Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Digital Commons Network

Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Physical Sciences and Mathematics

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Theses/Dissertations

2020

Articles 1 - 30 of 181

Full-Text Articles in Entire DC Network

การประยุกต์ใช้ถ่านชีวภาพในการปลูกข้าวในพื้นที่เกษตรกรรมดินเค็ม, สิรภัทร ประเสริฐสุข Jan 2020

การประยุกต์ใช้ถ่านชีวภาพในการปลูกข้าวในพื้นที่เกษตรกรรมดินเค็ม, สิรภัทร ประเสริฐสุข

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

จังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่วิกฤตดินเค็มของประเทศไทย โดยสาเหตุสำคัญของดินเค็มในพื้นที่เกิดจากสภาพทางธรณีวิทยา และมีแนวโน้มการแพร่กระจายพื้นที่ดินเค็มเพิ่มมากขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำเกษตรกรรม โดยทำให้การเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชลดลงอย่างมาก และบางพื้นที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ งานวิจัยนี้จึงมุ่งปรับปรุงดินเค็มด้วยถ่านชีวภาพแกลบเพื่อให้สามารถเพาะปลูกข้าวได้ โดยทำการทดลองปลูกข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในดินเค็มโซดิกที่มี pH เท่ากับ 10.6 ปริมาณโซเดียมทั้งหมดเท่ากับ 0.83 % ค่าการนำไฟฟ้าเท่ากับ 68.6 dS/m และ SAR เท่ากับ 11,707 และจำกัดปัญหาการระเหยของเกลือจากน้ำใต้ดินขึ้นมาสู่ผิวดินโดยทำการปลูกข้าว ในวงบ่อซีเมนต์ปิดก้นบ่อ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ถ่านชีวภาพแกลบสามารถปรับปรุงดินเค็มโซดิกได้ โดยสามารถลดความเค็มของดินได้ภายในรอบการปลูกข้าว (120 วัน) ซึ่งพบว่า การนำไฟฟ้า ปริมาณโซเดียม และค่า SAR ของดินมีค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นการใส่ถ่านชีวภาพยังช่วยเพิ่มปริมาณธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ทั้งไนโตรเจน แคลเซียม และแมกนีเซียมได้ โดยเฉพาะการใส่ถ่านชีวภาพแกลบในอัตรา 1.5 กิโลกรัมต่อวงบ่อซีเมนต์ร่วมกับปุ๋ยคอกในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อวงบ่อซีเมนต์ (ตำรับการทดลองที่ 3) มีค่าการนำไฟฟ้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (13.33 dS/m) เช่นเดียวกับปริมาณโซเดียมทั้งหมด (0.18 %) และค่า SAR (4,602) ของดินในตำรับการทดลองที่ 3 ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังให้ผลการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อทำการปลูกข้าวรอบที่ 2 และรอบที่ 3 พบว่า ถ่านชีวภาพแกลบสามารถปรับปรุงคุณภาพดินให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ผลการศึกษายังพบว่า ตำรับการทดลองที่ใส่ถ่านชีวภาพ ให้ผลผลิตของข้าวในรอบการปลูกข้าวที่ 3 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (202.77-492.77 กรัม) จากรอบการปลูกที่ 1 อีกด้วย ในขณะที่ ตำรับการทดลองที่ไม่ใส่ถ่านชีวภาพ ให้ผลการเจริญเติบโตข้าวที่ดีในรอบการปลูกที่ 1 (15.55 กรัม) แต่ให้ผลการเจริญเติบโตต่ำที่สุดในรอบการปลูกที่ 3 (7.30 กรัม) ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้จึงสรุปได้ว่า การใส่ถ่านชีวภาพร่วมกับปุ๋ยคอกสามารถลดความเค็มในดินได้ดีกว่าการใส่ปุ๋ยคอกเพียงอย่างเดียว โดยการใส่ถ่านชีวภาพแกลบในอัตรา 1.5 และ 2 กิโลกรัมต่อวงบ่อซีเมนต์ เป็นอัตราการใส่ถ่านชีวภาพที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในดินเค็มโซดิกในวงบ่อซีเมนต์ เนื่องจากสามารถปรับปรุงดินเค็มโซดิกให้มีสมบัติที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ส่งผลให้การเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวดีที่สุด


การเรียนรู้ถ่ายโอนสำหรับการจำแนกประเภทภาพเนื้อลายหินอ่อนเทียมด้วยโครงข่ายประสาทคอนโวลูชัน, เกรซ พานิชกรณ์ Jan 2020

การเรียนรู้ถ่ายโอนสำหรับการจำแนกประเภทภาพเนื้อลายหินอ่อนเทียมด้วยโครงข่ายประสาทคอนโวลูชัน, เกรซ พานิชกรณ์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ในปัจจุบัน เทคนิคการประมวลผลภาพถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม หนึ่งในนั้นคือการควบคุมคุณภาพที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ขณะเดียวกัน หนึ่งในปัญหาที่การเรียนรู้เชิงลึกสามารถนำมาใช้ตอบโจทย์ได้ดีเยี่ยมคือปัญหาการจำแนกรูปภาพ ในมุมมองของการเรียนรู้เชิงลึก ปัญหาที่หลากหลายของการจำแนกประเภทภาพสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วผ่านการเรียนรู้ถ่ายโอน งานวิจัยนี้จึงนำเสนอวิธีการประยุกต์ใช้เทคนิคการเรียนรู้ถ่ายโอนในการฝึกสอนแบบจำลองโครงข่ายคอนโวลูชันเชิงลึกเพื่อจำแนกภาพเนื้อลายหินอ่อนเทียมหรือเป็นเนื้อลายหินอ่อนแท้ แบบจำลองที่เทรนมาเรียบร้อยแล้วสามแบบจำลอง ประกอบด้วย วีจีจี16 เรสเน็ต50 และ อินเซปชันวี3 ได้ถูกเลือกมาใช้ในการทดลองเพื่อสร้างแบบจำลองทั้งหมด 4 ตัว ประกอบด้วย ซีเอ็นเอ็นปกติ ซีเอ็นเอ็น+วีจีจี16 ซีเอ็นเอ็น+เรสเน็ต50 และ ซีเอ็นเอ็น+อินเซปชันวี3 พบว่า สมรรถนะแบบจำลองซีเอ็นเอ็น+อินเซปชันวี3 ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จึงถูกเลือกนำไปปรับละเอียด การประเมินผลบนชุดข้อมูลทดสอบของแบบจำลองซีเอ็นเอ็น+อินเซปชันวี3ภายหลังการปรับแต่งให้ผลลัพธ์ค่าความแม่นยำที่ดีที่สุดคือ 96.7% เห็นได้ว่า แนวทางการจำแนกประเภทภาพที่นำเสนอมีความหวังสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อในการตรวจสอบเนื้อลายหินอ่อนเทียมที่อาจตั้งราคาสูงเกินจริง อันเป็นผลมาจากการฉีดไขมันให้มีลายมากมายสวยงาม ซึ่งจะทำให้เนื้อมีรสชาติดีขึ้นรวมทั้งสามารถตั้งราคาที่สูงขึ้นได้อีกด้วย


การประเมินความยั่งยืนตลอดวัฏจักรชีวิตและประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก, ณัฐพงษ์ วิชัยอัชชะ Jan 2020

การประเมินความยั่งยืนตลอดวัฏจักรชีวิตและประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก, ณัฐพงษ์ วิชัยอัชชะ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การประเมินความยั่งยืนตลอดวัฏจักรชีวิตและการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก กรณีศึกษาคือการผลิตเม็ดพลาสติกความหนาแน่นสูงและเม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำ โดยศึกษาในด้านความยั่งยืนทั้งสามด้านได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อมใช้เครื่องมือการประเมินผลกระทบตลอดวัฏจักรชีวิต ด้านเศรษฐกิจใช้เครื่องมือการประเมินต้นทุนตลอดวัฏจักรชีวิต และด้านสังคมใช้การประเมินผลกระทบทางสังคม โดยนำผลการศึกษาไปประยุกต์ใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกความหนาแน่นสูง และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำ นอกจากนี้ยังนำไปประยุกต์ใช้เพื่อประเมินความยั่งยืนตลอดวัฏจักรชีวิตด้วยวิธีระเบียบวิธีที่ช่วยในการสร้างการตัดสินใจกับการประเมินหลายส่วน (Multi-Criteria Decision Analysis) และการทำการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสีย(Actor Network Analysis) เพื่อวิเคราะห์การดำเนินการด้านความยั่งยืนของกรณีศึกษาผลการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมพบว่า ผลกระทบด้านการใช้พลังงานที่ใช้แล้วหมดไป มีสัดส่วนผลกระทบมากที่สุดอย่างมีนัยสำคัญประมาณร้อยละ 50 เพราะเนื่องจากการผลิตเม็ดพลาสติกนั้นใช้วัตถุดิบจากแนฟทาและก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบตั้งต้น โดยกิจกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมมากที่สุดคือการได้มาของวัตถุดิบโดยสัดส่วนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูงถึงรอยละ 93-99 จากกิจกรรมทั้งหมดในการดำเนินการผลิตโดยมีค่าผลกระทบที่ใกล้เคียงกันทั้งการผลิตเม็ดพลาสติกทั้งสองชนิด ผลการประเมินด้านเศรษฐกิจ การศึกษาต้นทุนพบว่าต้นทุนที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากต้นทุนในการดำเนินระบบร้อยละ 80 และต้นทุนด้านการบำรุงรักษาร้อยละ 20 โดยต้นทุนของเม็ดพลาสติกความหนาแน่นสูงจะสูงกว่าต้นทุนของเม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำอยู่เล็กน้อย ผลการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ ระหว่างเม็ดพลาสติกความหนาแน่นสูงและเม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำพบว่า ค่าประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจของเม็ดพลาสติกความหนาแน่นสูงจะมีค่า 5.55 ดีกว่าเม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำคือ 4.8 อยู่เล็กน้อย ผลการประเมินผลกระทบทางด้านสังคมพบว่า กรณีศึกษาได้ดำเนินการได้ครบถ้วนตามตัวชี้วัดที่ทำการศึกษาทั้งหมด 13ตัวชี้วัดทางด้านสังคม โดยครอบคลุมกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคือ คนงาน ผู้บริโภค สังคม และชุมชนท้องถิ่น และผลความถึงพอใจจากการดำเนินการพบว่า คนงานมีความพึงพอใจในระดับสูงสุดในระดับพึงพอใจมาก ส่วนกลุ่มอื่นๆอยู่ในระดับดี การวิเคราะห์ผู้มีสวนได้ส่วนได้ส่วนเสียต่อการดำเนินการของบริษัท ในด้านนโยบาย สังคม และเศรษฐกิจ พบว่า การดำเนินการกรณีศึกษาต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้เป็นลำดับแรกและมีการยกระดับตามมาตรฐานและข้อตกลงในระดับสากลอย่างต่อเนื่องโดยข้อจำกัดในการการค้าภายในประเทศไม่พบปัญหาจากการดำเนินการแต่สำหรับการค้ากับต่างประเทศมีการเรียกร้องการปฏิบัติตามมาตรฐานเพื่อลดข้อจำกัดและอุปสรรคทางการค้ากับต่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรงงานดำเนินการยกระดับมาตรฐานการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การประเมินความยั่งยืนนั้นจำเป็นต้องทำการเปรียบเทียบเพื่อดูผลิตภัณฑ์ว่ามีความยั่งยืนมากเพียงใดตามตัวชี้วัด ผู้วิจัยจึงนำผลการศึกษาของเม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำนำมาเปรียบเทียบแต่สิ่งที่เป็นข้อจำกัดคือผลกระทบทางด้านสังคมไม่สามารถทำการปันส่วนได้ในลักษณะเดียวกับผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและทางด้านต้นทุน ทำให้ผลกระทบทางสังคมของเม็ดพลาสติกทั้งสองชนิดมีค่าผลกระทบเท่ากัน โดยผลการประเมินความยั่งยืนพบว่าเม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำมีค่าความยั่งยืนที่มากกว่าหากประเมินด้วยวิธีที่ผู้วิจัยเลือกใช้


การผลิตไฮโดรเจนโดยไพโรไลซิสร่วมกับรีฟอร์มิงด้วยไอน้ำของพลาสติกและกลีเซอรอลโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา Ni/Al2o3, พัชรพร วิบูลย์วิมลรัตน์ Jan 2020

การผลิตไฮโดรเจนโดยไพโรไลซิสร่วมกับรีฟอร์มิงด้วยไอน้ำของพลาสติกและกลีเซอรอลโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา Ni/Al2o3, พัชรพร วิบูลย์วิมลรัตน์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการผลิตไฮโดรเจนโดยไพโรไลซิสร่วมกับรีฟอร์มิงด้วยไอน้ำของพลาสติกและกลีเซอรอลโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยานิกเกิล/อลูมินา การทดลองนี้ถูกดำเนินการในเครื่องปฏิกรณ์แบบเบดนิ่งชนิดสองขั้น ในส่วนแรกศึกษาผลของตัวเร่งปฏิกิริยานิกเกิล/อลูมินาที่ส่งผลต่อไพโรไลซิสร่วมกับรีฟอร์มิงด้วยไอน้ำในการผลิตไฮโดรเจน โดยเทียบกรณีไม่มีตัวเร่งปฏิกิริยานิกเกิล/อลูมินา จากผลการทดลองพบว่า การเติมตัวเร่งปฏิกิริยานิกเกิล/อลูมินา ส่งผลทำให้องค์ประกอบและผลได้ของไฮโดรเจนมีค่าสูงขึ้นอย่างชัดเจน และให้องค์ประกอบและผลได้ของมีเทนและคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ลดลง ส่วนที่สองศึกษาผลของอุณหภูมิรีฟอร์มิงที่ 700, 750 และ 800 องศาเซลเซียส โดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยานิกเกิล/อลูมินา ภายใต้สภาวะการดำเนินงานเดียวกัน สำหรับกรณีที่ป้อนกลีเซอรอลหรือพลาสติกเดี่ยว พบว่าผลได้ของแก๊สผลิตภัณฑ์รวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิรีฟอร์มิงที่สูงขึ้น และที่อุณหภูมิรีฟอร์มิง 750 องศาเซลเซียส มีผลได้ของไฮโดรเจนสูงสุดสำหรับกรณีที่ป้อนกลีเซอรอลร่วมกับชนิดของพลาสติกที่แตกต่างกัน จึงถือเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับกระบวนการไพโรไลซิสร่วมกับรีฟอร์มิงด้วยไอน้ำของพลาสติกและกลีเซอรอล และส่วนสุดท้ายศึกษาผลของการใช้พลาสติกที่แตกต่างกันสามชนิด ได้แก่ พอลิเอทิลีน, พอลิโพรพิลีนและพอลิสไตรีน จากผลการทดลองที่ได้พบว่าการผลิตไฮโดรเจนจากกลีเซอรอลร่วมกับพอลิเอทิลีนและกลีเซอรอลร่วมกับพอลิสไตรีนมีแนวโน้มที่สูงใกล้เคียงกัน


การสรุปใจความสำคัญของข้อความแบบสกัดสำหรับข่าวท่องเที่ยวภาษาไทย, ศรัญญา นาทองห่อ Jan 2020

การสรุปใจความสำคัญของข้อความแบบสกัดสำหรับข่าวท่องเที่ยวภาษาไทย, ศรัญญา นาทองห่อ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นอย่างมากและยังถือว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์มากมายโดยเฉพาะทางด้านการสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ เพื่อลดเวลาในการอ่านข่าวหรืออ่านบทความและข่าวออนไลน์ต่างๆ จากการวิจัยที่ผ่านมามีการศึกษาและพัฒนาการสรุปใจความสำคัญของภาษาไทยเป็นจำนวนมาก ในงานวิจัยนี้ได้นำเสนอวิธีการสรุปใจความสำคัญจากข่าวการท่องเที่ยวภาษาไทย 2 วิธีคือการเลือกประโยคจากการจัดกลุ่มประโยคด้วยเคมีนและการเลือกประโยคด้วยวิธีหาคำสำคัญประโยคจากหัวข้อข่าว โดยมีการพัฒนาและสร้างคลังข้อมูลรายการคำประสมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดคำ โดยการทดลองนี้ใช้ข้อมูลข่าวการท่องเที่ยวไทย ทั้งหมด 400 ข่าวสำหรับใช้ทดลองในการสรุปใจความสำคัญ และ 5,000 ข่าวสำหรับการสร้างคลังข้อมูลรายการคำประสม การวัดประสิทธิภาพของวิธีการที่นำเสนอ มีการวัดประสิทธิภาพการสรุปใจความสำคัญโดยการเปรียบเทียบผลจากการสรุปที่ได้จากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยเทียบกับผลสรุปที่ได้จากวิธีการที่นำเสนอ จากงานวิจัยนี้ในขั้นตอนการสร้างคำประสมได้คำประสมทั้งหมด จำนวน 2,340 คำ ผลการทดลองพบว่าวิธีตัดคำด้วยคัตคำร่วมกับตัดคำประสมได้ผลดีกว่าการตัดคำจากคัตคำเพียงอย่างเดียว และการสรุปใจความสำคัญโดยใช้การคำนวณค่าน้ำหนักของคำสำคัญโดยหาค่าความถี่ของคำจากหัวข้อข่าวเพียงอย่างเดียวและเลือกประโยคเรียงลำดับจากผลรวมความถี่ของคำสำคัญจากหัวข้อข่าวมีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงสุดโดยมีค่าความแม่นยำ ค่าความระลึกและค่าวัดประสิทธิภาพอยู่ที่ 0.8097 0.8367 และ 0.8216 ตามลำดับและเมื่อใช้คัตคำร่วมกับการตัดคำแบบเอ็นแกรมโดยวิธีการสรุปใจความสำคัญแบบเดียวกันได้ค่าความแม่นยำ ค่าความระลึกและค่าวัดประสิทธิภาพอยู่ที่ 0.8119 0.8398 และ 0.8242 ตามลำดับที่อัตราการบีบอัดร้อยละ 20


การพัฒนาตัวแบบรู้จำบุคลิกภาพจากเสียงสนทนาในบริบทของศูนย์ให้บริการข้อมูลลูกค้า, นคร ศรีณรงค์ Jan 2020

การพัฒนาตัวแบบรู้จำบุคลิกภาพจากเสียงสนทนาในบริบทของศูนย์ให้บริการข้อมูลลูกค้า, นคร ศรีณรงค์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าเป็นช่องทางสำคัญในการติดต่อระหว่างภาคธุรกิจและลูกค้า ตัวชี้วัดที่สำคัญของการทำงานของศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าคือความพึงพอใจของลูกค้า ข้อมูลหลักที่ได้จากศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าคือเสียงสนทนา ทำให้ผู้วิจัยสนใจที่จะศึกษาแนวทางในการสร้างตัวแบบรู้จำบุคลิกภาพจากเสียง ข้อมูลเสียงและเพศถูกเก็บจากหน่วยตัวอย่าง 92 คน พร้อมกับข้อมูลบุคลิกภาพโดยใช้แบบวัด MPI (Maudsley Personality Inventory) แบบวัดดังกล่าวแบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 2 ด้าน คือด้าน E-scale (Extraversion และ Introversion) และ N-scale (Neuroticism และ Stability) ซึ่งนำมาใช้ในการพัฒนาตัวแบบจำแนกบุคลิกภาพทั้งสองด้าน เทคนิคที่ใช้ในการพัฒนาตัวแบบประกอบด้วย Logistic regression, SVM, Random forest และ Artificial neural network โดยพบว่าตัวแบบที่พัฒนาด้วยเทคนิค Artificial neural network มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรู้จำ E-scale โดยมีค่า Positive predictive value (ค่าวัดประสิทธิภาพของ Introversion) เท่ากับ 0.71 และค่า Negative predictive value (ประสิทธิภาพของ Extraversion) เท่ากับ 0.75 ในส่วนของ N-scale ไม่พบตัวแบบที่พัฒนาด้วยเทคนิคใดมีประสิทธิภาพเพียงพอ ในการศึกษาครั้งนี้พบว่าบุคลิกภาพ Extraversion และ Introversion ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์กับงานภาคธุรกิจ สามารถรู้จำจากเสียงสนทนาในบริบทศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า โดยสามารถนำไปใช้มอบหมายพนักงานที่มีบุคลิกภาพเหมือนกับลูกค้าเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในการติดต่อสื่อสาร ภาคธุรกิจยังสามารถนำข้อมูลบุคลิกภาพเหล่านี้ไปใช้ต่อยอดในการแนะนำผลิตภัณฑ์ หรือโฆษณา ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน


การเตรียมถ่านกัมมันต์จากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตที่ใช้แล้ว, ซุ ฮุ่ย คอ Jan 2020

การเตรียมถ่านกัมมันต์จากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตที่ใช้แล้ว, ซุ ฮุ่ย คอ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ขยะพลาสติกกลายเป็นปัญหาระดับโลก เทคโนโลยีในการรีไซเคิลและปรับคุณภาพขยะพลาสติกมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในงานวิจัยนี้ได้ศึกษาการเตรียมถ่านกัมมันต์จากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตแบบใสและแบบมีสีที่ใช้แล้วด้วยวิธีการกระตุ้นทางเคมีและทางกายภาพ ซึ่งสารเคมีที่ใช้ในการกระตุ้นทางเคมี คือ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) ด้วยวิธีการทำให้อิ่มตัวด้วยอัตราส่วนโดยมวลระหว่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ต่อคาร์บอน 2 ถึง 4 อุณหภูมิกระตุ้น 700 ถึง 900 องศาเซลเซียส และเวลากระตุ้น 1 ถึง 2.5 ชั่วโมง และใช้ไอน้ำเป็นสารกระตุ้นในการกระตุ้นทางกายภาพ อุณหภูมิกระตุ้น 800 ถึง 1,000 องศาเซลเซียส และเวลากระตุ้น 1 ถึง 4 ชั่วโมง พบว่าภาวะที่เหมาะสมสำหรับการผลิตถ่านกัมมันต์จากจากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตแบบใสคือ กระตุ้นด้วยวิธีกระตุ้นทางกายภาพโดยใช้ไอน้ำที่อุณหภูมิ 900 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง ได้พื้นที่ผิว BET สูงสุด 1634.59 ตร.ม./กรัม และปริมาตรรูพรุนรวม 1.0434 ลบ.ซม./กรัม และภาวะที่เหมาะสมสำหรับการผลิตถ่านกัมมันต์จากจากขวดพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตแบบมีสีคือ กระตุ้นด้วยวิธีกระตุ้นทางกายภาพโดยใช้ไอน้ำเช่นกัน ที่อุณหภูมิ 1,000 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมง ได้พื้นที่ผิว BET สูงสุด 576.42 ตร.ม./กรัม และปริมาตรรูพรุนรวม 0.3093 ลบ.ซม./กรัม พบว่าอัตราส่วนโดยมวลของโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ต่อถ่าน อุณหภูมิและเวลาที่ใช้ในการกระตุ้น ส่งผลต่อร้อยละผลได้ของผลิตภัณฑ์และการพัฒนารูพรุนของถ่านกัมมันต์


แพลเลเดียมรองรับด้วยวัสดุไฮบริด Wo3/C สำหรับเอทานอลอิเล็กโทรออกซิเดชัน, อติรัตน์ ศรีเพชรภูมิ Jan 2020

แพลเลเดียมรองรับด้วยวัสดุไฮบริด Wo3/C สำหรับเอทานอลอิเล็กโทรออกซิเดชัน, อติรัตน์ ศรีเพชรภูมิ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของเอทานอลในเซลล์เชื้อเพลิงเอทานอลโดยตรงถือเป็นปัญหาสำคัญในเซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้เนื่องจากการแตกพันธะระหว่างคาร์บอนกับคาร์บอนนั้นทำได้ยากทำให้ปฏิกิริยาออกซิเดชันเกิดแบบไม่สมบูรณ์ ตัวเร่งปฏิกิริยาจึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของเอทานอลในงานวิจัยนี้ได้นำทังสเตนออกไซด์คาร์บอนไฮบริดมาใช้เป็นตัวรองรับสำหรับตัวเร่งปฏิกิริยาแพลเลเดียมซึ่งทังสเตนออกไซด์สามารถทำหน้าที่ได้ทั้งเป็นตัวรองรับและทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาร่วมให้กับตัวเร่งปฏิกิริยาแพลเลเดียม ปริมาณทังสเตนออกไซด์ที่ใช้ศึกษาคือร้อยละ 10 ถึง 50 โดยน้ำหนัก โดยเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยาแพลเลเดียม (Pd) ร้อยละ 20 โดยน้ำหนักบนตัวรองรับคาร์บอน (C) และทังสเตนออกไซด์คาร์บอนไฮบริด (WO3/C) จากผลการทดลองพบว่าตัวเร่งปฏิกิริยา Pd-WO3/C (ปริมาณทังสเตนออกไซด์ร้อยละ 10 ถึง 50 โดยน้ำหนัก) มีพื้นที่ผิวในการเกิดปฏิกิริยาได้มากกว่าตัวเร่งปฏิกิริยา Pd/C เนื่องจากขนาดอนุภาคของแพลเลเดียมที่เล็กและมีการกระจายตัวดีเมื่ออยู่บนตัวรองรับทังสเตนออกไซด์คาร์บอนไฮบริด เมื่อทดสอบกัมมันตภาพของตัวเร่งปฏิกิริยา Pd/C และ Pd-WO3/C สำหรับปฏิกิริยาออกซิเดชันของเอทานอลด้วยเทคนิคไซคลิกโวลแทมเมทรี (Cyclic Voltammetry, CV) พบว่าตัวเร่งปฏิกิริยา Pd-40%WO3/C ให้กัมมันตภาพในการเร่งปฏิกิริยาสูงสุด ให้ค่าความหนาแน่นของกระแสไฟฟ้าเท่ากับ 118.12 มิลลิแอมป์ต่อตารางเซนติเมตร เมื่อทดสอบเสถียรภาพสำหรับปฏิกิริยาออกซิเดชันของเอทานอล พบว่าตัวเร่งปฏิกิริยา Pd-40%WO3/C มีเสถียรภาพมากกว่าตัวเร่งปฏิกิริยา Pd/C ซึ่งแสดงถึงการทนต่อความเป็นพิษของสารตัวกลางที่อยู่บนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาโดยผลิตภัณฑ์หลักที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของเอทานอล คืออะซีเตต (CH3COO-)


การเปรียบเทียบวิธีบูตสแตรปในการประมาณช่วงความเชื่อมั่นของค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเชิงเส้นที่มีมิติสูง, ภูวกร นิธิศนทีกุล Jan 2020

การเปรียบเทียบวิธีบูตสแตรปในการประมาณช่วงความเชื่อมั่นของค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเชิงเส้นที่มีมิติสูง, ภูวกร นิธิศนทีกุล

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบช่วงความเชื่อมั่นสำหรับค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยโดยแนวทางบูตสแตรปที่แตกต่างกัน (1) วิธีสุ่มตัวแปรตามและตัวแปรอิสระ (2) วิธีสุ่มส่วนเหลือ และ (3) วิธีสุ่มค่าถ่วงน้ำหนัก ผู้วิจัยได้จำลองชุดข้อมูลขนาดมิติต่ำและมิติสูงขึ้น และ นำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วยวิธีบูตสแตปที่แตกต่างกัน 3 วิธี โดยการวัดค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์ช่วงความเชื่อมั่นที่ครอบคลุมค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยค่าจริง ค่าเฉลี่ยความกว้าง ค่าเฉลี่ยอัตราผลบวกเทียม และค่าเฉลี่ยอัตราผลลบเทียม ระหว่าง 1,000 ข้อมูล การวิเคราะห์ของเราพบว่าบูตสแตรปที่ใช้สุ่มตัวแปรตามและตัวแปรอิสระดีที่สุดในแง่ของทั้งค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์ช่วงความเชื่อมั่นที่ครอบคลุมค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยค่าจริงและค่าเฉลี่ยอัตราผลบวกเทียม บูตสแตรปที่ใช้สุ่มส่วนเหลือดีที่สุดในแง่ของค่าเฉลี่ยความกว้าง และบูตสแตรปที่ใช้สุ่มค่าถ่วงน้ำหนักดีที่สุดในแง่ของค่าเฉลี่ยอัตราผลลบเทียม


ตัวเร่งปฏิกิริยา Ni-Mo แบบไม่มีตัวรองรับและมีตัวรองรับสำหรับไฮโดรทรีตติงของน้ำมันปาล์มเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ : สมรรถนะและการนำมาใช้ซ้ำ, พจวรรณ เอี่ยมศิริ Jan 2020

ตัวเร่งปฏิกิริยา Ni-Mo แบบไม่มีตัวรองรับและมีตัวรองรับสำหรับไฮโดรทรีตติงของน้ำมันปาล์มเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ : สมรรถนะและการนำมาใช้ซ้ำ, พจวรรณ เอี่ยมศิริ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาไฮโดรทรีตติงของน้ำมันปาล์มบนตัวเร่งปฏิกิริยานิกเกิลโมลิบดีนัมแบบไม่มีตัวรองรับและมีตัวรองรับ ตัวแปรที่ศึกษาคือ ชนิดของตัวเร่งปฏิกิริยา ความเข้มข้นของสารตั้งต้น และระยะเวลาในการทำปฏิกิริยา จากการทดลองพบว่า ผลิตภัณฑ์หลักคือ สารประกอบนอร์มัลแอลเคน n-C14, n-C15, n-C16, n-C17 และ n-C18 การเพิ่มความเข้มข้นของสารตั้งต้นส่งผลให้ปฏิกิริยาไปทางดีคาร์บอกซิเลชันและดีคาร์บอนิลเลชัน การเพิ่มเวลาส่งผลให้ปฏิกิริยาไปทางไฮโดรดีออกซิจิเนชันมากกว่าดีคาร์บอกซิเลชันและดีคาร์บอนิลเลชัน ตัวเร่งปฏิกิริยานิกเกิลโมลิบดีนัมแบบไม่มีตัวรองรับ (0.2-NiMoS2) ซึ่งเตรียมจากการสลายตัวด้วยความร้อนมีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม คือ อุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียส ความดันไฮโดรเจนเริ่มต้น 40 บาร์ เวลา 3 ชั่วโมง ความเข้มข้นของสารตั้งต้นร้อยละ 10 โดยน้ำหนักของสารละลาย และอัตราส่วนของตัวเร่งปฏิกิริยาต่อสารตั้งต้นที่ 0.1 (w/w) ให้ร้อยละผลได้ของ แอลเคนทั้งหมด (n-C14-C18) สูงสุดที่ 67.0 โดยน้ำหนัก ในส่วนของตัวเร่งปฏิกิริยานิกเกิลโมลิบดีนัมแบบมีตัวรองรับแกมมาอะลูมินา (NiMoS2/Al2O3) ที่เตรียมจากการสลายตัวด้วยความร้อน; (H-NiMoS2/Al2O3) ที่ปริมาณ Al2O3 ร้อยละ 20 มี HDO แอกทีวิตีดี ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม คือ อุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียส ความดันไฮโดรเจนเริ่มต้น 50 บาร์ เวลา 3 ชั่วโมง ความเข้มข้นของสารตั้งต้นร้อยละ 5 โดยน้ำหนักของสารละลาย และอัตราส่วนของตัวเร่งปฏิกิริยาต่อสารตั้งต้นที่ 0.15 (w/w) ให้ร้อยละผลได้ของแอลเคน C14-C18 ร้อยละ 55.4 สูงที่สุด นอกจากนี้ตัวเร่งปฏิกิยา 0.2-NiMoS2 และ H-NiMoS2/Al2O3-0.2 สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำในไฮโดรทรีตติงของน้ำมันปาล์มได้อย่างน้อย 3 รอบ แสดงให้เห็นว่าตัวเร่งปฏิกิริยายังมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้นาน


การเพิ่มมูลค่าสีทาผนังอาคารโดยการปรับปรุงสมรรถนะในการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์, วรัญญา ขันติอุดม Jan 2020

การเพิ่มมูลค่าสีทาผนังอาคารโดยการปรับปรุงสมรรถนะในการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์, วรัญญา ขันติอุดม

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปัจจุบันปัญหาภาวะโลกร้อนยังคงเป็นวิกฤตสำคัญสำหรับนานาชาติ เนื่องจากการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจ ขนส่ง และอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการสะสมของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์บนชั้นบรรยากาศในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับตัวดูดซับของแข็งบางชนิดสามารถทำปฏิกิริยากับคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้ภาวะบรรยากาศ จึงสามารถนำมาประยุกต์กับสีทาผนังรุ่นใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ ในงานวิจัยนี้จะทำการศึกษาการเพิ่มมูลค่าสีทาผนังอาคารโดยการปรับปรุงสมรรถะในการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ โดยจะสร้างอุปกรณ์ทดสอบการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ของสี และศึกษาความสามารถในการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ของสีเมื่อสัดส่วนตัวดูดซับ อัตราการไหลของแก๊ส ความชื้น และอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง จากผลการทดลองพบว่า เมื่อเพิ่มปริมาณสารดูดซับ ส่งผลให้ค่าความสามารถในการดูดซับของสีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีปริมาณสารตั้งต้นเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามค่าความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในสีจะถูกจำกัดด้วยสมบัติบางประการของสี เช่น ความเงา เป็นต้น ในการทดสอบที่ภาวะต่าง ๆ พบว่า ความสามารถในการดูดซับจะแปรผันตรงกับอัตราการไหลของแก๊สและความชื้น แต่จะแปรผกผันกับอุณหภูมิ นอกจากนี้ ในการจำลองกระบวนการเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่เกิดขึ้นบนผนังที่มีการเคลือบด้วยสี โดยปรับให้แบบจำลองให้ค่าความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ใกล้เคียงกับค่าการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากห้องปฏิบัติการในช่วงเวลา 0 - 21 วินาที เนื่องจากปฏิกิริยาเคมีเป็นแบบคายความร้อน แบบจำลองแสดงให้เห็นถึงอุณหภูมิและการกระจายความร้อนที่เกิดขึ้นบนกระดาษจำลองและผลกระทบต่ออุณหภูมิเนื่องจากพฤติกรรมการไหลของแก๊ส


การวินิจฉัยโรคพาร์กินสันโดยใช้การเรียนรู้ของเครื่อง, หัสพล ธัมมิกรัตน์ Jan 2020

การวินิจฉัยโรคพาร์กินสันโดยใช้การเรียนรู้ของเครื่อง, หัสพล ธัมมิกรัตน์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

วิทยานิพนธ์นี้นำเสนอวิธีการวินิจฉัยโรคพาร์กินสันด้วยการใช้การเรียนรู้ของเครื่องสำหรับการตรวจพบโรคพาร์กินสันในระยะเริ่มต้น โดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมแบบวนซ้ำชนิดพิเศษ Long Short-Term Memory กับข้อมูลโรคพาร์กินสันที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยข้อมูลที่ใช้ประกอบไปด้วยข้อมูลจากเซ็นเซอร์และคีย์บอร์ดจากการเก็บข้อมูลจากผู้ร่วมทดสอบซึ่งมีทั้งกลุ่มควบคุมและผู้ป่วยจำนวนหนึ่งผ่านตัวควบคุมที่เก็บข้อมูลคีย์บอร์ดและเซ็นเซอร์ ซึ่งข้อมูลเซ็นเซอร์มีค่าตัวแปรความเร่งและมุม ข้อมูลคีย์บอร์ดคือการกดคีย์บอร์ดเป็นตัวอักษรพร้อมทั้งเวลาการกดคีย์บอร์ด การวิจัยนี้ทำเพื่อช่วยการวินิจฉัยแยกแยะระหว่างอาการสั่นหรือมีปัญหาทางการควบคุมการเครื่องไหวของผู้ป่วยโรคอื่นและผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน การวิจัยนี้ได้ใช้การเรียนรู้ของเครื่องเพื่อคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้นแทนการใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางโรคพาร์กินสันสำหรับแพทย์แผนกผู้ป่วยนอกในวินิจฉัยการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการใกล้เคียงอย่างการเคลื่อนไหว และความผิดปกติของระบบประสาทและสมอง ผลการวินิจฉัยพบว่าการเรียนรู้เครื่องสามารถตรวจพบการวินิจฉัยโรคพาร์กินสัน ได้ร้อยละความถูกต้องที่ 88.78 เปอร์เซ็นต์


Deep Sequential Real Estate Recommendation Approach For Solving Item Cold Start Problem, Jirut Polohakul Jan 2020

Deep Sequential Real Estate Recommendation Approach For Solving Item Cold Start Problem, Jirut Polohakul

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The item cold-start problem occurs when a recommendation system cannot recommend new items owing to record deficiencies and new listing omissions. When searching for real estate, users can register a concurrent interest in recent and prior projects. Thus, an approach to recommend cold-start and warm-start items simultaneously must be determined. Furthermore, unrequired membership and stop-by behavior cause real estate recommendations to have many cold-start and new users. This characteristic encourages the use of a content-based approach and a session-based recommendation system. Herein, we propose a real estate recommendation approach for solving the item cold-start problem with acceptable warm-start item recommendations …


Learning Personally Identifiable Information Transmission In Android Applications By Using Data From Fast Static Code Analysis, Nattanon Wongwiwatchai Jan 2020

Learning Personally Identifiable Information Transmission In Android Applications By Using Data From Fast Static Code Analysis, Nattanon Wongwiwatchai

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The ease of use of mobile devices has resulted in a significant increase in the everyday use of mobile applications as well as the amount of personal information stored on devices. Users are becoming more aware of applications' access to their personal information, as well as the risk that these applications may unwittingly transmit Personally Identifiable Information (PII) to third-party servers. There is no simple way to determine whether or not an application transmits PII. If this information could be made available to users before installing new applications, they could weigh the pros and cons of having the risk of …


Fabrication And Characterization Of Graphene-Based Heterostructure Using Molybdenum As Alternative Electrodes, Illias Klanurak Jan 2020

Fabrication And Characterization Of Graphene-Based Heterostructure Using Molybdenum As Alternative Electrodes, Illias Klanurak

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Interlayer coupling in graphene heterostructures can be used to modify their charge transport properties for the use in nanoelectronics applications. To achieve high-performance devices, graphene is typically encapsulated by two thin sheets of hexagonal boron nitride (hBN) and contacted using Cr/Au as electrodes. ​ In this research, Mo was selected as alternative stand-alone electrodes to simplify the fabrication process. We have developed a recipe for the fabrication of field-effect transistor (FET) using twisted bilayer graphene (tBLG) as a transport channel. Mo was employed to make one-dimensional (1D) contacts to the edges of graphene by sputtering. Electronic transport measurement was then …


Fluorescence Sensors From Pyreno[4,5-D]Imidazole Derivatives, Nichapa Chanawungmuang Jan 2020

Fluorescence Sensors From Pyreno[4,5-D]Imidazole Derivatives, Nichapa Chanawungmuang

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Herein, The five fluorescent probes (P1, P2, P3, P4 and P5) based on pyreno[4,5-d]imidazole were successfully prepared in two steps from pyrene in 26 – 40% overall yields. After that, all of the compounds were studied the photophysical properties and selectivity for sensing metal ions. The results showed compound P5 was not selective to metal ions while the others (P1, P2, P3 and P4) were selective to detection of trivalent metal ions such as Bi3+, Al3+, Cr3+ and Fe3+ in CH3CN. However, only compound P2 with 2-hydroxyl phenyl substituent on imidazole ring formed complexation reaction selectively towards bismuth (III) ions …


Development Of Authentication-Based Captcha Mechanism On Touch Screen Environment, Nilobon Nanglae Jan 2020

Development Of Authentication-Based Captcha Mechanism On Touch Screen Environment, Nilobon Nanglae

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

CAPTCHA is a simple security test that was introduced to distinguish among humans and bots for decades. CAPTCHAs have been widely used on commercial sites, such as email service, and social networking sites, for protecting the system from automated software attackers. However, various techniques have been invented to break CAPTCHA, and one of these techniques is the 3rd party attacks. So, the design of CAPTCHA is unable to distinguish between human users and illegitimate human attackers. Thus, this research proposed a new type of CAPTCHA that is individually generated for an individual user. The proposed technique merges between biometrics and …


Electrochemical Reaction For Direct Synthesis Of Amides From Aldehydes, Tanawat Rerkrachaneekorn Jan 2020

Electrochemical Reaction For Direct Synthesis Of Amides From Aldehydes, Tanawat Rerkrachaneekorn

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Conventional synthesis of amide involves the use of harsh condition, strong oxidizing agents, high value metal catalysts or multiple step synthesis of starting materials. To overcome these problems, in this research, we develop a mild electrochemical oxidative amidation directly from commercially available benzyl alcohols and aldehydes with amines. Optimization studies indicate that this electrochemical oxidative amidation can be proceeded via the use of sodium iodide as both electrolyte and mediator in aqueous solution performing in undivided cell at room temperature without additional additive. Under the optimized condition, we are able to perform electrochemical oxidative amidation of various benzyl alcohols and …


Strict Stability Of Fixed Points And Iteration Schemes, Kittisak Tontan Jan 2020

Strict Stability Of Fixed Points And Iteration Schemes, Kittisak Tontan

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

In this thesis, we introduce the concept of a strictly stable fixed point of a selfmap and investigate the relationship among various types of fixed point stability. We prove that all fixed point of a quasi-nonexpansive map is strictly stable and extend the concept of a strictly stable fixed point of a selfmap to an iteration scheme. We introduce the concept of convexly strictly stable fixed points of selfmaps and apply it to obtain virtual stability of some well-known iteration schemes in a convex subset of a Banach space.


The Wormholes In The Modification Of General Relativity Theory, Takol Tangphati Jan 2020

The Wormholes In The Modification Of General Relativity Theory, Takol Tangphati

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

A traversable wormhole, which is a class of wormholes in general relativity (GR), was proposed by Morris and Thorne in 1988. However, its existence requires the exotic matter violating the energy conditions. This thesis examines the wormhole solutions in the theory of massive gravity, focusing only on the de Rham, Gabadadze and Tolley (dRGT) theory of massive gravity which is the nonlinear massive gravity without ghost and quantify the wormhole solutions. We construct the wormhole solutions in context of the modified GR, investigate their stability, and examine the conditions of the exotic matter. Two methods for wormhole constructions are applied …


Improved Adaptive Fractional Order Differential Method For Medical Image Enhancement, Wasin Tranghiranyathorn Jan 2020

Improved Adaptive Fractional Order Differential Method For Medical Image Enhancement, Wasin Tranghiranyathorn

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

In this work, we propose a construction of a new 5x5 fractional order differential mask that uses sixteen directions of gradient operator and weights each pixel in the mask by the Euclidean distance from the center of the mask. Then, we apply this new mask to the Adaptive Fractional Differential Algorithm (AFDA). The AFDA allows the optimal fractional order of each pixel to be obtained using an adaptive function constructed based on the area feature of image. Experimental results for medical images, show that the AFDA with the new mask gives better image enhancement than the original AFDA. It makes …


Med-Asa Smart Task-Volunteer Matching System, Taweesin Wongpinkaew Jan 2020

Med-Asa Smart Task-Volunteer Matching System, Taweesin Wongpinkaew

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

In the context of healthcare, volunteers play an important role in improving the patient's experience and lowering the operational cost. However, the process which facilitate their management is reported to be problematic. In this thesis, the problems of the current system is explored, and a potential solution of a new IT system is outlined. The system was tested for a duration of 2 month during the COVID-19 outbreak in Thailand. SUS and an in-depth interview was conducted in order to gauge the usability and the effectiveness the system. The time it takes for the volunteers to go through with the …


Analysis Of Mass Transfer Coefficient Of Co2 Absorbed By Two-Component Amine Mixture In A Packed Bed Column, Thanakornkan Limlertchareonwanit Jan 2020

Analysis Of Mass Transfer Coefficient Of Co2 Absorbed By Two-Component Amine Mixture In A Packed Bed Column, Thanakornkan Limlertchareonwanit

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Nowadays, coal fired plant has an important role in generating energy all over the world. It affects to greenhouse gases effect (GHGs) and global warming. Carbon dioxide (CO2) is a product of coal combustion that is the amount of number one in the world. However, most of the CO2 usually remove from post-combustion process by chemical absorption which is Monoethanolamine (MEA). Anyway, MEA has a disadvantage such as low CO2 loading and corrosion. Therefore, this study needs to investigate the effect of the mass transfer for a new solvents, 2-(Methylamino)ethanol (2-MAE) and Dimethylaminoethanol (DMAE), compensate for the drawbacks of MEA …


Effect Of Cocatalyst Combination In Titanium-Based Ziegler-Natta Catalyst On Olefin Polymerization, Thanyaporn Pongchan Jan 2020

Effect Of Cocatalyst Combination In Titanium-Based Ziegler-Natta Catalyst On Olefin Polymerization, Thanyaporn Pongchan

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This research focused on effect of cocatalyst types (TEA, TnOA, and TEA+TnOA) on titanium-based Ziegler-Natta catalyst in olefin polymerization both in slurry and gas-phase systems. This study has been divided into four sections. The commercial titanium-based catalyst was selected to investigate effect of reaction temperature and oxidation state of titanium from ESR measurement on slurry ethylene and propylene polymerization in the first and the second parts, respectively. The commercial catalyst with TEA exhibited the highest activity in ethylene polymerization. However, divalent, and trivalent of titanium (Ti2+ and Ti3+) was active in ethylene polymerization to produce more polymer. Stability of Ti3+ …


Development Of Graphite-Based Conductive Patterns By Copper Electroless Plating And Electroplating Techniques, Vipada Aupama Jan 2020

Development Of Graphite-Based Conductive Patterns By Copper Electroless Plating And Electroplating Techniques, Vipada Aupama

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The screen-printing technique has been widely applied in electronic manufacturing field. In this work, graphite is used for fabricating conductive patterns by screen-printing technique. Moreover, enhance the performance of electrical conductivity by electroless plating and electroplating techniques. The study was separated into two parts. Firstly, optimize the mass ratio between graphite and polyvinylidene fluoride (PVDF). In prepared ink from varied mass ratio; 2.0:0.1, 2:0.2, and 2:0.3 respectively. Volume resistivity analysis of conductive patterns, it was found that the mass ratio between graphite and PVDF of 2: 0.2 provided the lowest volume resistivity of 0.0122 Ω-m. In other cases, the mass …


Artificial Intelligence And Copyright Law In Singapore A Study On The Protection Of Compilations And Databases Arranged By Ai-Systems, Sella Say Jan 2020

Artificial Intelligence And Copyright Law In Singapore A Study On The Protection Of Compilations And Databases Arranged By Ai-Systems, Sella Say

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

While the capability of artificial intelligence ("AI") gains remarkable momentum in creating copyrightable materials – the questions regarding the eligibility of these new creations, at the moment, are broadly discussed and posed challenges to the regime. The problem of how we fit the conventional notion of authorship and the condition of originality for AI-generated works remains a controversial topic. Some might suggest that subject matter created by AI should not be granted copyright protection on the presumption that AI is not a human who could treat as authors of works. At the same time, other supportive claims that the first …


Quaternion Algebras Over Some Extensions Of Function Fields, Silipong Thongmeepun Jan 2020

Quaternion Algebras Over Some Extensions Of Function Fields, Silipong Thongmeepun

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

In this thesis, we study quaternion algebras over rational function fields over finite fields of odd order. [It is known that a quaternion algebra is either the algebra of 2x2- matrices or a division algebra.] We determine conditions for quaternion algebras of the form(symbol) to be division algebras and conditions for quaternion algebras to split after the constant quadratic field extension.


Solid-Liquid-Polymer Mixed Matrix Membranes For Gas Separation: Silicone Rubber Membranes Filled With Nax And Ky Zeolites Adsorbed Peg, Sitthikiat Boonchoo Jan 2020

Solid-Liquid-Polymer Mixed Matrix Membranes For Gas Separation: Silicone Rubber Membranes Filled With Nax And Ky Zeolites Adsorbed Peg, Sitthikiat Boonchoo

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Carbon dioxide (CO₂) is one of the major constituents of natural gas and biogas. The presence of high CO₂ content causes some serious problems including reduction of heating value and corrosion of equipment's surface. Additionally, CO₂ emission is the main issue of the greenhouse effect. In consequence of these problems, membrane technologies have drawn much attention as potential techniques for gas separation. mixed matrix membranes (MMMs) have been studied and developed to provide the synergistic effect of inorganic and organic materials on membranes. In this study, PEG/NaX:KY/SR mixed matrix membranes (PZS MMMs) were prepared by the solution casting method using …


Silver Surface Enrichment On Zsm-5 Zeolites For The Catalytic Cracking Of N-Pentane To Produce Light Olefins, Warisara Angguravanich Jan 2020

Silver Surface Enrichment On Zsm-5 Zeolites For The Catalytic Cracking Of N-Pentane To Produce Light Olefins, Warisara Angguravanich

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The effects of Ag-incorporation on the catalytic performance of ZSM-5 zeolites have been investigated. Since Ag-incorporation can promote the formation of light olefins and significantly enhance catalytic performance in n-pentane catalytic cracking. However, the Ag-incorporated ZSM-5 zeolite was rapidly deactivated in npentane catalytic cracking. Thus, CLD and sulfation methods were introduced to improve catalytic activity and stability of Ag-incorporated ZSM-5 zeolites. The Agincorporated ZSM-5 zeolites have been prepared by the incipient wetness impregnation and CLD methods. Moreover, the sulfated catalyst was prepared by the sequential CLD and sulfation of commercial HZSM-5 zeolite. The catalytic activity and stability of Ag-incorporated ZSM-5 …


Regenerated Amorphous Cellulose From Pineapple Leaf Fibers Via Sulfuric Acid Treatment, Gisma Coraima Asmarani Jan 2020

Regenerated Amorphous Cellulose From Pineapple Leaf Fibers Via Sulfuric Acid Treatment, Gisma Coraima Asmarani

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Pineapple leaf fiber (PALF) is an agricultural residue available abundantly in Thailand as a renewable resource with high cellulose content. In this research, a simple process using sulfuric acid (H2SO4) treatment has been developed to produce three types of cellulosic products from PALF, which are regenerated amorphous (RAC), microcrystalline (MCC), and nanocrystalline (NCC) cellulose. H2SO4 acid treatment has been done in 25% and 50% (v/v) H2SO4 under three different temperatures (-20, 30, and 50 ºC). In 25% (v/v) H2SO4, various MCC lengths (about 29.57 ± 9.99 to 106.40 ± 61.10 μm) were produced from different temperatures. Different temperatures in this …