses Of K Plus Mobile Banking Service, Pitchaya Hautavanija Limsakul

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The objective of this research was to study the relationship between personal factors and consumer’s attitude and behavioral intentions on the uses of K Plus mobile banking service. Two hundred and sixty-three Generation Y respondents, aged between 25 and 35 years old who are K Plus mobile banking users for the past six months, and used the service for more than 3 times per month, and living in Bangkok and vicinity were samples of the online survey. The findings revealed that personal factors, that is, performance expectancy, effort expectancy, social influence, facilitating conditions, trust, and perceived risk are important determinants …


การประเมินผลระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่แบบวีอาร์เอฟภายหลังการติดตั้งสำหรับการรักษาเสถียรภาพและลดค่าไฟฟ้า : กรณีศึกษาโรงพยาบาลทั่วไป, ธีระศักดิ์ วาทโยธา Jan 2020

การประเมินผลระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่แบบวีอาร์เอฟภายหลังการติดตั้งสำหรับการรักษาเสถียรภาพและลดค่าไฟฟ้า : กรณีศึกษาโรงพยาบาลทั่วไป, ธีระศักดิ์ วาทโยธา

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

โดยทั่วไปการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์และแบตเตอรี่เพื่อสำรองไฟฟ้านั้น มักจะมีการประเมินโครงการก่อนการติดตั้งเสมอ ในส่วนของงานศึกษานี้จะเป็นการประเมินผลการทำงานที่เกิดขึ้นภายหลังการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาของโรงพยาบาล เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าและการนำแบตเตอรี่ Vanadium Redox Flow (VRF) มาใช้ในการรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ซึ่งโรงพยาบาลที่ศึกษาตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูง อยู่ในพื้นที่ปลายระบบสายส่งจึงมีเหตุการณ์ไฟตกไฟดับบ่อย รวมทั้งมีภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าที่สูง โรงพยาบาลจึงได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าและนำแบตเตอรี่มาใช้กักเก็บพลังงานเพื่อสำรองในยามฉุกเฉินกรณีการเกิดไฟตกไฟดับ โดยแบตเตอรี่จะจ่ายไฟในส่วนที่สำคัญคือ ห้องฉุกเฉิน ห้อง Lab ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ในการศึกษาจะทำการจัดเก็บข้อมูลจากระบบตรวจวัดและบริหารจัดการพลังงานภายในอาคารของโรงพยาบาลผ่านระบบออนไลน์ ได้แก่ ข้อมูลผลการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ความเข้มแสงอาทิตย์ สถานะการทำงานของแบตเตอรี่ และปริมาณการใช้ไฟฟ้าของโรงพยาบาล ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2561 ถึงเดือน เมษายน 2562 จากการศึกษาพบว่า ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 175,255.1 kWh/ปี สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าที่อัตราค่าไฟเฉลี่ยที่ 4.04 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 708,030 บาท คิดเป็นผลประหยัดพลังงานเทียบเท่าพันตันน้ำมันดิบได้เท่ากับ 0.0151 (ktoe/ปี) ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าของโรงพยาบาลได้ประมาณ 56.2% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าว และระบบกักเก็บพลังงานของแบตเตอรี่มีวงรอบการชาร์จและดิสชาร์จทั้งหมด 115 ครั้ง ซึ่งหมายถึงมีเหตุการณ์ไฟตกไฟดับจำนวน 115 ครั้ง โดยแบตเตอรี่จะทำงานอย่างต่อเนื่องทันทีโดยไม่รู้สึกว่าเกิดไฟตกหรือไฟดับ สามารถช่วยรักษาเสถียรภาพทางไฟฟ้าให้เกิดความมั่นคงทางไฟฟ้า ในห้องที่มีความสำคัญ ในกรณีไฟตกไฟดับ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ยาหรือวัคซีน รวมทั้งการรักษาในกรณีฉุกเฉินได้อย่างต่อเนื่อง


Forecasting The Thailand Housing Price Indexa Case Study On Condo Hpi During The Covid-19, Pengfei Chen Jan 2020

Forecasting The Thailand Housing Price Indexa Case Study On Condo Hpi During The Covid-19, Pengfei Chen

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

HPI (house price index) measures the price development of houses sold to households. And it measures the price as a percentage change from some specific start date, which is treated as the benchmark with the index at 100. In another word, HPI reflects the housing market fluctuation in some respects. Moreover, real estate is a good type of investment for people for avoiding various risks. Hence, under the global rampant of COVID-19, forecasting the possible short-term floating of HPI would offer some foresight to the residential market both on individual and policy sides. In this paper, five kinds of models …


การศึกษามาตรการสากลในการควบคุมการทิ้งขยะพลาสติกทางน้ำของประเทศไทยผ่านหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย, ปิยวัฒน์ วิริยะนันทวงศ์ Jan 2020

การศึกษามาตรการสากลในการควบคุมการทิ้งขยะพลาสติกทางน้ำของประเทศไทยผ่านหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย, ปิยวัฒน์ วิริยะนันทวงศ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

สารนิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการนำเอามาตรการสากลในการควบคุมการทิ้งขยะพลาสติกทางน้ำมาใช้ในประเทศไทยโดยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ และเสนอแนะในการนำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา รวมทั้งแนวทางการปรับปรุงและการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการทิ้งขยะพลาสติกทางน้ำในประเทศไทย โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ การศึกษาวิจัยเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึก จากการศึกษาพบว่า ประเทศไทยมีการนำเอามาตรการสากลในการควบคุมการทิ้งขยะพลาสติกทางน้ำมาใช้หลายอย่าง แต่เป็นการกำหนดขอบเขตอย่างกว้าง ไม่มีการระบุรายละเอียดในการควบคุมการทิ้งขยะพลาสติกทางน้ำอย่างชัดเจน มีเพียงแนวทางเพื่อการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเลจากกิจกรรมบนบก ค.ศ.1995 (GPA) ที่ได้ระบุถึงเรื่องการควบคุมการทิ้งขยะพลาสติกทางน้ำไว้ โดยประเทศไทยได้มีมาตรการที่เกี่ยวข้องอยู่ในรูปแบบของค่าปรับในการไม่ปฏิบัติตาม แต่ยังมีปัญหาในการปฏิบัติของทางเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้ เนื่องจากคนที่ลักลอบทิ้งขยะพลาสติกอาจใช้วิธีการเลี่ยงไม่ให้มองเห็นได้อย่างง่าย ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีการจัดประชุมโดยมีการระดมความคิดจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อผลักดันการนำมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ผ่านหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายมาบังคับใช้ ซึ่งเป็นเพียงการพูดคุยกันแต่ยังไม่มีการนำมาปฏิบัติให้เห็นผล โดยปริมาณขยะพลาสติกยังไม่ลดลงเหมือนในต่างประเทศ จึงไม่เป็นแนวทางในการแก้ป้ญหาและแนวทางการปรับปรุงและการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการทิ้งขยะพลาสติกทางน้ำในประเทศไทย


การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในจีน, ปภินวิช ปวินท์วรกุล Jan 2020

การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในจีน, ปภินวิช ปวินท์วรกุล

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของจีนในศตวรรษที่ 21 ส่งผลให้จีนกลายเป็นผู้ปล่อยมลพิษมากที่สุดในโลก หลายประเทศมีข้อกังวลเรื่องการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมของจีนและเรียกร้องให้จีนหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากจีนจะรักษาบทบาทในฐานะมหาอำนาจของโลกในยุคปัจจุบัน จีนจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบต่อประชาคมโลกขณะที่ผลจากการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศทำให้จีนเผชิญปัญหามลพิษทางอากาศที่เลวร้ายส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบด้านสุขภาพอย่างรุนแรง ดังนั้น งานวิจัยครั้งนี้ได้ทำการศึกษาการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมและการใช้มาตรการทางนโยบายสาธารณะ โดยวิเคราะห์ว่าผู้นำจีนให้ความสำคัญในการออกกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและนำไปสู่การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างไร การศึกษาครั้งนี้ จะมุ่งเน้นศึกษาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในจีน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) อธิบายแนวทางการจัดการปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศจีน 2) วิเคราะห์กระบวนการการออกฎหมายและการบังคับใช้ในการจัดการปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศจีน และ 3) ประเมินผลสำเร็จของการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในจีนในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ผลการศึกษาพบว่าจีนมีความพยายามในการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในประเทศเพื่อรักษาความชอบธรรมของการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ที่เป็นอำนาจการผูกขาดในบริหารประเทศ จากนโยบาย Green China ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยมีการออกกฎหมายและมาตรการในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ และมีการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการจัดการขยะอย่างจริงจังทำให้ปริมาณขยะภายในประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมของจีนในต่างประเทศยังไม่มีการความร่วมมืออย่างจริงจัง และการห้ามนำเข้าขยะของจีนส่งผลให้ขยะเหล่านั้นถูกส่งมายังประเทศในอาเซียนแทนทำให้การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในบริบทระหว่างประเทศของจีนยังถือว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน