Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Digital Commons Network

Open Access. Powered by Scholars. Published by Universities.®

Environmental Sciences

PDF

Chulalongkorn University

Theses/Dissertations

Articles 1 - 30 of 123

Full-Text Articles in Entire DC Network

Water-Use Characteristics Of Syzygium Antisepticum And Adinandra Integerrima In A Secondary Tropical Forestin Khao Yai National Park For Environmental Management, Ratchanon Ampornpitak Jan 2022

Water-Use Characteristics Of Syzygium Antisepticum And Adinandra Integerrima In A Secondary Tropical Forestin Khao Yai National Park For Environmental Management, Ratchanon Ampornpitak

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Forests in Southeast Asia have been disrupted by widespread deforestation and land use change. Most countries in this region attempt to return the forested areas through reforestation. However, planting trees efficiently is difficult because changing environmental conditions and tree size could affect the water consumption of different tree-species under climate change. Hence, the information regarding water use characteristics of different tree-species in different tree size classes is important to the selection of tree species for reforestation. Nonetheless, available information on species-specific water-use characteristics is less investigated, especially in secondary tropical forests. To gain the information on species-specific water-use characteristics in …


Life Cycle Assessment Of Canned Fish Production In Thailand, Chanya Kraiwed Jan 2022

Life Cycle Assessment Of Canned Fish Production In Thailand, Chanya Kraiwed

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The canned fish industry is one of the world's most popular exports in Thailand. Moreover, the canned seafood industry ranks fourth in terms of energy consumption, which compares to all industry group (Wiriyatangsakul, 2021). Commercial competitiveness, on the other hand, must be improved because of the competitive conditions in the global market. Thus, this study evaluates the environmental performance of a factory in Samut Sakhon, Thailand, using Life Cycle Assessment (LCA) with Gate-to-Gate approach and setting functional unit by 1 ton fresh fish entering to process. The study used the SimaPro LCA application with the CML 2 baseline 2000 method, …


อิทธิพลของลักษณะเชิงปริมาณของรากแสมขาวต่อการตกตะกอนในแปลงปลูกป่าชายเลน จังหวัดสมุทรปราการ, ศราวรรณ หงษ์วิเศษ Jan 2022

อิทธิพลของลักษณะเชิงปริมาณของรากแสมขาวต่อการตกตะกอนในแปลงปลูกป่าชายเลน จังหวัดสมุทรปราการ, ศราวรรณ หงษ์วิเศษ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ระบบนิเวศป่าชายเลนนอกจากมีบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน ยังช่วยรักษาเสถียรภาพของพื้นที่ชายฝั่งผ่านกระบวนการตกตะกอน การฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งด้วยการปลูกป่าชายเลนจึงมีส่วนช่วยบรรเทาการ กัดเซาะชายฝั่ง โครงสร้างพืชพรรณโดยเฉพาะส่วนของรากมีบทบาทต่อการตกตะกอนในป่าชายเลน การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของลักษณะเชิงปริมาณของรากแสมขาว (Avicennia alba) ต่อการตกตะกอนตามระยะห่างจากชายฝั่งในแปลงปลูกป่าชายเลนบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2563 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ผลการศึกษาพบว่าลักษณะเชิงปริมาณของรากหายใจแบบ pneumatophore ของแสมขาวมีความผันแปรตามระยะห่างจากชายฝั่ง โดยความสูง ความหนาแน่น พื้นที่หน้าตัดรวม ปริมาตรรวม และพื้นที่ผิวรวมของรากหายใจมีค่าลดลงเมื่อระยะห่างจากชายฝั่งมากขึ้น ขณะที่พื้นที่หน้าตัดของลำต้นและความหนาแน่นของกล้าไม้มีแนวโน้มมากขึ้นเมื่อระยะห่างจากชายฝั่งเพิ่มขึ้น ผลการศึกษาอัตราการตกตะกอนพบว่าบริเวณแปลงปลูกป่าชายเลนมีค่ามากกว่าบริเวณหาดโคลนที่ไม่มีพืชปกคลุม และมีค่ามากที่ระยะ 50 และ 70 เมตรจากชายฝั่งทะเล (0.1231±0.02 และ 0.1114±0.04 กรัมต่อเซนติเมตรต่อวัน ตามลำดับ) นอกจากนี้พบว่าลักษณะเชิงปริมาณของรากหายใจแบบ pneumatophore (ได้แก่ ความสูง พื้นที่ผิวรวม และปริมาตรรวม) มีความสัมพันธ์เชิงลบกับอัตราการตกตะกอน กล่าวได้ว่าโครงสร้างพืชพรรณส่วนเหนือดินเพิ่มความปั่นป่วนของมวลน้ำ ทำให้ตะกอนขนาดเล็กแขวนลอยนานขึ้นและถูกพัดพาไปด้านในของแปลงปลูก ส่วนรากใต้ดินโดยเฉพาะรากฝอยมีความหนาแน่นมากในบริเวณที่ห่างจากชายฝั่งและมีสหสัมพันธ์เชิงบวกกับสัดส่วนโคลน (อนุภาคดินเหนียวรวมกับทรายแป้ง) แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการยึดจับตะกอนของรากฝอย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงของพื้นที่สุทธิในแปลงปลูกที่มีค่าเป็นบวกและผันแปรอยู่ในช่วงแคบกว่าบริเวณหาดโคลน นั่นคือมีการสะสมของตะกอนในพื้นที่แปลงปลูก แต่เกิดการกัดเซาะบริเวณหาดโคลนเนื่องจากมีค่าสุทธิเป็นลบ จึงสรุปได้ว่าลักษณะเชิงปริมาณของรากหายใจแบบ pneumatophore และรากใต้ดินของ แสมขาวมีอิทธิพลต่อการตกตะกอนในแปลงปลูกป่าชายเลนบางปู โดยทำหน้าที่ร่วมกับลำต้นและกล้าไม้ช่วยส่งเสริมการสะสมของตะกอน เกิดเสถียรภาพของตะกอนให้คงอยู่ในพื้นที่ป่า แปลงปลูกป่าชายเลนจึงช่วยบรรเทาการกัดเซาะชายฝั่ง ในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งความสามารถในการสะสมตะกอนนี้ยังใช้เป็นดัชนีชี้วัดผลสัมฤทธิ์ของการปลูกฟื้นฟู ป่าชายเลนในแง่ของนิเวศบริการได้อีกด้วย


Knowledge, Attitude And Practices On Potato Pest Management Of Ethnic Farmers In Southern Shan State, Myanmar, Pyae Pa Pa Aung Jan 2022

Knowledge, Attitude And Practices On Potato Pest Management Of Ethnic Farmers In Southern Shan State, Myanmar, Pyae Pa Pa Aung

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Potato is cultivated as the main tuber crop which is essential for ethnic farmers’ household income in Southern Shan State, Myanmar. Most ethnic farmers use chemical pesticides widely to enhance crop yield and to control pests in the farm. The use of chemical pesticides could lead to a series of health impacts of the farmers and environmental issues. The main aim of the study is to explore farmers’ knowledge, attitude and current farm practices on pest management in potato production. The participants of 100 farmers were chosen from each village with a cluster and purposive sampling technique using structured questionnaires …


การประเมินความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศสำหรับพื้นที่เพาะปลูกข้าวและความพร้อมในการจัดการของหน่วยงานภาครัฐ: กรณีศึกษาเกาะลมบก ประเทศอินโดนีเซีย, ดอสมายา แอนเดรียอานี Jan 2022

การประเมินความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศสำหรับพื้นที่เพาะปลูกข้าวและความพร้อมในการจัดการของหน่วยงานภาครัฐ: กรณีศึกษาเกาะลมบก ประเทศอินโดนีเซีย, ดอสมายา แอนเดรียอานี

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนับเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกอภิปรายว่าเป็นปัจจัยขับเคลื่อนต่อการเกิดอุบัติการณ์ภัยธรรมชาติ โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อทุกมิติของชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคงด้านอาหาร ทั้งนี้ พื้นที่เพาะปลูกข้าวนับเป็นพื้นที่ที่ถูกคุกคามมากที่สุดเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บทบาทของรัฐบาลจึงมีความสำคัญในการลดความสูญเสียที่เกิดจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะการยกระดับความสามารถในการปรับตัวของชุมชนท้องถิ่นต่อภัยธรรมชาติ วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการประเมินผลกระทบของภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่เพาะปลูกข้าว และประเมินความพร้อมของรัฐบาลระดับท้องถิ่นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอันตรายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคัดเลือก เกาะลมบก ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่เกาะเล็กๆ และมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระเบียบวิธิวิจัยของการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ การประยุกต์ใช้กระบวนการลำดับชั้นเชิงวิเคราะห์ (Analytical Hierarchy Process: AHP) ร่วมกับระบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ (GIS) ในการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งจากผลกระทบจากอุทกภัย ภัยแล้ง และดินถล่ม ขณะเดียวกัน การศึกษานี้อาศัยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ (n=15) เพื่อประเมินความพร้อมของรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาศัยการสัมภาษณ์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ด้านการเพาะปลูก การจัดการภัยพิบัติ และการจัดการน้ำ โดยผลการวิจัยพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 88.18 ของเกาะลมบกมีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศระดับปานกลาง และ พื้นที่เพาะปลูกข้าวเกือบทั้งหมดร้อยละ 96.56 มีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศระดับปานกลางเช่นกัน ผลการสัมภาษณ์พบว่า ความพร้อมของรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดการกับภัยอันตรายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีอย่างจำกัด โดยเฉพาะประเด็นด้านงบประมาณและทรัพยากรบุคคล โดยผลการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานท้องถิ่นในการดำเนินกิจกรรมการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่างๆ และเป็นกลยุทธ์ในการคาดการณ์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่เพาะปลูกข้าวของเกาะลมบก ประเทศอินโดนีเซียต่อไป.


ไมโครพลาสติกจากระบบบำบัดน้ำเสียและตัวเมืองกรุงเทพมหานครที่ไหลลงสู่อ่าวไทย, ปิ่นมนัส บูชา Jan 2022

ไมโครพลาสติกจากระบบบำบัดน้ำเสียและตัวเมืองกรุงเทพมหานครที่ไหลลงสู่อ่าวไทย, ปิ่นมนัส บูชา

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมเป็นมลภาวะที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศทั่วโลก และแหล่งที่มาของไมโครพลาสติกในทะเลส่วนใหญ่มาจากชุมชนเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งและจากแม่น้ำที่ไหลผ่านชุมชน แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศไทยที่ไหลผ่านตัวเมืองกรุงเทพมหานครและไหลสู่อ่าวไทย ในปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีโรงบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ 8 แห่ง ซึ่งระบบบำบัดน้ำเสียเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มาของไมโคร-พลาสติกที่สะสมในสิ่งแวดล้อม งานวิจัยนี้ได้ศึกษาไมโครพลาสติกในน้ำเข้าสู่ระบบและน้ำออกจากระบบของ โรงควบคุมคุณภาพน้ำของกรุงเทพมหานครทั้ง 8 แห่ง ที่มีกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่ง โดยเก็บตัวอย่าง 3 ครั้ง ในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 และไมโครพลาสติกที่พบในแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปากแม่น้ำเจ้าพระยา ในฤดูน้ำหลาก (พฤศจิกายน 2564) และฤดูแล้ง (เมษายน 2565) ผลการศึกษาพบปริมาณไมโครพลาสติกเฉลี่ยในน้ำเข้าสู่ระบบและน้ำออกจากระบบ 933±1,102–6,733±5,096 และ 433±321–4,800±1,300 ชิ้น/ลบ.ม. ตามลำดับ ไมโครพลาสติกในแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครที่พบใน ฤดูน้ำหลากและฤดูแล้ง มีปริมาณตั้งแต่ 30–400 และ 70–270 ชิ้น/ลบ.ม. และไมโครพลาสติกบริเวณ ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ตามรอบน้ำขึ้นน้ำลง ในฤดูน้ำหลากและฤดูแล้ง มีปริมาณตั้งแต่ 40–390 และ 60–400 ชิ้น/ลบ.ม. ตามลำดับ ส่วนใหญ่พบเส้นใย สีน้ำเงิน ชนิดพอลิโพรพิลีน (PP) และมีขนาดอยู่ในช่วง 20–250 ไมครอน ไมโครพลาสติกเหล่านี้สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและส่งผ่านมายังมนุษย์ได้ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ไมโครพลาสติกส่วนใหญ่มาจากกิจกรรมของชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้โรงควบคุมคุณภาพน้ำและแม่น้ำเจ้าพระยา จึงมีความจำเป็นต้องศึกษาแหล่งที่มาของไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา ขยะไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


การประเมินความเสี่ยงต่อระบบนิเวศของไมโครพลาสติกและยาตกค้างในกลุ่มยา ต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์จากระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาล, จิรายุ เรียบร้อย Jan 2022

การประเมินความเสี่ยงต่อระบบนิเวศของไมโครพลาสติกและยาตกค้างในกลุ่มยา ต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์จากระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาล, จิรายุ เรียบร้อย

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

น้ำเสียจากโรงพยาบาลมีการปนเปื้อนไมโครพลาสติกและยาตกค้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาตกค้างในกลุ่มยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ งานวิจัยนี้ได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลบริเวณ น้ำเข้าระบบ บ่อเติมอากาศ บ่อตกตะกอน บ่อเติมคลอรีน และน้ำทิ้ง ในช่วงวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์ 4 ช่วงเวลา ในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2565 เพื่อศึกษาความแตกต่างของปริมาณลักษณะของไมโครพลาสติก และยาตกค้างกลุ่มยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ในน้ำทิ้งและบนพื้นผิวไมโครพลาสติก รวมทั้งประเมินความเสี่ยงต่อระบบนิเวศของไมโครพลาสติกและยาตกค้างที่ปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม ผลการศึกษาความเข้มข้นใน น้ำเสีย น้ำทิ้ง ตะกอน และประสิทธิภาพการบำบัดช่วงวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์มีค่าอยู่ในช่วง 125±1.89-133±8.54 ชิ้น/ลิตร 32±3.10-34±3.11 ชิ้น/ลิตร 4,007±244.63-4,371±246.70 ชิ้น/กิโลกรัม น้ำหนักแห้ง และ 73.85%-74.11% ตามลำดับ ไมโครพลาสติกส่วนใหญ่ในน้ำทิ้งและตะกอนเป็นไมโครพลาสติกชนิดเส้นใย สีดำ ขนาดในช่วง 20-100 ไมครอน และเป็นพอลิเมอร์ชนิดพอลิเอไมด์ การปนเปื้อนยาต้านการอักเสบทั้งสามชนิด ได้แก่ Ibuprofen Naproxen และ Diclofenac ในน้ำทิ้ง อยู่ในช่วง 1.97-2 µg/l, 0.25-0.51 µg/l และ 1.74-1.76 µg/l ตามลำดับ ประสิทธิภาพการบำบัด Ibuprofen Naproxen และ Diclofenac ช่วงวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์มีค่าอยู่ในช่วง 57.08%- 61.22%, 80.23%- 85.08% และ 55.88%- 62.17% ตามลำดับ ปริมาณยาต้านการเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์บนพื้นผิวไมโครพลาสติกอยู่ในช่วง 1.66-1.68 µg/l, 0.05-0.07 µg/l และ 1.22-1.23 µg/l ตามลำดับ การประเมินความเสี่ยงอันตรายของพอลิเมอร์ (H index) ศักยภาพในการก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบนิเวศของ(PER) ของไมโครพลาสติกอยู่ในระดับความเสี่ยงสูง และสัดส่วนความเสี่ยงอันตราย (HQ) ของ Diclofenac เกิดความเสี่ยงสูงต่อสัตว์น้ำหลายชนิด


Groundwater Potential Model Using Statistics And Hybrid Machine Learning Approaches, Ngoc Thanh Nguyen Jan 2022

Groundwater Potential Model Using Statistics And Hybrid Machine Learning Approaches, Ngoc Thanh Nguyen

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The present study was conducted to delineate the groundwater potential in Kanchanaburi Province, Thailand based on groundwater yield, groundwater contamination risk, and groundwater quality. In this study, an ensemble model was created by combining Analytical Hierarchy Process, Frequency Ratio, and Random Forest to evaluate the spatial distribution map of the groundwater resources. Additionally, a new hybrid approach was developed based on maximum entropy and analytical hierarchy process to delineate the Ni contamination risk in groundwater. Finally, four machine-learning models, including Random Forest - Cross validation, Random Forest – Bootstrap, Artificial Neural Network - Cross validation, and Artificial Neural Network - …


Multi-Level Perspective Analysis Ofthe Automobility Regime: Opportunity For New Mobility Concepts, Chattraporn Yingsom Jan 2022

Multi-Level Perspective Analysis Ofthe Automobility Regime: Opportunity For New Mobility Concepts, Chattraporn Yingsom

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The car-dominated transport system, known as automobility, poses significant sustainability challenges. Shifting from car ownership to access-based services, such as Mobility as a Service (MaaS), is crucial. However, in developing countries like Thailand where car dominance prevails, achieving widespread adoption of new mobility concepts requires substantial changes in socio-technical regimes. This study addressed these gaps by analyzing the automobility regime and adoption of new mobility concepts in the Bangkok Metropolitan Region (BMR). An exploratory research designs using qualitative approach were adopted. A comprehensive review of related literature and secondary data analysis, combined with in-depth interviews of stakeholders (N = 31), …


The Potential Risk And Occupational Exposure Of Pesticides Among Rice Farmers In Delta Ayeyarwady Division, Myanmar, Moe Thu Khin Jan 2022

The Potential Risk And Occupational Exposure Of Pesticides Among Rice Farmers In Delta Ayeyarwady Division, Myanmar, Moe Thu Khin

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

This study aims to assess the potential risk and occupational exposure of pesticides among rice farmers in the Delta Ayeyarwady Region, Myanmar. A cross-sectional study was carried out with 454 rice farmers from March-April 2022. Data collection was done through face-to-face interviews used with a semi-structured questionnaire. The study showed that the mean age of farmers was 44.36 years old while the range was 16 and 74 years old. Rice farmers' average weight (± standard deviation) was 56.86 (± 7.30) kg. In this study, over two-thirds of the rice farmers (77 %) had a moderate level of knowledge regarding environmental …


Co-Effects Of Silver Nanoparticles And Microplastics On Nitrifying Microorganisms From Wastewater Treatment Plants And Their Activities, Nampetch Charanaipayuk Jan 2022

Co-Effects Of Silver Nanoparticles And Microplastics On Nitrifying Microorganisms From Wastewater Treatment Plants And Their Activities, Nampetch Charanaipayuk

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Silver nanoparticles (AgNPs) and microplastics are emerging water contaminants of the decade. They share a similar fate and transport in wastewater treatment plants as they tend to accumulate in sludge of aeration tanks. Since both contaminants have negative effects on microbial growth, the ammonia-oxidizing microorganisms in the aeration tanks are at risk for inhibition and consequently nitrification process fails. This study investigated the effects of AgNPs and microplastics on ammonia-oxidizing activity and community. No inhibition of ammonia oxidation rate was observed at 0.1 mg/L AgNPs. Partial inhibition was found at 0.5 and 1 mg/L AgNPs, while complete inhibition occurred at …


Assessment Of Greenhouse Gases Emissions From Dairy Cattle Production In Thailand, Phoo Pwint Pwint Thu Jan 2022

Assessment Of Greenhouse Gases Emissions From Dairy Cattle Production In Thailand, Phoo Pwint Pwint Thu

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Thailand’s agriculture sector plays a vital role in driving economic growth. Globally, livestock production is estimated to contribute about 18% of greenhouse gas (GHG) emissions. Despite its importance, there is a relative lack of research on GHGs assessment in the livestock sector in Thailand. The aim of this research was to estimate GHGs emissions from dairy cattle production in Saraburi and Ratchaburi provinces of Thailand. The 2019 Refinement to the 2006 IPCC guidelines for national greenhouse gas inventories was applied in this research. Twenty dairy farms (n=20) including both small farms (n=10) and medium farms (n=10) were selected as the …


Challenges Of Urban Forest Park Restoration On Post-Closure Landfill : Perception And Future Engagement From The Local Communities, Intan Pransischa Fitri Jan 2021

Challenges Of Urban Forest Park Restoration On Post-Closure Landfill : Perception And Future Engagement From The Local Communities, Intan Pransischa Fitri

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Urban forest park development is considered a promising planning tool in tackling some of the problems associated with urbanisation, such as pollution and urban heat island effects. Individual perceptions are pivotal in the urban forest park development. Their significant factors were aimed to address the community's needs and increase the recognition through the disruptive change of land function and urban living toward urban forest park development. The framework of local community engagement in urban forest park development was proposed. Field observation and questionnaires survey of 168 respondents were selected from five villages located 50 meters-1000 meters radius from the site. …


Sustainable Livelihood Of Fishermen: A Case Study In The City Of Semarang, Indonesia, Adam Prayuda Jan 2021

Sustainable Livelihood Of Fishermen: A Case Study In The City Of Semarang, Indonesia, Adam Prayuda

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The study aims to look at the social and economic circumstances of fishermen in Semarang City, their local livelihoods, and the significant role of the state through Semarang Fisheries Service to improve the economic livelihoods and social welfare of this marginal group. It applies a sustainable livelihood framework to look at the compatibility and empowerment process that can affect the Fishermen's Community. This research used mixed methods to understand the problem and apply narrative techniques for case studies to obtain the data. Different sources of information are used to triangulate information, perspectives, and expected results to increase knowledge in providing …


การปฏิบัติบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขในการจัดการภัยพิบัติช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา, ธนชัย วีระวัฒนานันท์ Jan 2021

การปฏิบัติบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขในการจัดการภัยพิบัติช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา, ธนชัย วีระวัฒนานันท์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการปฏิบัติบทบาทของอาสาสมัตรสาธารณสุขในการจัดการภัยพิบัติช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา และเพื่อเปรียบเทียบการปฏิบัติบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขในการจัดการภัยพิบัติช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษาสถานภาพ รายได้ และประสบการณ์ในการทำงาน กลุ่มตัวอย่าง คือ อาสาสมัครสาธารณสุขที่ปฏิบัติงาน จำนวน 300 คน เครื่องมือในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขในการจัดการภัยพิบัติ ช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ได้แก่ การทดสอบค่าที (t-test) และการทดสอบความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ใช้วิธีการ LSD ในการทดสอบรายคู่เมื่อมีความแตกต่าง ผลการวิจัยพบว่า การปฏิบัติบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขในการจัดการภัยพิบัติช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า โดยรวมมีการปฏิบัติงานตามบทบาทอยู่ในระดับสูง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า 1) ด้านการเตรียมความพร้อม (Preparedness) ในการส่งเสริมสุขภาพ 2) ด้านการป้องกัน (Prevention) และการลดผลกระทบ (Mitigation) ต่อภาวะสุขภาพ และ 3) ด้านการฟื้นสภาพและการซ่อมสร้าง (Rehabilitation and Reconstruction) มีการปฏิบัติงานอยู่ในระดับสูง และ 4) ด้านการเผชิญเหตุ (Response) และการบรรเทาทุกข์ (Relief) มีการปฏิบัติงานอยู่ในระดับปานกลาง ผลการเปรียบเทียบการปฏิบัติบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขในการจัดการภัยพิบัติช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า อาสาสมัครสาธารณสุขที่มีสถานภาพ และอาชีพแตกต่างกัน มีการปฏิบัติบทบาทแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 และ อาสาสมัครสาธารณสุขที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษารายได้ และประสบการณ์การทำงานต่างกันมีการปฏิบัติบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขไม่แตกต่างกัน ข้อเสนอแนะจากผลการวิจัย ควรส่งเสริมบทบาทด้านการเผชิญเหตุ (Response) และการบรรเทาทุกข์ (Relief) หรือด้านการรักษาพยาบาลในกลุ่มให้มากขึ้น เพื่อการทำงานอาสาสมัครสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพและถาวรต่อไป


ความสัมพันธ์เชิงอัลโลเมตริกระหว่างความหนาของกระพี้และเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอกของชนิดพันธุ์ไม้เด่นในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, ศิริพงศ์ แย้มพุ่ม Jan 2021

ความสัมพันธ์เชิงอัลโลเมตริกระหว่างความหนาของกระพี้และเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอกของชนิดพันธุ์ไม้เด่นในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, ศิริพงศ์ แย้มพุ่ม

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการสร้างสมการอัลโลเมตริกระหว่างความหนากระพี้กับเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอกของพันธุ์ไม้เด่นจำนวน 14 ชนิดพันธุ์ ในป่าปฐมภูมิและป่าทุติยภูมิ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยวัดความหนาของกระพี้ไม้และเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอก และใช้เทคนิควิเคราะห์การถดถอย เพื่อหารูปแบบสมการที่เหมาะสมในการสร้างสมการอัลโลเมตริก ผลการศึกษาพบว่า ชนิดพันธุ์ไม้เหล่านี้มีความหนาของกระพี้โดยเฉลี่ย 7.6 – 24.8 เซนติเมตร คิดเป็น 46.7% – 99.3% ของรัศมีของลำต้น เมื่อวิเคราะห์โดยแยกชนิดพันธุ์ พบว่า สมการยกกำลังและสมการเส้นตรงเป็นสมการอัลโลเมตริกที่เหมาะกับชนิดพันธุ์ที่ทำการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ มีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจ (r2) ในช่วง 0.46 -0.99 มีค่า p น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.04 และเมื่อวิเคราะห์ข้อมูลทุกชนิดพันธุ์ยกเว้น ยางเสียน (Dipterocarpus gracilis blume ) พบว่าสามารถสร้างสมการอัลโลเมตริกเพื่อใช้กับทุกชนิดพันธุ์ได้ (r2 = 0.86, p < 0.0001) โดยมีรูปแบบสมการดังนี้ y= 0.57x0.91 นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบความเหมาะสมของสมการเพิ่มเติมโดยใช้การวิเคราะห์เศษเหลือ (Residual analysis) เพื่อยืนยันความแม่นยำของสมการ โดยสมการอัลโลเมตริกของกระพี้ไม้ที่ได้จากงานวิจัยนี้จะช่วยในการประเมินอัตราการคายน้ำในระดับพื้นที่ของป่าเขตร้อนในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


ไมโครพลาสติกในหอยสองฝาที่เพาะเลี้ยงตามชายฝั่งอ่าวไทย, อัจฉรียา สัมพันธ์พร Jan 2021

ไมโครพลาสติกในหอยสองฝาที่เพาะเลี้ยงตามชายฝั่งอ่าวไทย, อัจฉรียา สัมพันธ์พร

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ไมโครพลาสติกนับเป็นมลพิษที่ได้รับความสนใจมากในปัจจุบันเนื่องจากพบการแพร่กระจายกว้างขวางและสามารถสะสมผ่านห่วงโซ่อาหารได้ และมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศมากขึ้นในอนาคต ซึ่งหอยสองฝาเป็นหนึ่งในสัตว์กรองกินอาหารที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณไมโครพลาสติกเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นอาหารทะเลที่สำคัญ ดังนั้นจึงถูกนำมาใช้เป็นดัชนีชีวภาพ (bioindicator) สำหรับไมโครพลาสติกในทะเล ซึ่งการศึกษาปริมาณไมโครพลาสติกในหอยสองฝาเศรษฐกิจที่เพาะเลี้ยงตามแนวชายฝั่งอ่าวไทยครั้งนี้มีความสำคัญเพื่อเป็นข้อมูลคาดการณ์ปริมาณไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนเข้าสู่ทะเลในแต่ละพื้นที่ และเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับใช้วางแผนจัดการปัญหาไมโครพลาสติกบริเวณชายฝั่งอ่าวไทย โดยศึกษาในหอยสองฝาทั้งสิ้น 4 ชนิด ได้แก่ หอยแมลงภู่ หอยนางรม หอยแครงและหอยตลับ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ชุมพรและสุราษฎร์ธานี ผลการศึกษาพบ หอยสองฝามี ไมโครพลาสติกเฉลี่ย 1.87±0.86 ชิ้น/ตัว หรือ 0.46±0.31 ชิ้น/กรัม นน.สด โดยจังหวัดสมุทรสาครพบไมโครพลาสติกในหอยสองฝาเฉลี่ยสูงสุด และจังหวัดชลบุรีมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ซึ่งไมโครพลาสติกส่วนใหญ่ที่พบอยู่ในรูปของเส้นใย (filament/fiber) ขนาดไมโครพลาสติกเฉลี่ย 389 ไมครอน โดยพบมากที่สุดอยู่ในช่วง 100–500 ไมครอน ทั้งนี้ หอยสองฝาที่อาศัยในชั้นดินและชั้นน้ำมีการสะสมไมโครพลาสติกแตกต่างกันขึ้นกับแหล่งกำเนิดและปัจจัยทางธรรมชาติ ซึ่งการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าตามชายฝั่งอ่าวไทยมีการสะสมไมโครพลาสติกที่แตกต่างกัน จึงมีความจำเป็นในการติดตามตรวจสอบและวางมาตรการเพื่อจัดการปัญหาไมโครพลาสติก


Investigating Sustainable Consumption Practices: A Case Of Single-Use Plastics In Online Food Delivery Market, Thailand, Boonchanit Wongprapinkul Jan 2021

Investigating Sustainable Consumption Practices: A Case Of Single-Use Plastics In Online Food Delivery Market, Thailand, Boonchanit Wongprapinkul

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Online food delivery platforms have demonstrated their financial success in the Thai market during the past few years. As a result, 560 - 2,856 million pieces of Single-use Plastics (SUPs) are expected each year. Furthermore, the Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) caused a dilemma in sustainable consumption and intensified the plastic waste situation. The social dilemma poses difficult short-term choices between health and the environment. The concern is that while Thais have started to adopt new sustainable lifestyles with the no-plastic-bag policy, environmentalists worry that this COVID disruption will have a long-term behavioural impact on SUPs consumption habits. Consuming single-use packaging …


Utilization Of Rain Tree (Samanea Saman) Residue As Modified Adsorbent To Treat Oil And Grease In Canteen Wastewater, Elga Riesta Puteri Jan 2021

Utilization Of Rain Tree (Samanea Saman) Residue As Modified Adsorbent To Treat Oil And Grease In Canteen Wastewater, Elga Riesta Puteri

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The utilization of waste materials as adsorbent precursors is gaining intention to treat fats, oils, and greases (FOG), especially in wastewater treatment. Tree residue, an abundant waste, provides a potential feedstock to be converted into valuable materials. This research aimed to develop modified adsorbent prepared from rain tree (Samanea saman) residue for FOG treatment. The synthesis process of modified adsorbent was conducted by chemical pretreatment using different chemical agents (i.e., NaOH, ZnCl2, and H3PO4­). The pre-treated twigs and leaves (1:4 ratio) were continued by pyrolysis process at different temperatures (i.e., 350, 550, and 750oC) using a heating rate of 10oC …


Surface Activation Of Rice Husk-Derived Hydrochar As An Adsorbent For Atrazine And Ammonium, Kim Anh Phan Jan 2021

Surface Activation Of Rice Husk-Derived Hydrochar As An Adsorbent For Atrazine And Ammonium, Kim Anh Phan

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Due to the agricultural intensity, studies of sustainable solutions for atrazine and nitrogen contamination have attracted more attention. This study is aimed to develop rice husk hydrochar as an adsorbent for atrazine and ammonium adsorption. Effects of microwave-assisted hydrothermal carbonization (MHTC) conditions including temperature (150 – 200°C), residence time (20 – 60 min), and liquid to solid ratio (5:1 – 15:1 mL/g) on the atrazine and ammonium adsorption capacity were investigated. Surface activation of rice husk hydrochar samples was synthesized using potassium hydroxide (KOH) and hydrogen peroxide (H2O2) with various concentrations. The results showed that higher MHTC temperature with higher …


Health Risk Assessment Of Toxic Metals In Commonly Consumed Salad Leafy Vegetables In Bangkok, Zin Htoo Hlyan Jan 2021

Health Risk Assessment Of Toxic Metals In Commonly Consumed Salad Leafy Vegetables In Bangkok, Zin Htoo Hlyan

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The objectives of this study were 1) to investigate concentrations of toxic metals including As, Cd, and Pb in the commonly consumed salad leafy vegetables which were sold in Bangkok, and 2) to assess potential human health risks of As, Cd, and Pb exposure via salad leafy vegetables consumption. A total of 120 samples were randomly collected from local fresh markets in Bangkok. The total concentrations of toxic metals were determined by an inductively coupled plasma mass spectroscopy (ICP-MS). Total concentrations of As, Cd and Pb in coral lettuce (CL), red coral (RC) and green oak (GO) for soil cultivation …


การประยุกต์ใช้กากหม้อกรองเหลือทิ้งจากโรงงานน้ำตาลด้วยกระบวนการไฮโดรเทอร์มอลคาร์บอไนเซชันเพื่อบำบัดน้ำเสียของโรงงาน, รัชมล วิธูวัฒนา Jan 2021

การประยุกต์ใช้กากหม้อกรองเหลือทิ้งจากโรงงานน้ำตาลด้วยกระบวนการไฮโดรเทอร์มอลคาร์บอไนเซชันเพื่อบำบัดน้ำเสียของโรงงาน, รัชมล วิธูวัฒนา

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

กากหม้อกรองเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงานน้ำตาลซึ่งมีจำนวนมาก และมีปริมาณคาร์บอนที่สูง งานวิจัยนี้ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการนำกากหม้อกรอง มาผลิตเป็นวัสดุดูดซับด้วยกระบวนการไฮโดรเทอร์มอลคาร์บอไนเซชัน โดยศึกษาปัจจัยที่มีผล ได้แก่ อุณหภูมิ (200, 250, 300 °C) ระยะเวลาทำปฏิกิริยา (1, 2, 3 ชั่วโมง) และอัตราส่วนกากหม้อกรองต่อน้ำ (1:5, 1:10, 1:15) โดยผลผลิตที่ได้เรียกว่า ไฮโดรชาร์ และนำไฮโดรชาร์ที่ได้มาทดสอบการดูดซับสีในน้ำเสียจริงจากโรงงานน้ำตาลที่สภาวะค่าความเป็นกรด-ด่างจริง (pH = 4.18) และ ±2 จากค่าความเป็นกรด-ด่างจริง (pH = 6.18, 2.18) ผลการศึกษาพบว่า ไฮโดรชาร์ที่อุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียส เวลาทำปฏิกิริยา 1 ชั่วโมง และอัตราส่วนชีวมวลต่อน้ำกลั่น 1:10 สามารถใช้เป็นตัวดูดซับที่ดี โดยไฮโดรชาร์ดังกล่าวมีค่าผลผลิตที่ได้ร้อยละ 57.73 โดยน้ำหนัก ค่าไอโอดีนนัมเบอร์เท่ากับ 273.37 มิลลิกรัมต่อกรัม และค่าไอโอดีนนัมเบอร์สุทธิเท่ากับ 153.09 มิลลิกรัมต่อกรัม ในส่วนของการศึกษาการดูดซับ พบว่า เวลาเข้าสู่สมดุลการดูดซับสีของไฮโดรชาร์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว (น้อยกว่า 1 นาที) และประสิทธิภาพในการกำจัดสีในน้ำเสียจริงจากโรงงานน้ำตาลในสภาวะปกติได้ร้อยละ 70.84 นอกจากนี้ได้ทำการทดลองในคอลัมน์จำลอง พบว่าปริมาตรน้ำเสียที่ไฮโดรชาร์สามารถดูดซับสีได้ค่าสีต่ำกว่ามาตรฐานน้ำทิ้งเท่ากับ 40 มิลลิลิตร ที่อัตราการไหล 0.5 มิลลิลิตรต่อนาที โดยมีค่าสีเท่ากับ 274 ADMI


ประสิทธิภาพของสารลดแรงตึงผิวและสารไบโอพอลิเมอร์ในการลดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในห้องทดสอบจำลองแบบปิด, ขวัญศินีย์ เบ็ญหีม Jan 2021

ประสิทธิภาพของสารลดแรงตึงผิวและสารไบโอพอลิเมอร์ในการลดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในห้องทดสอบจำลองแบบปิด, ขวัญศินีย์ เบ็ญหีม

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพในการลด PM2.5 ของการฉีดพ่นสารเคมีที่มีคุณสมบัติช่วยการเกาะรวมของอนุภาค (Agglomerations) และปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในห้องทดสอบจำลองแบบปิด ทำการศึกษาปัจจัยของสารที่มีต่อประสิทธิภาพการลด PM2.5 ได้แก่ ชนิดของสาร ความเข้มข้น และปริมาตรของสาร โดยศึกษาประสิทธิภาพของสารไบโอพอลิเมอร์ (เพคติน) สารลดแรงตึงผิว (Tween-80) สารสูตรตำรับ 5 ชนิด (A-E) และน้ำ เปรียบเทียบความเข้มข้นและปริมาตรที่แตกต่างกัน 3 ระดับ ได้แก่ 0.05, 0.1 และ 0.5% (W/V, V/V) และ 75, 100 และ 150 มิลลิลิตร ทำการวิเคราะห์ลักษณะการกระจายตัวตามขนาดของอนุภาคฝุ่นที่เปลี่ยนแปลงในเชิงปริมาณและการรวมตัวทางกายภาพของฝุ่นหลังผ่านการฉีดพ่นผ่านกล้องจุลทรรศน์แบบส่องกราด (SEM) ผลการศึกษาพบว่า สารเพคตินที่ความเข้มข้น 0.5% W/V ปริมาตร 100 มิลลิลิตร มีประสิทธิภาพในการลด PM2.5 สูงที่สุด เท่ากับ 66.2±0.2% ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า Tween-80 และน้ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% (p < 0.05) และมีอัตราการลด PM2.5 เท่ากับ 5 µg/m3.min ซึ่งลดลงเร็วกว่าสารอื่นๆ แต่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และสูตรตำรับ E ที่ปริมาตร 100 มิลลิลิตร ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าสารตำรับอื่นๆ การกระจายตัวตามขนาดของอนุภาคหลังจากฉีดพ่นด้วยสารเพคติน Tween-80 สารสูตรตำรับ E มีแนวโน้มการกระจายตัวของอนุภาคฝุ่นที่ใหญ่กว่า 2.5 ไมครอน (ช่วงขนาด 3.3-5.8 ไมครอน) อย่างชัดเจน แสดงถึงสารดังกล่าวสามารถส่งเสริมการเกาะรวมของอนุภาค และลักษณะสัณฐานวิทยาของอนุภาคฝุ่นละอองที่ฉีดพ่นด้วยสารเพคตินและสารสูตรตำรับ E ซึ่งมีองค์ประกอบพื้นฐานเป็นสารพอลิเมอร์มีลักษณะการเกาะรวมเป็นกลุ่มอนุภาคชัดเจนมากกว่าที่ผ่านการฉีดพ่นด้วยสาร Tween-80 และน้ำ แสดงให้เห็นว่าสารพอลิเมอร์มีประสิทธิภาพในการลดฝุ่นผ่านกลไกการเกาะรวมกันของอนุภาคฝุ่นได้ดีกว่าสารลดแรงตึงผิวและน้ำเปล่า


ประสิทธิภาพของสารลดแรงตึงผิวในการลดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในห้องทดสอบจำลองแบบกึ่งปิด, นพรุจ นาคจันทร์ Jan 2021

ประสิทธิภาพของสารลดแรงตึงผิวในการลดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในห้องทดสอบจำลองแบบกึ่งปิด, นพรุจ นาคจันทร์

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการใช้อุปกรณ์ฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลด PM2.5 โดยการปรับเปลี่ยนลักษณะวิธีการฉีดพ่นละอองน้ำ ได้แก่ ขนาดหัวฉีดพ่น แรงดันฉีดพ่น และจำนวนหัวฉีด และทำการทดสอบประสิทธิภาพในการลด PM2.5 ด้วยสารลดแรงตึงผิว 4 ชนิด ได้แก่ Tween-80, Linear alkyl benzene sulfonate, Benzalkonium chloride และ Cocamidopropyl betaine โดยทำการทดสอบในห้องทดสอบจำลองพื้นที่แบบกึ่งปิด พร้อมทั้งวิเคราะห์ลักษณะการกระจายตัวตามขนาดของอนุภาคฝุ่นหลังจากผ่านกระบวนการฉีดพ่นน้ำและสารลดแรงตึงผิว ลักษณะทางสัณฐานวิทยาของการเกาะรวมกันของฝุ่นละอองที่เปลี่ยนแปลงไป และลักษณะการไหลของฝุ่นละอองในระบบทดสอบด้วยเทคนิคพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ ผลการศึกษาพบว่า การฉีดพ่นละอองน้ำด้วยหัวฉีดพ่นขนาด 0.6 มิลลิเมตร ที่ระดับแรงดันฉีดพ่น 0.4 เมกะปาสคาล ด้วยหัวฉีดพ่นจำนวน 1 หัว มีประสิทธิภาพในการลด PM2.5 สูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 22 ± 1.4 ซึ่งปัจจัยที่เพิ่มประสิทธิภาพในการลด PM2.5 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ระดับแรงดันฉีดพ่นและขนาดหัวฉีดพ่น (r = 0.775 และ 0.388 ตามลำดับ) ผลการทดสอบด้วยสารลดแรงตึงผิวพบว่า Tween-80 ที่ความเข้มข้น 1% w/v มีประสิทธิภาพในการลด PM2.5 สูงกว่าสารลดแรงตึงผิวชนิดอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 (p-value < 0.05) โดยมีประสิทธิภาพในการลด PM2.5 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 23.6 ± 1.4 แต่ประสิทธิภาพดีกว่าน้ำเพียงเล็กน้อย การกระจายตัวตามขนาดของอนุภาคเมื่อฉีดพ่น Tween-80, Cocoamidopropyl betaine และ Benzalkonium chloride พบการกระจายของอนุภาคฝุ่นอยู่ในช่วงชั้นขนาดใหญ่กว่า 2.5 ไมครอน แสดงถึงสารทั้ง 3 ชนิดมีคุณสมบัติเป็นสารเกาะรวมที่ทำให้อนุภาค PM2.5 มีขนาดใหญ่ขึ้น และลักษณะสัณฐานวิทยาของอนุภาคฝุ่นละอองที่ฉีดพ่นด้วย Tween-80 มีลักษณะการเกาะรวมกันทางกายภาพของอนุภาคชัดเจนที่สุด แบบจำลองการไหลของฝุ่นละอองในสภาวะทดสอบแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มระดับแรงดันฉีดพ่นและขนาดหัวฉีดพ่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการเคลื่อนที่ของฝุ่นละอองที่ผ่านละอองน้ำได้ โดยส่งผลชัดเจนที่สุดเมื่อฉีดพ่นละอองน้ำด้วยหัวฉีดพ่นขนาด 0.6 มิลลิเมตร ระดับแรงดัน 0.4 เมกะปาสคาล


กลไกการเคลื่อนย้ายและการกระจายตัวของสารหนูในหญ้าเนเปียร์แคระ ด้วยจลนศาสตร์ไฟฟ้าและสารช่วยเร่ง, อุดมศักดิ์ บุญมีรติ Jan 2021

กลไกการเคลื่อนย้ายและการกระจายตัวของสารหนูในหญ้าเนเปียร์แคระ ด้วยจลนศาสตร์ไฟฟ้าและสารช่วยเร่ง, อุดมศักดิ์ บุญมีรติ

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการศึกษาปริมาณการดูดดึงและสะสม และกลไกการเคลื่อนที่และการกระจายตัว ของสารหนูในหญ้าเนเปียร์แคระที่ปลูกในกากโลหกรรมจากเหมืองแร่ทองคำที่ปนเปื้อนสารหนู ร่วมกับการให้สนามไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 1 โวลต์ต่อเซนติเมตร เป็นเวลา 3 ชั่วโมงต่อวัน และการเติมสารช่วยเร่ง 2 ชนิด คือ สารฟอสเฟต และสารอีดีทีเอ โดยทำการศึกษาผลของระดับความเข้มข้นของสารฟอสเฟตที่ 0.7, 1.4 และ 2.8 มิลลิโมลต่อกิโลกรัม และสารอีดีทีเอที่ 2.5, 5 และ 10 มิลลิโมลต่อกิโลกรัม ต่อปริมาณการดูดดึงและสะสมสารหนู และการเจริญเติบโตของพืช โดยทำการเก็บตัวอย่างกากโลหกรรมและพืช (ส่วนใต้กากโลหกรรม-ราก และส่วนเหนือกากโลหกรรม-ลำต้นและใบ) ทุก 15 วัน เป็นระยะเวลา 60 วัน จากผลการศึกษา พบว่า การเติมสารฟอสเฟตที่ระดับความเข้มข้น 1.4 มิลลิโมลต่อกิโลกรัม และสารอีดีทีเอที่ระดับความเข้มข้น 2.5 มิลลิโมลต่อกิโลกรัม ทำให้หญ้าเนเปียร์แคระมีปริมาณการดูดดึงและสะสมสารหนูในส่วนเหนือกากโลหกรรมเพิ่มขึ้นสูงที่สุด โดยเมื่อสิ้นสุดการทดลองมีค่าเท่ากับ 2.62 และ 2.27 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ โดยมีค่าสูงกว่าชุดการทดลองควบคุมที่ไม่มีการให้สนามไฟฟ้าและการเติมสารช่วยเร่งคิดเป็น 2 และ 1.7 เท่า ตามลำดับ ในขณะที่การเติมสารผสมระหว่างฟอสเฟตและอีดีทีเอที่ระดับความเข้มข้นที่เหมาะสม ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 โดยปริมาตร ไม่ส่งผลให้ปริมาณการดูดดึงและสะสมสารหนูมีค่าเพิ่มขึ้น แต่ทำให้หญ้าเนเปียร์แคระแสดงความเป็นพิษเพิ่มขึ้น โดยจากผลการวิเคราะห์รูปฟอร์มทางเคมีของสารหนูในกากโลหกรรมบริเวณขั้วแอโนดซึ่งเป็นบริเวณที่ทำการปลูกหญ้าเนเปียร์แคระด้วยเทคนิค Synchrotron Radiation Based Bulk-XANES (SR-Bulk-XANES) พบว่า การเติมสารฟอสเฟตที่ระดับความเข้มข้น 1.4 มิลลิโมลต่อกิโลกรัม ทำให้สารหนูเกิดการออกซิไดส์เปลี่ยนไปอยู่ในรูปของอาร์เซเนตได้มากกว่าชุดการทดลองอื่น โดยมีค่าพลังงานที่ขอบการดูดกลืนรังสีเอกซ์ (E0) และค่าพลังงานที่ White Line สูงที่สุด โดยมีค่าเท่ากับ 11,866.10 และ 11,873.55 อิเล็กตรอนโวลต์ ตามลำดับ โดยผลการวิเคราะห์การสะสมและการกระจายตัวของสารหนูในหญ้าเนเปียร์แคระด้วยเทคนิค Synchrotron Based Micro-XRF Imaging (SR-µ-XRF Imaging) แสดงให้เห็นว่าการเติมสารฟอสเฟตที่ระดับความเข้มข้น 1.4 มิลลิโมลต่อกิโลกรัม …


Consumers' Intention In Avoiding Plastic Packaging From Online Food Take-Out : A Case Study Of Beijing And Shanghai, China, Kaiyan Yang Jan 2021

Consumers' Intention In Avoiding Plastic Packaging From Online Food Take-Out : A Case Study Of Beijing And Shanghai, China, Kaiyan Yang

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

China's plastic pollution has gotten worse, especially during the COVID pandemic when the city's lockdowns boosted the food takeout business. Although the government has made efforts in curbing the use of conventional single-use plastic packaging, the problem is still looming up in the critical time of building ecological civilization. The key to resolve the overwhelming usage of disposable plastic packaging lies in reduction, along with using green alternatives: biodegradable packaging and returnable containers. The study investigated consumers' willingness to adopt new alternatives by applying the theory of planned behavior (TPB). The measurement scale, developed upon previous literature, gains validated reliability …


Perceptions And Preparedness Of The Tourism Workers Linked To Climate Change And Covid-19 In Barbados, Natasha Priscilla Mayers Jan 2021

Perceptions And Preparedness Of The Tourism Workers Linked To Climate Change And Covid-19 In Barbados, Natasha Priscilla Mayers

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The tourism industry is one of the main economic earners in the Caribbean and such is the same for the island of Barbados. With the focus on sustainable development goals and overall sustainability, tourism sustainability is at the forefront of discussions pertaining to sustainable development. The Tourism Master Plan (2013-2024) has taken it a step further and equated tourism sustainability to environmental sustainability. The aim of this research was therefore to explore the perceptions of workers and stakeholders on tourism sustainability in relation to COVID-19 and climate change, whether factors such as demographics can affect these perceptions and provide informed …


Preventing Occupational Respiratory Disease From Exposures In Office Building : Case Study Covid-19, Panupant Phapant Jan 2021

Preventing Occupational Respiratory Disease From Exposures In Office Building : Case Study Covid-19, Panupant Phapant

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

The COVID‐19 pandemic has affected human life in every possible way, and, alongside this, the need has been felt that office buildings and workplaces must have protective and preventive layers against COVID‐19 transmission so that a smooth transition from ‘work from home’ to work from office’ is possible. The present study reviews international agency regulations, country regulations, updated journal articles, etc., to critically understand lessons learned from COVID‐19 and evaluate the expected changes in sustainability requirements of office buildings and workplaces. The built environment, control environment, and regulatory environment around office buildings and workplaces have been put under test on …


Developing A System Of Community-Based Agritourism For Sustainable Local Food Systems: A Multi-Case Study Of Rural Livelihood Diversification And Sustainable Urban Consumption In City-Regional Bangkok, Sofia Anna Enrica Cavalleri Jan 2021

Developing A System Of Community-Based Agritourism For Sustainable Local Food Systems: A Multi-Case Study Of Rural Livelihood Diversification And Sustainable Urban Consumption In City-Regional Bangkok, Sofia Anna Enrica Cavalleri

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Current food systems fail to directly link rural producers and urban consumers. This research explores and categorizes emerging community-based agritourism practices as strategies to reconnect rural food producers with urban consumers. The main research question of this study is: how can community-based agritourism link rural food producers and urban consumers as a rural livelihood diversification strategy? Mixed methods for data collection were selected to answer this question and analyzed with a deductive and inductive approach. These include the review of secondary grey and academic literature, shadow observation in three rural provinces, content validity index calculation performed by experts (n = …


Arsenic Removal From The Contaminated Soil By Bio-Based Washing Agent In A Combined Mechanical Agitation And Ultrasonication Process, Polwatte Arachchillaya Buddhika Prabath Abeyrathne Jan 2021

Arsenic Removal From The Contaminated Soil By Bio-Based Washing Agent In A Combined Mechanical Agitation And Ultrasonication Process, Polwatte Arachchillaya Buddhika Prabath Abeyrathne

Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

A significant amount of arsenic (As) pollution has been found globally, with several health consequences. Soil washing is a cost-effective mix of chemical and physical procedures that have been used to remove heavy metals from polluted soil. This study investigated the possibility of using a lipopeptide biosurfactant from Bacillus subtilis GY19 as a washing agent to remove As from contaminated soil. To improve the effectiveness of biosurfactants, sodium carbonate and ethylenediaminetetraacetic acid (EDTA) were employed as builders to minimize the influence of exchangeable cations in the soil. The agricultural soil utilized in the study was spiked with As at an …