Future City, 2022 Macalester College
Future City, Quentin Harrington
Art and Art History Honors Projects
No abstract provided.
Bitter Sweet, 2022 WVU
Bitter Sweet, Hanna M. Kesty
Graduate Theses, Dissertations, and Problem Reports
This written document is the accompanying thesis for my Master of Fine Arts Exhibition, Bitter Sweet. The exhibition featured traditional framed prints with sculptural accents that reveal brutally honest negative personal experiences, interactions, and emotions, paired with delicately cute aesthetics. My work embodies the necessity of personal artistic expression to process years of emotional repression. The prints and sculptures in the exhibition focus around a collection of insults and harsh comments coupled with feelings of loneliness and isolation. I allow personal vulnerability to show, to reinforce that these moments have molded and shaped who I am and will continue to …
Looking South: The Increased Visibility Of Modern Latin American Art, 2022 Sotheby's Institute of Art
Looking South: The Increased Visibility Of Modern Latin American Art, Sofía Festa
MA Theses
This thesis aims to identify and analyze the main factors behind the increased visibility of Latin American Modern art today. I intend to examine the role played by American institutions, private collectors, and the top auction houses and how they are driving awareness in the global art market. The research will focus on artists whose works were made from the 1920s through mid-1940s and are currently breaking records in the auction world. These are the same artists that are being showcased in prominent private collections and American museums, which in turn serves as a way of validating those artists as …
Factors Behind The Successful Positioning Of Mexico City As An International Contemporary Art Center, 2022 Sotheby's Institute of Art
Factors Behind The Successful Positioning Of Mexico City As An International Contemporary Art Center, Alma Roberta Zertuche Cantu
MA Theses
The following thesis highlights the factors that have contributed to the successful positioning of Mexico City as an international contemporary art center. The city has expanded its artistic reach in the last few decades and its contemporary art market is now booming. The key to its successful positioning in the global art sphere lies in three main factors: collectors, galleries, and fairs. These art market players have had a significant role in the development of the city’s vibrant art scene and have worked to expand it internationally. This investigation aims to answer questions on how the stakeholders have raised international …
Healing Sanctuary, 2022 Fort Hays State University
Healing Sanctuary, Kammy Downs
Master's Theses
The natural world has hidden wisdom and resources that are disregarded as we misuse our responsibility to care for them. The benefits of being in tune with nature have been traded for a culture that manipulates nature on the altar of expediency, waste, and unquenchable desire. Healing Sanctuary presents a duality. My work speaks about the relationship between the seen and unseen, represented by ten larger-than-life drawings of medicinal herbal plants that have had a profound physical healing effect on me. At the same time, plants, roots, and seeds create visceral metaphors for mental health. Our accomplishments, outlook on life, …
การออกแบบเรขศิลป์ สื่อคำสอนหลวงปู่โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การออกแบบเรขศิลป์ สื่อคำสอนหลวงปู่โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม, จักรกริศน์ บัวแก้ว
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาแนวทางการออกแบบเรขศิลป์สื่อคำสอนหลวงปู่โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งมีการดำเนินงานวิจัย คือ 1. ศึกษาข้อมูลจากวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องในเรื่องคำสอนของหลวงปู่โต จากผู้เชี่ยวชาญด้านคำสอน 2. ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องในเรื่องของสื่อนิยายภาพที่ได้รับรางวัล 3. วิเคราะห์คำสอนของหลวงปู่โต ร่วมกับสื่อกลุ่มตัวอย่างนิยายภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านคำสอน ผู้เชี่ยวชาญด้านเรขศิลป์ และด้านภาพประกอบเรื่อง เป็นจำนวน 2 ระยะ 4. คัดกรองกลุ่มตัวอย่างนิยายภาพจากเกณฑ์ของ Krejcie & Morgan และวิเคราะห์ร่วมกับแนวคิดในการออกแบบ 4 แนวคิด โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการนิเทศศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเรขศิลป์ และด้านภาพประกอบ 5. เรียบเรียงเนื้อเรื่องเพื่อสร้างสรรค์ผลงานต้นแบบ และตรวจสอบโดยกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ได้แนวทางการออกแบบเรขศิลป์ที่เหมาะสม ผลสรุปงานวิจัยพบว่าสามารถระบุคำสอนหลักของหลวงปู่โต พรหมรังสีได้ 4 เรื่อง คือ 1.เรื่อง “ธรรม”, 2. เรื่อง “การดับทุกข์”, 3. เรื่อง “อุปทาน” และ 4 . เรื่อง “ทางสายกลาง” โดยสามารถใช้เป็นแนวทางการออกแบบเรขศิลป์ร่วมกับข้อสรุปจาก 4 แนวคิดได้ ประกอบด้วย 1. ทฤษฎีการเล่าเรื่อง (Storytelling) จำนวน 6 แนวทาง, 2. ทฤษฎีภาพประกอบเรื่อง (Illustration) จำนวน 6 แนวทาง, 3. ทฤษฎีการจัดองค์ประกอบภาพ (Composition) จำนวน 6 แนวทาง และ 4. ทฤษฎีการออกแบบตัวละคร (Character Design) จำนวน 6 แนวทาง ซึ่งสามารถสร้างความน่าสนใจ และสามารถดึงดูด จากการทดสอบกลุ่มเป้าหมายกลุ่ม Digital Native ได้เป็นอย่างดี
การออกแบบโฆษณายั่วยุสำหรับการรณรงค์เพื่อสังคม, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การออกแบบโฆษณายั่วยุสำหรับการรณรงค์เพื่อสังคม, ณวัฒน์ อินทอง
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อหาแนวทางในการออกแบบโฆษณายั่วยุสำหรับการรณรงค์เพื่อสังคม 2) เพื่อหาวิธีประยุกต์ใช้แนวทางการออกแบบโฆษณายั่วยุสำหรับการรณรงค์เพื่อสังคม โดยมีวิธีวิจัยคือ 1.ทำการรวบรวมชิ้นงานโฆษณาแนวทางปฎิบัติอันเป็นเลิศจาก2สถาบันคือ D&AD และ The One Show ปี พ.ศ. 2560 - พ.ศ. 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 203 ชิ้น ทำการตรวจสอบคุณสมบัติชิ้นงานที่ใช้ศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญโดยการสัมภาษณ์แบบกลุ่ม จากนั้น 2.ผู้วิจัยศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวคิดการยั่วยุอารมณ์เพื่อกำหนดคำสำคัญจากร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเพื่อสร้างเครื่องมือที่1 สำหรับคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างภาพโฆษณาที่มีลักษณะยั่วยุอารมณ์ 3. ทำการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา และ ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อประชาสัมพันธ์ จากนั้น 4. ผู้วิจัยนำกลุ่มตัวอย่างจำนวน 63 ชิ้นมาวิเคราะห์ร่วมกับแนวคิดการออกแบบโฆษณา 6 แนวคิดได้แก่ 1) กลยุทธ์การสร้างสรรค์สารโฆษณา 2) แนวคิดจุดจับใจในงานโฆษณา 3) การนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ 4) แนวคิดด้านการออกแบบเรขศิลป์ 5) แนวคิดรูปแบบการสร้างสรรค์ภาพ 6) แนวคิดวิธีการเล่าเรื่อง 5. นำผลวิเคราะห์ไปตรวจสอบความถูกต้องของการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้วยวิธีการสนทนากลุ่ม และสัมภาษณ์เชิงลึก ผลสรุปงานวิจัยพบว่าคำสำคัญของการยั่วยุอารมณ์มีทั้งหมด 12 คำ การใช้กลยุทธ์การสร้างสรรค์สารโฆษณา คือ 1) สารประเภทอารมณ์ 2) สารประเภทการอ้างเหตุผลสนับสนุน 3) สารประเภทการใช้ข้อมูล แนวคิดจุดจับใจในงานโฆษณา คือ 1) จุดจับใจความกลัว 2) จุดจับใจอารมณ์ 3) จุดจับใจทางเพศ แนวคิดการนำเสนอแนวความคิดสร้างสรรค์คือ 1) รูปแบบการสร้างอารมณ์ร่วมให้รู้สึกตื้นตัน เศร้าใจ 2) รูปแบบการอุปมาอุปไมย 3) คำให้การและคำรับรอง แนวคิดวิธีการเล่าเรื่องคือ 1) รูปแบบการเริ่มต้นด้วยความผิดพลาด 2) รูปแบบการเริ่มต้นด้วยประโยคที่สร้างความสนใจและแรงบันดาลใจ 3) รูปแบบการเล่าเปิดประเด็นไว้แล้วนำเสนอเรื่องอื่น แนวคิดการนำเสนอแนวความคิดสร้างสรรค์ และ แนวคิดวิธีเล่าเรื่อง แนวคิดด้านการออกแบบเรขศิลป์ คือ 1) รูปแบบการก้าวเข้าสู่สีเอกรงค์ 2) รูปแบบการใช้ภาพถ่ายและภาพวาดร่วมกัน 3) รูปแบบและพื้นผิว แนวทางการใช้แนวคิดรูปแบบการสร้างสรรค์ภาพ คือ 1) รูปแบบภาพการใช้รูปแบบ …
การประพันธ์บทเพลงชุดพระพุทธบาทปูชิตชลบุรี, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การประพันธ์บทเพลงชุดพระพุทธบาทปูชิตชลบุรี, กิตติภัณฑ์ ชิตเทพ
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาวิจัยเรื่องการประพันธ์บทเพลงชุดพระพุทธบาทปูชิตชลบุรี เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามูลบทเกี่ยวกับรอยพระพุทธบาทในจังหวัดชลบุรี และประพันธ์บทเพลงชุดพระพุทธบาทปูชิตชลบุรี ผลการศึกษาปรากฏพบรอยพระพุทธบาทในวัดพระอารามหลวงจำนวน 6 วัด ได้แก่ วัดเขาบางทราย พระอารามหลวง วัดใหญ่อินทาราม พระอารามหลวง วัดบางพระวรวิหาร วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร วัดชัยมงคล พระอารามหลวง และวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร รอยพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดคือรอยพระพุทธบาทที่อัญเชิญมาจากเมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย เชื่อว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.500 การประพันธ์บทเพลงชุดพระพุทธบาทปูชิตชลบุรีได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ ลักษณะเฉพาะ ประเพณี เอกลักษณ์ชาติพันธุ์และศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ประพันธ์ขึ้นตามหลักดุริยางคศิลป์ไทยด้วยวิธีการยืดยุบทำนอง ทำนองเพลงต้นราก และประพันธ์แบบอัตโนมัติ เพลงแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงแรก ทิ้กท้อบ่วงหุกส่วย ประกอบด้วย เพลงโล้เตี่ยจิว เพลงรัวจีน เพลงขึ้นฝั่ง และเพลงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ช่วงที่สอง เพลงไป่โล่วโก้ และช่วงที่สาม พระพุทธบาทปูชิต ประกอบด้วยเพลงศรีสมุทรสมโภช เพลงรุ่งโรจน์ศรีพโล เพลงธเรศนครอินทร์ เพลงฉิ่งนิมิตบางพระ เพลงพุทธชัยมงคล เพลงภูมิพลเฉลิมชัย และจบด้วยทำนองเพลงรัวพระพุทธบาทปูชิต เป็นการบูรณาการความรู้ด้านดุริยางคศิลป์ไทยกับประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น ความเชื่อทางพระพุทธศาสนาและเผยแพร่เป็นอนุสรณ์ถึงสถานที่สำคัญ ช่วยน้อมนำจิตให้เกิดกุศลเป็นมิ่งมงคลตามคติความเชื่อของรอยพระพุทธบาท
ดุษฎีนิพนธ์ดนตรีสร้างสรรค์ : "ราชมงคลอีสาน ซิมโฟนีออร์เคสตรา" จิตวิญญาณแห่งวัฒนธรรมอุดรบูรพา, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
ดุษฎีนิพนธ์ดนตรีสร้างสรรค์ : "ราชมงคลอีสาน ซิมโฟนีออร์เคสตรา" จิตวิญญาณแห่งวัฒนธรรมอุดรบูรพา, ดารณี เปลื้องสันเทียะ
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ดุษฎีนิพนธ์ดนตรีสร้างสรรค์: “ราชมงคลอีสานซิมโฟนีออร์เคสตรา” จิตวิญญาณแห่งวัฒนธรรมอุดรบูรพา มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์รูปแบบแนวความคิดเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอีสาน ให้กับวงราชมงคลอีสานซิมโฟนีออร์เคสตรา และสร้างสรรค์บทเพลงที่มีการการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดนตรีพื้นถิ่นอีสานและดนตรีตะวันตกได้อย่างเหมาะสม ในรูปแบบดนตรีร่วมสมัย โดยใช้หลักทฤษฎีและเทคนิคดนตรีตะวันตกเป็นหลัก ในการเรียบเรียงเสียงประสาน การเคลื่อนที่ของคอร์ดได้เหมาะสม และการใช้เทคนิคการด้นสด เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับบทเพลงและความน่าสนใจให้กับเครื่องดนตรีพื้นถิ่นอีสาน เป็นต้น การสร้างสรรค์ผลงานนำเสนอให้รูปแบบ จำนวน 7 บทเพลง ได้แก่ 1.เพลงโคราชต้อนรับ 2. เพลงเดือนหงายที่ริมโขง 3. เพลงตามรักที่ธาตุหลวง 4. เพลงพี่เกี้ยวไม่เป็น 5. เพลงส้มตำ 6. เพลงสาวอีสานรอรัก 7.เพลงเต้ยโขง ความยาวประมาณ 40 นาที บรรเลงโดยวงออร์เคสตราผสมผสานการเดี่ยวเครื่องดนตรีพื้นถิ่นอีสาน
การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากภาวะการเรียนรู้ถดถอย, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากภาวะการเรียนรู้ถดถอย, ณัฐนิช ธรณธรรมกุล
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ผู้วิจัย ได้ศึกษาสาเหตุและผลกระทบของการเกิดภาวะการเรียนรู้ถดถอยและนำข้อมูลดังกล่าวมาสร้างสรรค์ผลงานนาฏยศิลป์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหารูปแบบและแนวคิดที่ได้หลังจากการสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากภาวะการเรียนรู้ถดถอย โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพและการทดลองและวิจัยสร้างสรรค์ผลงานการแสดงทางด้านศิลปะ ที่มีการศึกษาข้อมูลจากเอกสารทางวิชาการ การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ การสัมมนา สื่อสารสนเทศ เกณฑ์การสร้างมาตรฐานในการยกย่องบุคคลต้นแบบทางด้านนาฏยศิลป์และประสบการณ์ส่วนตัวของผู้วิจัย มาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ สังเคราะห์และสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏยศิลป์ ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการสร้างสรรค์ในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 8 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) บทการแสดง ได้มาจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของภาวะการเรียนรู้ถดถอย โดยแบ่งการแสดงออกเป็น 4 องก์ ได้แก่ องก์ที่ 1 บทนำ องก์ที่ 2 สาเหตุของภาวะการเรียนรู้ถดถอย องก์ที่ 3 ผลกระทบของภาวะการเรียนรู้ถดถอย และองก์ที่ 4 บทสรุป 2) ลีลานาฏยศิลป์ มีการใช้ลีลานาฏยศิลป์ตะวันตกในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ นาฏยศิลป์รูปแบบบัลเลต์คลาสสิก นาฏยศิลป์รูปแบบแจ๊สสมัยใหม่ นาฏยศิลป์สมัยใหม่ นาฏยศิลป์ร่วมสมัย นาฏยศิลป์หลังสมัยใหม่ ที่ใช้การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน และการเคลื่อนไหวลีลาท่าทางแบบทำซ้ำ การด้นสดและการใช้ศิลปะการแสดง 3) คัดเลือกนักแสดง คัดเลือกจากทักษะความสามารถทางด้านนาฏยศิลป์ตะวันตก การด้นสดและศิลปะการละคร ประสบการณ์ของผู้แสดง และมีคุณลักษณะของผู้แสดงอันพึงประสงค์ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องเพศและรูปร่าง จำนวนทั้งสิ้น 7 คน 4) อุปกรณ์ประกอบการแสดง ใช้แนวคิดการใช้สัญลักษณ์ในการสื่อความหมายทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งการคำนึงถึงความเหมาะสมในการเลือกใช้อุปกรณ์ประกอบการแสดง ได้แก่ เก้าอี้ สมุด ชั้นวางของ ขนม หมอน กระเป๋า 5) เสียงและดนตรีประกอบการแสดง ใช้เสียงระฆังโรงเรียน เสียงเข็มนาฬิกา เสียงข่าวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางด้านการเรียนรู้ถดถอย และปัญหาทางด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้อง และเสียงดนตรีบรรเลง 6) เครื่องแต่งกาย ใช้แนวคิดการใช้สัญลักษณ์ในการออกแบบเครื่องแต่งกายตามบทบาทของตัวละคร โดยการเลือกใช้เครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวันและเครื่องแบบนักเรียน 7) พื้นที่การแสดง ใช้พื้นที่ห้องสตูดิโอ ในการถ่ายทำการแสดง 8) แสง ใช้ทฤษฎีทางด้านศิลปกรรมศาสตร์ ในการออกแบบแสงที่สื่อถึงบรรยากาศและอารมณ์ของการแสดง นอกจากนี้ผู้วิจัยได้คำนึงถึงแนวคิดที่ได้หลังจากการสร้างสรรค์นาฏยศิลป์ โดยคำนึงถึงแนวคิดสำคัญ 6 ประการ ได้แก่ 1) การคำนึงถึงแนวคิดภาวะการเรียนรู้ถดถอย 2) การคำนึงถึงแนวคิดการสะท้อนปัญหาสังคมไทย 3) การคำนึงถึงความคิดสร้างสรรค์ทางด้านนาฏยศิลป์ …
การสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์ : พระธาตุดอยตุง, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์ : พระธาตุดอยตุง, ตั้งปณิธาน อารีย์
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์: พระธาตุดอยตุง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามูลบทที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาตำนานและรูปแบบการสร้างพระธาตุดอยตุงและนำมาเป็นแรงบันดาลใจและแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์: พระธาตุดอยตุง ผู้วิจัยศึกษาข้อมูลทางด้านเอกสาร ลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนาม ข้อมูลสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ วิเคราะห์ข้อมูลและกำหนดโครงสร้างของบทเพลงและสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์ ผลการวิจัยพบว่า แนวคิดในการประพันธ์มี 5 แนวคิด 1) ฐานและองค์เจดีย์ 2) กระสวนทำนองบูชาพระธาตุ 3) การสร้างสำเนียงลาวจก 4) การสร้างพระธาตุคู่กันสององค์ 5) พิธีกรรมทางศาสนา สิ่งเหล่านี้จึงเป็นแรงบันดาลใจนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์แบ่งเป็น 4 ช่วง คือ ช่วงที่ 1) ปฐมศรัทธาสมโภช ประกอบด้วย เกริ่นพระธาตุดอยตุงปฐมบทต่อด้วยจ๊อยตำนานพระธาตุดอยตุง เพลงปรากฏนาคพัน เพลงศุทธิ์สรรค์ศรัทธา ช่วงที่ 2) เรืองโรจน์รังสฤษฎ์ ประกอบด้วยเพลงอชุตราชสถาปนา เพลงลาวจกบริบาล เพลงศานต์จิตบูชาพระรากขวัญ เพลงรังสรรค์เคียงสถาพร ช่วงที่ 3) เพริศพิศบูชา ประกอบด้วยเพลงแห่น้อยดอยตุง ช่วงที่ 4) เทวารักษ์พระธาตุดอยตุง ประกอบด้วยเพลงเทวาประชารักษ์นิรันดร์ โดยการประพันธ์ใช้ลักษณะการสร้างสำเนียงเพลงและใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างทำนองเพลงขึ้นใหม่ อาศัยเพลงต้นรากและการประพันธ์โดยอัตโนมัติ สร้างสรรค์หน้าทับขึ้นใหม่ บทเพลงใช้โครงสร้างเสียงกลุ่มเสียงปัญจมูล บันไดเสียงเพียงออบน บันไดเสียงเพียงออล่าง บันไดเสียงชวา มีการสร้างสรรค์รูปแบบการประสมวงกลองชาติพันธุ์ที่พบบริเวณพระธาตุดอยตุงคือ กลองตึ่งนง กลองตะลดปด กลองเต่งถิ้ง กลองมองเซิง กลองยาวลาหู่ วงสะล้อซอซึง วงป้าดก๊อง เพื่อดำเนินทำนองสร้างสำเนียงเสียงให้เกิดอรรถรสของบทเพลงและเติมเต็มจินตภาพของพระธาตุดอยตุงให้สมบูรณ์
ดุษฎีนิพนธ์การประพันธ์เพลง : “อู่ฮั่น” ตำนานชัยชนะแห่งมนุษยชาติสำหรับวงแจ๊สอองซอมเบลอร่วมสมัย, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
ดุษฎีนิพนธ์การประพันธ์เพลง : “อู่ฮั่น” ตำนานชัยชนะแห่งมนุษยชาติสำหรับวงแจ๊สอองซอมเบลอร่วมสมัย, พุทธพร ลี้วิเศษ
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
บทประพันธ์เพลงดุษฎีนิพนธ์: “อู่ฮั่น” ตำนานชัยชนะแห่งมนุษยชาติสำหรับวงแจ๊สอองซอมเบลอร่วมสมัย ประพันธ์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมบทประพันธ์เพลงบทใหม่ ซึ่งตีความจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ในประเทศไทย โดยเป็นการนำเรื่องราวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในช่วงต่างๆ ของประเทศไทยมาถอดความเพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นบทประพันธ์ที่มีสำเนียง ลีลาสีสัน และถ่ายทอดความรู้สึกในรูปแบบดนตรีแจ๊สร่วมสมัย โดยบูรณาการแนวคิดของดนตรีแจ๊ส ดนตรีคลาสสิก และดนตรีร่วมสมัย รวมถึงใช้เทคนิคการประพันธ์ต่างๆ และการถอดสัญญะของบทเพลง ได้แก่ เพลง ช้าง แสดงถึง ประเทศไทย เพลง ธรณีกรรแสง เป็นตัวแทนความโศกเศร้า มาเป็นวัตถุดิบในการประพันธ์ บทประพันธ์เพลงนี้มีความยาวโดยรวมประมาณ 40 นาที ประกอบด้วย 5 บทเพลง ได้แก่ บทประพันธ์เพลงที่ 1 The Attack: BKK 3/26/2020 แสดงถึงจุดเริ่มต้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โคโรนา 2019 ในประเทศไทย ประพันธ์เพลงที่ 2 The Chaos แสดงถึงความแตกตื่นของผู้คน บทประพันธ์เพลงที่ 3 The Sacrificing แสดงถึงความเสียสละและความสูญเสียที่เกิดขึ้น บทประพันธ์เพลงที่ 4 Time of the Black Shadow สะท้อนถึงความมืดมนของประเทศจากการระบาดแพร่ของไวรัสโคโรนา 2019 หลายระลอก และ บทประพันธ์เพลงที่ 5 Rising of the Heroes แสดงถึงความยืนหยัดต่อสู้และสุดท้ายเราได้ผ่านพ้นไป การนำเสนอบทประพันธ์เพลงประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดอย่างสมบูรณ์ เป็นผลงานวิชาการทางด้านการประพันธ์เพลงที่ผสมผสานระหว่างองค์ความรู้ทางดนตรีร่วมกับการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน
การออกแบบเรขศิลป์เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์สำหรับนิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การออกแบบเรขศิลป์เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์สำหรับนิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, ปราง ศิลปกิจ
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
งานวิจัยการออกแบบเรขศิลป์เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์สำหรับนิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.) เพื่อหาแนวทางการออกแบบเรขศิลป์เพื่อการสื่อสารอัตลักษณ์สำหรับนิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรม 2.) เพื่อหาแนวทางการนำอัตลักษณ์รูปแบบกระบวนการสร้างสรรค์งานหัตถกรรมมาใช้ในงานออกแบบเรขศิลป์ และ 3.) เพื่อสร้างสรรค์ต้นแบบการออกแบบเรขศิลป์เพื่อการสื่อสารอัตลักษณ์นิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดเชียงใหม่ ขอบเขตพื้นที่ศึกษา นิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรมจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม(Mixed Methods Research) ด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ร่วมกับการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ร่วมกับการออกแบบทางศิลปกรรม โดยใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลแบบการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งโครงสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวัฒนธรรมงานหัตถกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิปัญญางานหัตถกรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเรขศิลป์และเรขศิลป์เคลื่อนไหว และการประเมินความพึงพอใจของต้นแบบผ่านแบบสอบถามออนไลน์จากกลุ่มเป้าหมายทางการออกแบบ ในด้านการออกแบบเรขศิลป์พบว่า การศึกษาองค์ความรู้และแนวทางการนำอัตลักษณ์ของงานหัตถกรรมทั้งในด้านอัตลักษณ์และกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อสื่อสารผ่านงานออกแบบเรขศิลป์นั้นยังขาดรูปแบบมาตรฐานและหลักเกณฑ์ในการนำอัตลักษณ์งานหัตถกรรมมาใช้ ทำให้รูปแบบงานออกแบบเรขศิลป์สำหรับนิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรมมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน มีการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา และไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวได้ จึงนำมาสู่คำถามงานวิจัยคือแนวทางการออกแบบเรขศิลป์เพื่อการสื่อสารอัตลักษณ์สำหรับนิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรม จากอัตลักษณ์และรูปแบบการเคลื่อนไหวภายใต้กระบวนการการสร้างสรรค์ผลงานหัตถกรรมสำหรับนิเวศวัฒนธรรมด้านงานหัตถกรรมควรเป็นอย่างไร ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่าอัตลักษณ์งานหัตถกรรมแต่ละประเภทสามารถสื่อสารผ่านองค์ประกอบทางการออกแบบเรขศิลป์ และสามารถนำผลคำตอบมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบเรขศิลป์เพื่อสร้างสรรค์สื่อด้านการออกแบบสำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ โดยหากนำอัตลักษณ์เด่นของแต่ละพื้นที่นิเวศวัฒนธรรมตามองค์ประกอบทางการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ (Creative Placemaking) คือ ทรัพยากรทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเรื่องราวของชุมชน จะทำให้การออกแบบเรขศิลป์เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์งานหัตถกรรมสามารถสร้างความแตกต่างและนำเสนออัตลักษณ์ของพื้นที่นิเวศวัฒนธรรมเฉพาะได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากนิทรรศการผลงานทางนาฏยศิลป์ของ นราพงษ์ จรัสศรี, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากนิทรรศการผลงานทางนาฏยศิลป์ของ นราพงษ์ จรัสศรี, ภัคคพร พิมสาร
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
วิทยานิพนธ์เรื่องการสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากนิทรรศการผลงานทางนาฏยศิลป์ของนราพงษ์ จรัสศรี มีวัตถุประสงค์เพื่อหารูปแบบและแนวคิดที่ได้หลังการสร้างสรรค์ผลงานนาฏยศิลป์ ด้วยรูปแบบการวิจัยเชิงสร้างสรรค์และเชิงคุณภาพ ที่มีกระบวนการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเชิงเอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ สื่อสารสนเทศ การสัมมนาประสบการณ์ของผู้วิจัย เกณฑ์มาตรฐานศิลปิน ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการสร้างสรรค์ผลงานนาฏยศิลป์มีองค์ประกอบ 8 ประการ ได้แก่ 1) การออกแบบบทการแสดง จากแก่นเรื่อง “การเดินทางสู่ความสำเร็จ” ด้วยวิธีการเล่าเรื่อง (Storytelling) และการใช้เทคนิคแบบปะติด (Collage) นำไปสู่ความเป็นเลิศทั้ง 3 ประการของนราพงษ์ จรัสศรี ประกอบด้วย ในฐานะนักแสดง นักออกแบบสร้างสรรค์และนักวิชาการ โดยแบ่งออกเป็น 2 องก์การแสดง ประกอบด้วย องก์ 1 มี 5 ฉาก และองก์ 2 มี 5 ฉาก 2) การคัดเลือกนักแสดง เป็นผู้ที่มีทักษะทางด้านศิลปะการละครเป็นหลัก ประกอบทักษะทางด้านนาฏยศิลป์ 3) การออกแบบลีลานาฏยศิลป์ มีการใช้ลีลานาฏยศิลป์ไทย บัลเลต์ การเต้นแจ๊ส นาฏยศิลป์ร่วมสมัย นาฏยศิลป์หลังสมัยใหม่ด้วยการใช้ลีลาท่าทางในกิจวัตรประจำวัน (Everyday Movement) ลีลาการด้นสด (Improvisation) และการเต้นแบบสมัยนิยม อาทิ การเต้นป๊อปปิ้ง (Popping) และการเต้นฮิปฮอป (Hiphop) ในรูปแบบนาฏยการแสดง (Dance Theatre) มาบูรณาการกับเส้นทางการสัญจรในการชมนิทรรศการด้วยการจัดวางแบบรูป (Pattern) ทิศทางการเคลื่อนที่ของนักแสดง 4) การออกแบบเสียงและดนตรีที่ใช้ในการแสดง เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยด้วยเสียงขลุ่ย และวัฒนธรรมตะวันตกด้วยแซ็กโซโฟน ประกอบกับเพลงตามยุคสมัยในช่วงชีวิตของนราพงษ์ จรัสศรี และการแต่งเพลงแร็พ (Rap) ขึ้นมาใหม่ที่สามารถสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ได้5) การออกแบบอุปกรณ์ประกอบการแสดง แบ่งออกเป็นอุปกรณ์ประกอบการแสดงขนาดใหญ่ที่เคลื่อนย้ายได้ (Set Props) ได้แก่ รองเท้าบัลเลต์ และหนังสือขนาดใหญ่ และอุปกรณ์ประกอบการแสดง (Prop) ได้แก่ รูปภาพ กระเป๋าเดินทาง เก้าอี้ โหลแก้วทรงกระบอก ชิงช้า 6) การออกแบบเครื่องแต่งกายที่เน้นความเรียบง่าย (Simplicity) นำลักษณะเด่นของเครื่องแต่งกายแต่ละประเภทมาสื่อความหมายแทน 7) …
การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากคำพังเพยที่สะท้อนถึงสังคมไทยในปัจจุบัน, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากคำพังเพยที่สะท้อนถึงสังคมไทยในปัจจุบัน, มนทิรา มโนรินทร์
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบและแนวคิดที่ได้หลังจากการสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากคำพังเพยที่สะท้อนถึงสังคมไทยในปัจจุบัน โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงสร้างสรรค์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย การสำรวจข้อมูลเชิงเอกสาร การสัมภาษณ์ สื่อสารสนเทศ การสังเกตการณ์ สัมมนา ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้วิจัย และเกณฑ์การสร้างมาตรฐานในการยกย่องบุคคลต้นแบบทางด้านนาฏยศิลป์ นำข้อมูลมาตรวจสอบ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และสร้างสรรค์ผลงานนาฏยศิลป์ตามกระบวนการที่กำหนดไว้ ผลการวิจัยพบว่าการสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากคำพังเพยที่สะท้อนถึงสังคมไทยในปัจจุบัน มีรูปแบบในการสร้างสรรค์นาฏยศิลป์ทั้งสิ้น 8 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) บทการแสดง ออกแบบบทการแสดงโดยวิเคราะห์จากคำพังเพย แบ่งออกเป็น 42 ฉากการแสดง 2) นักแสดง ใช้การคัดเลือกนักแสดงที่มีทักษะในการแสดงที่หลากหลายรวมทั้งรูปร่าง สัดส่วน สีผิว และ เพศ ที่หลากหลายในการแสดง 3) ลีลานาฏยศิลป์ ใช้ลีลาการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน การด้นสดตามหลักของนาฏยศิลป์สมัยใหม่และหลังสมัยใหม่ รวมทั้งลีลาการเคลื่อนไหวเชิงละคร 4) เครื่องแต่งกาย ใช้เครื่องแต่งกายที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย เป็นต้น และเครื่องแต่งกายที่สามารถสวมใส่ได้ชีวิตประจำวัน 5) อุปกรณ์ประกอบการแสดง ใช้อุปกรณ์ประกอบการแสดงที่พบเห็นได้ง่ายในชีวิตประจำวัน 6) เสียงและดนตรีประกอบการแสดง เสียงดนตรีรูปแบบบรรเลงในการใช้ประกอบการแสดง 7) ฉากและพื้นที่การแสดง ใช้สถานที่จริงให้มีความสอดคล้องกับบทการแสดง 8) แสง ใช้แสงธรรมชาติให้มีความสอดคล้องกับบทการแสดง นอกจากนี้พบว่ามีแนวคิดที่ได้หลังจากการสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากคำพังเพย 6 ประการ ได้แก่ 1) คำพังเพย 2) สังคมไทย 3) ความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม 4) ความหลากหลายในงานนาฏยศิลป์ 5) การใช้สัญลักษณ์ในผลงานสร้างสรรค์ 6) แนวคิดทางด้านทัศนศิลป์ นาฏยศิลป์และดุริยางคศิลป์ ซึ่งผลการวิจัยทั้งหมดนี้มีความสอดคล้องและตรงตามวัตถุประสงค์ ของการวิจัยทุกประการ
การสร้างสรรค์บทเพลงเทิดพระเกียรติชุด พระแม่อยู่หัวของแผ่นดิน, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การสร้างสรรค์บทเพลงเทิดพระเกียรติชุด พระแม่อยู่หัวของแผ่นดิน, อนันท์สิทธิ์ การหนองใหญ่
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาวิจัยเรื่องการสร้างสรรค์บทเพลงเทิดพระเกียรติชุด พระแม่อยู่หัวของแผ่นดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการประพันธ์เพลงชุดพระแม่อยู่หัวของแผ่นดินและเพื่อสร้างสรรค์ผลงานด้านดุริยางคศิลป์ไทยในบทเพลงชุด พระแม่อยู่หัวของแผ่นดิน ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการศึกษาข้อมูลเอกสารและสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านดุริยางศิลป์ ผลการวิจัยพบว่า พระราชประวัติของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จำแนก 6 ด้านได้แก่ ด้านความมั่นคงของชาติ ด้านการอนามัยและสังคมสงเคราะห์ ด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านศิลปาชีพ ด้านการศึกษา และด้านศิลปวัฒนธรรม วิธีการประพันธ์ยึดหลักการประพันธ์เพลงไทยอันสื่อถึงบทเพลงแห่งความมงคล สื่อพระราชประวัติช่วงต่าง ๆ ใช้กลวิธีบรรเลงลักษณะบรรยายเรื่องราว แบ่งทำนองออกเป็น 4 ช่วง รวม 9 บทเพลง ได้แก่ เพลงแรกแย้ม เพลงพระราชประวัติ 3 ท่อน (ท่อน 1 เสียงของแม่ ท่อน 2 แผ่ไทยผอง ท่อน 3 ชนซาบซึ้ง) เพลงพระราชกรณียกิจ 6 เพลงได้แก่ เพลงแดนดิน เพลงแพทย์หลวง เพลงอนุรักษ์ เพลงสืบศิลป์ เพลงดินสอ เพลงมรดก และส่วนสุดท้ายเป็นช่วงเพลงสรรเสริญ ได้แก่ เพลงพระแม่อยู่หัวของแผ่นดิน โดยมีวิธีการประพันธ์ทำนองเพลง 3 รูปแบบ รูปแบบแรก การนำทำนองต้นรากส่วนหนึ่งของบางเพลง นำมาเป็นทำนองสัญลักษณ์ในการประพันธ์เพลงใหม่ ได้แก่ เพลงกราวรำ สองชั้น เพลงลาวดวงเดือน เพลงเต่ากินผักบุ้ง เพลงเต่าเห่ ประพันธ์ทำนองเพลงใหม่ได้แก่ เพลงแรกแย้ม (เพลงกราวรำ สองชั้น) เพลงพระราชประวัติ ท่อน 1 เพลงเสียงของแม่ (เพลงใกล้รุ่ง) เพลงพระราชประวัติ ท่อน 2 เพลงชนซาบซึ้ง (เพลงเต่าเห่) เพลงขับไม้บัณเฑาะว์ (เพลงดินแดน) เพลงมรดก (เพลงลาวดวงเดือน) และเพลงพระแม่อยู่หัวของแผ่นดิน (เพลงเต่ากินผักบุ้งและเพลงเต่าเห่) รูปแบบที่สอง การอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9 ได้แก่ เพลงใกล้รุ่งและเพลงสายฝน มาเป็นต้นรากในการประพันธ์ ได้แก่ เพลงพระราชประวัติ เพลงที่ 1 คือเพลงเสียงของแม่ (เพลงใกล้รุ่ง) และเพลงแพทย์หลวง (เพลงสายฝน) …
การออกแบบเรขศิลป์ในสิ่งแวดล้อมพื้นที่สำนักงานร่วมแบ่งปัน จากแนวคิดไบโอฟิลเลีย สำหรับเจเนอเรชั่นวาย, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การออกแบบเรขศิลป์ในสิ่งแวดล้อมพื้นที่สำนักงานร่วมแบ่งปัน จากแนวคิดไบโอฟิลเลีย สำหรับเจเนอเรชั่นวาย, ศศิกาญจน์ นารถโคษา
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การออกแบบเรขศิลป์ในสิ่งแวดล้อมพื้นที่สำนักงานร่วมแบ่งปันจาก แนวคิดไบโอฟิลเลีย สำหรับเจเนอเรชั่นวาย มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาแนวคิดไบโอฟิลเลียและพฤติกรรมของเจเนอเรชั่นวาย พัฒนาสู่องค์ประกอบทางการออกแบบเรขศิลป์สำหรับพื้นที่สำนักงานร่วมแบ่งปัน ผู้วิจัยใช้การวิจัยแบบผสมผสาน (Mix Methods Research) ระหว่างวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ มีการศึกษาแนวคิดไบโอฟิลเลีย ในเชิงการออกแบบเรียกว่า การออกแบบไบโอฟิลลิค เป็นการเอาธรรมชาติมาเป็นศูนย์กลางของการออกแบบ หลังจากนั้นผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างเจเนอเรชั่นวาย จำนวน 411 ชุด และแบบสัมภาษณ์กลุ่มเจเนอเรชั่นวาย ที่เป็นสมาชิกของสำนักงานร่วมแบ่งปัน ในขอบเขตของโครงการจำนวน 10 คน เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่สำนักงานร่วมแบ่งปันในแต่ละโซน สรุปได้ว่า 1) ส่วนต้อนรับ ต้องการกระตือรือร้น จากบรรยากาศน้ำตกมากที่สุด ร้อยละ 56.84 2) สำนักงานร่วมแบ่งปัน ต้องการให้เป็นพื้นที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ จากบรรยากาศชายหาดมากที่สุด ร้อยละ 62.77 3) สำนักงานส่วนตัว ต้องการความเป็นส่วนตัว จากบรรยากาศภูเขามากที่สุด ร้อยละ 70.75 4) ห้องประชุม ต้องการให้เป็นพื้นที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ จากบรรยากาศชายหาดมากที่สุด ร้อยละ 64.57 5) พื้นที่ทานอาหาร ต้องการการกระตุ้นความอยากอาหาร จากบรรยากาศชายหาดมากที่สุด ร้อยละ 68.52 6) คาเฟ่ ต้องการความผ่อนคลาย จากบรรยากาศชายหาดมากที่สุด ร้อยละ 70.12 7) ส่วนพักผ่อน ต้องการความผ่อนคลาย จากบรรยากาศชายหาดมากที่สุด ร้อยละ 65.21 8) ห้องสมุด ต้องการความสงบ จากบรรยากาศภูเขามากที่สุด ร้อยละ 72.90 9) ห้องปริ้นเตอร์และห้องโทรศัพท์ ต้องการบรรยากาศสะดวกสบายจากภูเขามากที่สุด ร้อยละ 76.59 สรุปผลการวิจัยด้าน การพัฒนาแนวคิดไบฟิลเลียสู่องค์ประกอบทางเรขศิลป์ สำหรับสำนักงานร่วมแบ่งปัน โดยองค์ประกอบทางเรขศิลป์ ดังนี้ 1) ความกระตือรือร้น ใช้เส้นประแนวเฉียง รูปทรงธรรมชาติ และ พื้นผิวขรุขระไม่สม่ำเสมอ 2) ความกระฉับกระเฉง ใช้เส้นนำสายตา จุดหลายขนาด และรูปร่างอิสระ 3) ความสะดวกสบาย ใช้เส้นคลื่นรูปร่างโค้งวงกว้าง และจุดค่อยๆกระจายตัว 4) …
การสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์ : เพลงตับเรื่อง "วิถีชีวี นทีสยาม", 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
การสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์ : เพลงตับเรื่อง "วิถีชีวี นทีสยาม", สุวิวรรธ์น ลิมปชัย
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์: เพลงตับเรื่อง “วิถีชีวี นทีสยาม” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมาของแหล่งน้ำที่ใช้ผลิตน้ำประปานครหลวงและมูลบทที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างองค์ความรู้และสร้างสรรค์ผลงานทางดุริยางคศิลป์: เพลงตับเรื่อง “วิถีชีวี นทีสยาม” ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการศึกษาข้อมูลเอกสารและสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ผลการวิจัยพบว่า แหล่งน้ำดิบที่การประปานครหลวงนำมาเป็นน้ำต้นทุนมาจากแม่น้ำ 2 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำแม่กลอง โดยการลำเลียงน้ำเข้าสู่คลองประปาเพื่อทำการบำบัด และนำจ่ายให้กับประชาชนใน 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ วิธีการประพันธ์ ศึกษาองค์ความรู้จากการค้นคว้าเอกสาร การสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิอีกทั้ง ศึกษาเพลงที่เกี่ยวข้องกับน้ำเพื่อดูกระบวนการในการสร้างสรรค์เพลง และออกแบบทำนองที่มีทั้งลักษณะของอาการและลักษณะทางกายภาพของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับน้ำทั้งหมด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการประพันธ์เพลง แบ่งการประพันธ์ไว้ 2 ส่วน ส่วนแรก ประพันธ์บทกลอน มีทั้งสิ้น 3 บทกลอน โดยบทกลอนที่ 1 กล่าวถึงวัฏจักรของน้ำและการก่อกำเนิดชีวิต บทกลอนที่ 2 กล่าวถึงแหล่งน้ำที่นำมาผลิตน้ำประปานครหลวง และบทกลอนที่ 3 กล่าวถึงขั้นตอนในการผลิตน้ำประปา การลำเลียงน้ำเข้าสู่ครัวเรือน และความสุขที่คนไทยได้มีน้ำสะอาดใช้ ประพันธ์บทกลอนชนิดกลอนสุภาพ (กลอนแปด) ส่วนที่ 2 ประพันธ์ทำนองเพลง แบ่งเป็น 3 ช่วง 9 บทเพลง ได้แก่ ช่วงที่หนึ่ง สายน้ำแห่งชีวิต: ต้นกำเนิดของแหล่งน้ำที่นำมาผลิตน้ำประปา มี 3 เพลง คือ เพลงมูรธาธาร เพลงเอกโอฬารเจ้าพระยา และเพลงวหาแม่กลองสุขสวัสดิ์ ช่วงที่สอง ผลผลิตทรงคุณภาพ: การตรวจจับสารพิษและการบำบัดน้ำ มี 4 เพลง ได้แก่ เพลงมัศยาคงคาลัย เพลงพลาดิศัยบูรณาสินธุ์ เพลงนฤมลทินธารวิสุทธิ์ และเพลงศรีอัมพุชชโลทร และช่วงที่สาม ตราบนทีเขษม: การลำเลียงน้ำเข้าสู่ครัวเรือนเพื่อความผาสุกของประชาชน มี 2 เพลง ได้แก่ เพลงสืบสายนาครสาคเรศ และเพลงสมเจตนามหานที โดยบทเพลงทั้ง 9 เพลง ใช้วิธีการประพันธ์แบบอัตโนมัติ และประพันธ์จากทำนองต้นราก วงดนตรีที่ใช้บรรเลง ได้แก่ วงดนตรีพิเศษ โดยรูปแบบของวงดนตรีจะเป็นวงที่ใช้วงเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย เครื่องตี …
ดุษฎีนิพนธ์การประพันธ์เพลง: บทเพลงมหานครสำหรับวงขับร้องประสานเสียงและออร์เคสตรา, 2022 คณะศิลปกรรมศาสตร์
ดุษฎีนิพนธ์การประพันธ์เพลง: บทเพลงมหานครสำหรับวงขับร้องประสานเสียงและออร์เคสตรา, เกื้อกูล เดชมี
Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ดุษฎีนิพนธ์การประพันธ์เพลง: บทเพลงมหานครสำหรับวงขับร้องประสานเสียงและออร์เคสตรา ประพันธ์ขึ้นจากแรงบันดาลใจที่มีต่อกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นมหานครและเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองที่มีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง และเป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศไทย สำหรับบทประพันธ์นี้ ผู้วิจัยได้เลือกที่จะประพันธ์โดยนำเสนอย่านเมืองต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครที่ผู้วิจัยสนใจ หรือได้รับแรงบันดาลใจ โดยนำเสนอในมุมมองที่แตกต่างกัน เช่นในแง่ของประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตในอดีตและปัจจุบัน ปัญหาสังคม เหตุการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงตำนานของสถานที่นั้น ๆ จนสร้างสรรค์ออกมาเป็นบทประพันธ์ 7 กระบวน ได้แก่ เจริญกรุง ดาวคะนอง สาทร พาหุรัด ข้าวสาร ท่าเตียน และราชดำเนิน โดยผู้วิจัยเป็นผู้ประพันธ์ทั้งดนตรีและคำร้องทั้งหมด โดยใช้องค์ความรู้ดนตรีที่มีอยู่เดิม และจากการศึกษาบทประพันธ์อื่นเพิ่มเติม ทั้ง 7 กระบวนนี้นำเสนอกรุงเทพมหานครในมุมมองที่แตกต่างกัน โดยเจริญกรุงนั้นนำเสนอในด้านประวัติศาสตร์ของถนนสายนี้ ดาวคะนองนำเสนอมุมมองด้านการคมนาคมในกรุงเทพมหานคร สาทรนำเสนอถึงวิถีชีวิตผู้คนในเมือง พาหุรัดนั้นนำเสนอความสนุกสนานในย่านนั้น และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ในขณะที่ข้าวสารนั้น ผู้วิจัยได้นำเสนอปัญหาทางสังคมที่มีอยู่ ท่าเตียนผู้วิจัยได้นำเสนอตำนานพื้นบ้านของท่าเตียน และราชดำเนินนั้นได้นำเสนอเรื่องราวทางการเมืองของกรุงเทพมหานครและประเทศไทย
Invisible Confidence: Developing An Innovative Leotard For Urinary And Menstrual Protection, 2022 WVU
Invisible Confidence: Developing An Innovative Leotard For Urinary And Menstrual Protection, Desiree' Nicole Childers
Graduate Theses, Dissertations, and Problem Reports
Invisible Confidence: Developing an Innovative Leotard for Urinary and Menstrual Protection
The focus of this thesis project is to develop a multifaceted study, related to leotards in competitive gymnastics and dance with regards to design and construction, use of absorbent fabrics, and product development and marketing. The research for developing this design will include: the exploration into the anesthetic design of the gymnastics leotard, along with the mechanical properties of fabric in the area of absorption and durability, as well as how the construction might affect these aspects, and will explore the steps towards the development and marketing of these …